กัมพูชา : Jigsaw เจ้าปัญหา


ณ เวลานี้คนกัมพูชากำลังเป็นนักเรียนรู้ เพื่อที่จะพัฒนาตนเอง และประเทศชาติให้ทันกับนานาประเทศ

        เช้าวันที่ 28 ก.พ.ครับ เป็นวันที่ทีมเราเดินทาง เรานัดพบกันที่สุวรรณภูมิ โดยมีผมกับปุ๊กเดินทางจากแก่งคอยไปสมทบกับ เชาว์และปิ๋ง ที่มาจากบางซื่อ เรามีสัมภาระที่ค่อนข้างมากครับ เพราะว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่เราจัดในกัมพูชา จึงต้องการให้พนักงานที่เป็นคนท้องถิ่นได้เกิดความตื่นตัว และ เชื่อมั่นในองค์กรของเรา ฉะนั้นเราจึงคิดว่า จะต้องทำในสิ่งที่เขาไม่เคยได้เห็น แต่การขนสัมภาระมากๆสร้างปัญหาให้กับทีมเราไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้า Jigsaw” ที่เป็นรูปภาพของโรงงาน ที่มีขนาด 2.4 x 2.4 เมตร ซึ่งหากเป็นที่ประเทศไทยเราก็แป็นแบบเด็กๆ แต่ที่เป็นกัมพูชาแล้วก็ถือว่าเป็นขนาดที่ใหญ่มาก ตอนออกจากไทย ไม่มีปัญหาครับ แต่พอเราไปถึงที่สนามบิน โปเชนตง ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติของกัมพูชา เราเจอปัญหาที่ด่านศุลกากรครับ ไม่ยอมให้เราเอา Jigsaw ออกมาได้ง่าย ตรวจแล้วตรวจอีก ก็ไม่ยอมให้เอาออกมา ทีมเราก็ยังไม่สามารถติดต่อกับทีมงานที่กัมพูชาได้ พูดคุยเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอม  ทีมเราก็ถูกกักอยู่ตรงที่ศุลกากร อย่างไม่มีเหตุผล อยู่ประมาณ เกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งติดต่อกับทีมจากกัมพูชาได้ และให้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร แค่นั้นแหละเขาก็พยักหน้ายอมปล่อยให้เราออกมาแบบง่ายๆ เราทุกคนก็งงว่า พอทีจะง่ายก็ง่าย พอบทจะยากก็ยาก ตอนหลังเราก็ได้ทราบว่า การติดต่องานที่กัมพูชาง่ายที่สุดคือให้คุยกับทหาร และการที่เขายอมปล่อยเราง่ายๆเพราะว่าทีมงานที่กัมพูชาได้ให้ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของบริษัท คุยกับศุลกากร ..จึงยอมปล่อยเราออกมาง่ายๆ..

          พอออกมาจากสนามบิน โปเชนตง ได้ทีมเราก็มุ่งหน้าเข้ากรุงพนมเปญ โดยมีจุดมุ่งหมายที่ร้านทำกรอบรูป เพื่อที่จะติดต่อทำกรอบ เจ้า Jigsaw นั่นแหละ เราใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหาร้านที่ทำกรอบรูปได้ ระหว่างนั้นก้ได้นั่งรถวนไปวนมา ก็เลยถือโอกาสชมเมืองกันไปพรางๆ (เพราะหาร้านไม่เจอครับ)..สภาพทั่วไปของกรุงพนมเปญ สองข้างทางจะมีการก่อสร้างค่อนข้างมาก ทั้งการสร้างถนน และบ้านเรือน ร้านค้า  สิ่งที่ตื่นตาตืนใจที่สุดของผม ก็เป็นเรื่องของการจราจรครับ ซึ่งเป็นภาพที่ชุลมุนวุ่นวายไม่น้อย บนท้องถนนเต็มไปด้วยยานพาหนะ ที่เป็นทั้งรถยนต์ รถมอเตร์ไซค์ จักรยาน และ แม้แต่เกวียน ก็ยังมีให้เห็น การขับรถของชาวกัมพูชา จะขับเลนขวา ที่ไม่มีระเบียบเลย ผมไม่แน่ใจว่าเขามีกฏ ระเบียบการจราจรหรือเปล่านะครับ ไม่กล้าถาม กลัวไม่ได้กลับเมืองไทย เพราะภาพที่เห็นมันชุลมุนกันมาก รถวิ่งขวักไขว่ สวนกันไปมา ไม่มีเลน ตลอดเส้นทางจะได้ยินแต่เสียงบีบแตรรถ ดังลั่นทั่วท้องถนน .

