11 ตุลาคม 49 ได้เข้าร่วมประชุมกับคณะทำงานภาคีจิตอาสา ตอนเที่ยงหลังประชุม อาจารย์เอื้อง ผอ.กศน.จังหวัด พูดคุยด้วยในโต๊ะกินข้าว เรื่องชวนเป็นครูอาสาขึ้นไปทำงานบนดอยอยู่กับตองเหลือง และที่พูดคุยกันมีผอ.กฤษฎา ผอ.กศน.เวียงสา ร่วมด้วย อย่างไรเสียวันที่ 17 ขอคำตอบจะได้ไหม และวันที่ 21 จะมีการพูดคุยกันที่ กศน.จังหวัด เรื่องการร่างหลักศูนย์การเรียนรู้ภาษาไทยของมลาบรี
วันที่ 17 เวลา 14.30 น.ได้โทร.คุยกับ ผอ.กศน.เวียงสา ว่ายินดี ขึ้นไปอยู่บนดอยกับพี่น้องตองเหลือง
และวันที่ 21 ได้เข้าร่วม พูดคุยเตรียมร่างหลักสูตรเรียนรู้หนังสือไทยของมลาบรี
รู้สึกยินดี และขอบคุณในความเสียสละครับ กับการที่ได้ใช้พื้นที่แหล่งนี้ เพื่อแบ่งปันความรู้จากการทำงาน ในฐานะผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ แก่พวกเรา
ด้วยความยินดีที่ได้แลกเปลี่ยน
และขอคำแนะนำการการทำงานด้วย
"เล่นเป็นหมู ดูเป็นอาจารย์"
ขอคุณครับ
คงลืมไม่เอกนะครับ หมู่ เลยกลายเป็น หมู ( สี่ขา ) เฮ่อ ๆ ๆ
นี่ละการสื่อสาร ไม่เอกหาย ความหมายเปลี่ยน แต่ก็พอเข้าใจได้ไม่ยาก
ตอนแรกอ่านไม่เข้าใจ นึกคิดอยู่ว่า หมูเล่นอย่างไร หรือหมูขี้เล่น หากไม่ใช่หมู ก็คงเป็นคำว่า หมู่ ที่หมายถึง คณะหรือพวกพ้องแน่แท้
เรียกว่า ทำงานเป็นทีมนั่นแหละดีเป็นครูเป็นบา เป็นอาจารย์
วันที่ 7 พฤศจิกา เริ่มลุยงานเรียนรู้
สิ่งแรกที่รู้จัก
โอ หรือไลย ลูกตาศรี เป็นเด็กคนแรก เรียน ป.6 ร.ร.ภูเค็ง
ไกร หรือไกรเลิศ ชายมลาบรีคนแรก ลูกตาศรี เป็นสามีนภา พ่อของสุเทพ
เสาวนีย์ คือหญิงคนแรกที่รู้จัก เป็นภรรยาของพจน์ เสาวนีย์กำลังท้อง น่าจะไม่น้อยกว่า 5 เดือน
มะลิ คือเด็กเล็กคนแรกที่เห็นและสงสารมาก เพราะทราบว่าพ่อแม่ไปนอนไร่วันนี้เป็นวันที่3แล้วที่ไม่ได้กลับมา มะลิไม่ใส่เสื้อผ้า เป็นลูกของประคอง และยอม
บ้านนายจันทร์ เป็นบ้านหลังแรกที่เข้าไปพูดคุยด้วย
คืนแรก จุดตะเกียงไม่เป็น นอนมืดทั้งคืน 5555
เล่นเป็นหมู "หมู" ถูกต้องแล้วครับ ใช่ 4 ขา ที่มลาบรีเรียก "จูบุด" คำที่ผมเขียนเป็นคำเปรียบเปรยในเกมกีฬา เมื่อคนที่ลงเล่นจะกลายเป็นหมูของคู่แข่ง หมายถึงไม่รู้ว่าอะไรควรถอยหรือตรงไหนควรน็อค สู้เป็นมวยวัด แต่คนที่ยืนดูอยู่จะเห็นข้อบกพร่องเหมือนเป็นอาจารย์ ดังนั้น คนที่ไม่ได้เล่นต้องคอยเป็นคนแนะนำว่าควรบุกตอนไหน ควรถอยตอนไหน
"เล่นเป็นหมู ดูเป็นอาจารย์" ถูกต้องแล้วครับ...
ขอบคุณมากครับที่พยายามเข้าใจ