ตอนอยู่เมืองไทย วันไหนไม่ได้ดื่ม ชาเย็น กาแฟเย็น โอเลี้ยง ก็จะรู้สึกเซ็ง ๆ เหมือนชีวิตนี้ขาดอะไรไป แต่พออยู่เมืองนอก หาชาเย็นดื่มมันคงไม่ง่ายซะแล้ว
คนอังกฤษและสก๊อตนิยมดื่มชากันมาก แต่เป็นชาร้อนหรืออุ่น ๆ แทนที่จะเป็นชาเย็น ชาอุ่น ๆ กับอากาศหนาว ๆ เข้ากันเหลือเกิน ชาที่นิยมดื่มกันก็คือ English tea เวลาดื่มก็จะใส่นมสดนิดนึง หรือบางคนชอบหวานก็จะเติมน้ำตาลทรายอีกหน่อย รสชาดกำลังดี นอกจากดื่มชาเพื่อทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นแล้ว การดื่มชายังถือเป็นการโอกาสพบปะพูดคุยกับเพื่อน ๆ อีกด้วย
อย่างเช่นที่เคมบริดจ์ เกือบทุกภาควิชาจะกำหนดให้มีเวลาดื่มชา หรือที่เรียกกันว่า tea time วันละสองเวลา ตอนเช้า 10.30 และตอนบ่าย 15.30 คนส่วนใหญ่ก็จะมานั่งดื่มชากันในห้องที่เรียกว่า tea room (แต่ใครจะดื่มกาแฟก็ได้นะ ไม่ว่ากัน) คนเหล่านี้จะมานั่งจับกลุ่มคุยกันสักครึ่งชั่วโมงก็แยกย้ายไปทำงาน
ไม่ใช่ดื่มแค่ tea time เท่านั้น เวลาเราทำงานอยู่ที่หอพัก ก็ชอบที่จะดื่มชาเหมือนกัน ที่ห้องมีชาหลายชนิด เช่น fruit tea, camomile honey and vanilla tea, earl grey aromatic tea, english tea, green tea, jasmine tea และกำลังคิดหาชาอื่น ๆ มาเก็บไว้เพิ่ม
ชาพวกนี้ นอกจากเอาไว้ดื่มเองแล้ว ยังมีไว้สำหรับรับแขกด้วย เวลาที่เพื่อนแวะมาหาที่ห้อง เป็นธรรมเนียมที่จะต้องถามเค้าว่า Would you like any tea? แล้วก็บอกต่อไปว่าเรามีชาอะไรบ้างเพื่อให้เค้าได้เลือกชาแบบที่ชอบ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็มีชาอีกหลายชนิดเก็บไว้ที่ห้องเพื่อรับแขกเช่นกัน
วันนี้เราเองก็ดื่มชาไปไม่น้อยกว่า 5 แก้ว เป็นชาเขียวคุณภาพดีที่เพิ่งซื้อมาจากร้านเกาหลี (คล้าย ๆ กับร้านจีน) ได้สูดกลิ่นหอม ๆ ของชาเต็มปอดแล้วลิ้มรสชาอุ่น ๆ พร้อมกับนั่งทำงานไป ช่างมีความสุขเหลือเกิน
สวัสดีครับ
คุณน้อง...
ฟังมาว่า ผู้ดีอังกฤษต้องดื่มชา ใครดื่มกาแฟจะถูกกล่าวหาว่าชนชั้นต่ำ...
ปรัชญาญี่ปุ่น มีเรื่องการดื่มชาอยู่ด้วย ทำนองว่า...
ศาลาดื่มชาจะมีประตูค่อนข้างเตี้ยกว่าปรกติ ซึ่งผู้ที่จะเข้าไปภายในจะต้องค้อมกายลอดเข้าไป นั่นคือ จะต้องเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน...
ภายในศาลา ไม่มีเครื่องประดับหลากหลาย จะมีเพียงแจกันซึ่งปักดอกไม้ และ/หรือ ใบไม้ไว้เพียงเล็กน้อย ซึ่งพอมองเห็นแล้วก็จะสัมผัสความมีชีวิตได้ เท่านั้น...
เตาไฟต้มน้ำร้อนกำลังเดือดปุดๆ นั่นคือ พลังแห่งธรรมชาติ...
เมื่อจะดื่มชาต้องยกมาจ่อที่ริมฝีปาก จะดื่มเลยไม่ได้เพราะน้ำร้อนจัด ความหอมของชาจะสัมผัสได้โดยฆานประสาททางนาสิก จะรู้สึกค่อยๆ สดชื่น เริ่มคลายความกังวลบางอย่างที่มีอยู่ภายในใจ..
ความร้อนของน้ำจะทำให้เราต้องค่อยๆ ดื่มเข้าไป เมื่อริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ เริ่มสัมผัสความร้อนและรสชาติบางอย่างของชา จะทำให้เรื่องกังวลบางอย่างที่อาจยังหลงเหลืออยู่ภายในจิตใจค่อยๆ เลือนหายไป ...
ดื่มไปได้สัก ๒-๓ แก้ว จะเริ่มรู้สึกกระชุ่มกระชวย อารมณ์เริ่มแจ่มใส ส่วนหนึ่งจากฤทธิ์บางอย่างของชา ส่วนหนึ่งก็จากกระบวนการการดื่มชา ...
เมื่ออารมณ์แจ่มใส สดชื่น แล้ว เรื่องราวที่ก่อให้ความกังวล ความหนักใจ หรือปัญหาต่างๆ ที่ค้างคาอยู่ก็จะค่อยๆ เริ่มเข้ามายังคลองความคิด และเริ่มมองเห็นแนวทางแห่งการแก้ปัญหา..
ถ้าสนใจเรื่องนี้ คุณน้องก็ไปหาคัมภีร์อ่านเอาเอง..
เจริญพร
ปกติเป็นคนไม่ดื่มชา กาแฟอยู่แล้ว...
แต่พออ่านดูแล้ว...มีชาให้เลือกเยอะดี...
สงสัยต้องลองหามาดื่มมั่งแล้วครับ...