  ...หลังจากที่เราตะเวนหาร้านทำกรอบรูป จนเจอแล้ว ตอนแรกก็นึกว่าจะสบายแล้ว คุยซักพักก็คงเสร็จงานคราวนี้ก็คงจะได้พักกัน ...หารู้ไม่ว่านั่นเรากำลังจะเจอโจทย์ที่ร้ายกว่าที่สนามบินซะอีก พอเราเดินเข้าไปในร้าน ..เราได้ให้ โซดิน ซึ่งเป็นพนักงานกัมพูชาที่มารับพวกเรา เข้าไปพูดคุยอธิบายถึงรูปแบบ ของกรอบรูปที่เราต้องการ เห็นเขาคุยกันได้ซักพัก โซดิน ที่พอพูดภาษาไทยได้บ้างมาบอกพวกเราว่าทางร้านเขาไม่เข้าใจ ว่ากรอบรูปอะไรถึงใหญ่ชนาดนั้น เขาไม่เคยทำ ผมจึงเข้าไปพยายามอธิบาย โดยใช้วิธีวาดรูปให้เจ้าของร้านดู  วาดแล้ววาดอีกเขาก็บังไม่เข้าใจอยู่ดี เราจึงช่วยกันยกเจ้า Jigsaw ลงมาจากรถ เพื่อที่จะต่อให้เจ้าของร้านดู แต่ก็ไม่สามารถต่อได้เพราะในร้านมีพื้นที่ไม่พอ เราใช้เวลาอธิบายอยู่นานามาก ทั้งวาดรูปทั้งใช้ภาษามือ ทั้งจำลองแบบ Jigsaw ให้ดู จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงครับ ผมตัดสินใจ ไหนๆก็ไหนๆ จึงขอยืมเลื่อยของทางร้าน และ ขอเศษพลาสติก ที่มีอยู่ในร้าน มานั่งทำแบบจำลอง ตามรูปแบบที่เราต้องการ ให้ดู และเขียนขนาด ติดไว้ให้ชัดเจน พอเจ้าของร้านเห็นแบบจำลองก็พยักหน้า แสดงว่าเข้าใจแล้ว เฮ้อ..โล่งอกไปที ..แต่ยังไม่จบครับ ถึงเวลาตกลงราคากัน พวกเราแทบลมจับอีกครั้งครับ เมื่อภรรยาของเจ้าของร้านบอกราคามาว่า 1,000 เหรียญ (หนึ่งพันเหรียญ) คิดเป็นเงินไทยแล้วตกสามหมื่นกว่าบาท โอ้ พระเจ้า ก็แค่ กรอบรูปที่ทำด้วย แผ่นพลาสติก ขนาด 1.20 x 2.40 ต่อกับ 4 แผ่น และใช้แผ่นสังกะสีตีกรอบ เท่านั้นเอง ทำไมแพงขนาดนี้ จึงได้ให้ โซดิน ต่อรอง กว่าจะต่อรองกันได้ก็เล่นซะนานเหมือนกัน สุดท้ายตกลงราคากันที่ 350 เหรียญ ลดลงเกือบ 3 เท่าตัวแน่ะ ..พอตอนหลังมาพรรคพวกเล่าให้ฟังว่าถ้าจะซื้อของต้องต่อลองราคาลง 2 – 3 เท่าตัว เพราะยิ่งเขารู้ว่าเป็นคนไทยล่ะก็ เรียกแพงไว้ก่อนเลยล่ะ  กว่าเราจะออกจากร้านทำกรอบรูปมาได้ก็ปาเข้า เกือบบ่ายสอง แล้ว แต่ละคน หิวกันซะแทบแย่..จึงไม่รอช้าที่จะหาอะไรกินรองท้องกัน

       หลังจากที่กินอะไรกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางจากพนมเปญไปจังหวัดกัมปอต ที่เป็นที่ตั้งโรงงาน ระยะทางจากพนมเปญ ไปกัมปอต ประมาณ 130 กิโลเมตร แต่เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง..ครับ..ในระหว่างที่นั่งรถไปกัมปอต ผมได้นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆในช่วงเช้า ก็พอสรุปได้ว่า การติดต่อประสานงานในกัมพูชา  ควรมีเทคนิคดังนี้

1.     หาคนที่รู้จักช่วยประสานงานให้ ยิ่งถ้าได้ผู้เป็นทหารได้จะยิ่งทำให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น

2.     การทำงานต้องวางแผนเรื่องเวลา โดยต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย เพราะกว่าจะคุยกันรู้เรื่องไม่ใช่ง่ายๆ บางทีเรื่องที่เราว่าง่ายๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจของคนกัมพูชาได้

3.     การคิดที่จะทำอะไรที่กัมพูชาให้ลองนึกย้อนหลังเราไปอีกซัก 5 – 10 ปีที่ผ่านมา

4.     การเจรจากับคนกัมพูชา หากเป็นไปได้ต้องมีตัวอย่าง หากจะไปบอกแล้วให้เขาคิดตามนั้นดูจะเป็นเรื่องยาก ต้องรู้จักวิธีการพลิกแพลง ในการสื่อสาร

5.     การจะซื้อของ หรือจ้างทำของ ต้องต่อราคาให้มากไว้ก่อนอย่าใจร้อน ไม่เช่นนั้นจะได้ของแพง แต่คุณภาพอาจไม่ประทับใจ  

      สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจคนกัมพูชา ก็คือ เรื่องความอดทน จะเห็นได้ว่าในช่วงที่เราคุยกันเรื่องการทำกรอบรูป ไม่ว่าจะนานาแค่ไหน เขาพยายามที่จะทำตามความเข้าใจ ตามรูปแบบที่เราต้องการ เขาไม่ได้แสดงความหงุดหงิด หรือโกรธเคืองอะไรออกมาให้เราเห็น ทีมเราซะอีกที่หงุดหงิด บ่นในใจเมื่อไหร่จะเข้าใจซะที ..ดูเขามีความพายามที่จะทำงาน ไม่ปฏิเสธงาน  เรียนรู้ที่จะทำงาน แม้ไม่เคยทำ ผมจึงเชื่อว่า ณ เวลานี้คนกัมพูชากำลังเป็นนักเรียนรู้ เพื่อที่จะพัฒนาตนเอง และประเทศชาติให้ทันกับนานาประเทศ ครับ .. 

คำสำคัญ (Tags): #กัมพูชา
หมายเลขบันทึก: 82123เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2007 00:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 10:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท