เมื่อวันที่ 28 ก.พ.50 (เวลา 13.30-15.00 น.) ในเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการการปฎิบัติงานส่งเสริมการเกษตร ปี 50 ณ โรงแรมหลุยส์ แทรเวอร์น หลักสี่ กรุงเทพฯ
เป็นช่วงของการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง KM ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานส่งเสริมการเกษตรทั่วประเทศ ทั้งในระดับเขต และจังหวัด 76 จังหวัด และส่วนกลาง รวมประมาณ 300 คน เรียกว่า ปี 50 นี้ กรมส่งเสริมการเกษตร เดินเครื่องการนำ KM ไปใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานส่งเสริมการเกษตรอย่างเต็มสตรีม โดยขยายผลการดำเนินงานไปทั่วประเทศ ตามนโยบายของท่านอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร (นายทรงศักดิ์ วงศ์ภูมิวัฒน์)
เราได้รับเกียรติจาก อ. ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด จาก สคส. มาบรรยาพิเศษเรื่อง หลุมดำ KM วัตถุประสงค์ของหัวข้อวิชานี้ นอกจากต้องการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง KM ให้แก่เจ้าหน้าที่จังหวัดใหม่ทั้ง 58 จังหวัดแล้ว ยังเป็นการกระตุ้น และสร้างแรงจูงใจให้แก่เจ้าหน้าที่ให้มีพลังในการนำ KM ไปใช้ในงานส่งเสริมการเกษตรอีกด้วย ซึ่งขอบอกว่าไม่ผิดหวังเลย ในเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง อาจารย์สามารถถ่ายทอดวิทยายุทธ์ เรื่อง KM และสร้างแรงจูงใจในเรื่องของ KM ให้แก่เจ้าหน้าที่เราได้เป็นอย่างดี
ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด กับ หลุมดำ KM
สำหรับเนื้อหาสาระการบรรยายสรุปได้ ดังนี้ค่ะ
1. People Trap
2. Purpose Trap
3. Process Trap
4. Platform Trap
5. Performance Trap
1. หัวปลา (KV) ทำ KM เพื่ออะไร เป้าหมายต้องชัด
2. ตัวปลา (KS) กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เน้นความรู้ในคัวเกษตรกร เอาคุณกิจ มา Share กัน ผู้ที่ไฝ่รู้ในเรื่องนั้น เอาคุณกิจตัวจริงมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เราเป็นคุณอำนวย
3. หางปลา (KA) ได้ประเด็นดีๆ มาใส่ไว้ในคลัง ในยุ้งของเรา
- สรุป KM ประเด็นต้องชัด มาคุยกัน บันทึก เป็นความรู้มือหนึ่ง วิชาการจากการปฎิบัติ ไม่ขึ้นหิ้ง คนทำ KM ได้ดี ต้องถ่อมตน ไม่ล้นถ้วย
- มี คุณกิจ คุณเอื้อ (เอื้อำนวยให้เกิดการเรียนรู้ ไม่เอาด้วยไม่เป็นไร แต่อย่าขวาง ส่วนใหญ่ CKO ไม่ขวาง แต่ไม่ส่งเสริม) และ คุณอำนวย 3 คนนี้ ถ้าเล่นบทผิด ตกกับดัก ต้องวิ่งไปพร้อมๆกัน
1. People Trap
1.ไม่เห็นคุณค่า ( ของ KM )
2. บ้าอำนาจ
-ติดกรอบเดิม Command and Control)
3. ขาดอิทธิบาทสี่
-ฉันทะ = มีไฟในหัวใจ แรงปรารถนาอันแรงกล้า
-วิริยะ = กัดไม่ปล่อย อดทน
-จิตตะ = ใจจดจ่อ ตกผลึก ปิ๊งแวบ
-วิมังสา = ใช้ปัญญาไตร่ตรอง มีสมาธิ เกิดปัญญา
- ไม่มีคุณอำนวย KM เป็นกระบวนการในคนเรียนรู้ ต้องเปลี่ยนให้คิด เกิดกระบวนการเรียนรู้ หน้าที่คุณอำนวย ต้องอำนวยให้เกิดการเรียนรู้ ไม่ใช่เอาปลาไปให้เขา ต้องสอนเขาตกปลา
- คุณอำนวยไม่เข้าใจบทบาท
-ไม่ไฝ่รู้ ไฝ่พัฒนา
- หวงวิชา เข้าใจผิดยังคิดว่า วิชาคืออำนาจ (Knowledge is Power) อาจจะใช่เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ตอนนี้ ไม่ใช่กอดความรู้เอาไว้ เพราะว่า ความรู้เปลี่ยนแปลงทุกวัน คนต้องมีปฎิสัมพันธ์ มีเครือข่าย ปัจจุบัน Knowledge Sharing is Power ไม่ใช่ให้อย่างเดียว รับด้วย ความรู้ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ นี่คือหลักการของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วิธีที่ดีที่สุดคือ การให้ความรู้
- อัตตาสูง ล้นถ้วย
- หมดแรงหมดใจ
- เชื่อมกับนายไม่ได้
2. Purpose Trap
- KM เป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นตัวสร้างพลังให้งานออก อย่าทำเพียงเพื่อให้ผ่านการประเมิน ขาดความรู้ ในพวกเรากันเอง ขาดการจัดการความรู้จากข้างใน
- เป้าหมาย อยู่ที่งาน ไม่ใช่เพราะต้องการ KM เอางานเป็นตัวตั้ง เอา KM เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมาย
3. Process Trap
เส้นทาง KM
ทางมืด vs ทางสว่าง
1. มัวแต่ถกเถียงกันเรื่อง 1. เข้าใจแก่นแท้
"นิยามความหมาย" 2. แน่วแน่พิจารณา
2. ทำให้ได้ออกมาเป็นขั้นตอน 3. นำกลับมาแชร์
(ที่ตายตัว) 4. แก้ไขปรับปรุง
3. สอนให้คนเดินตาม
4. พยายามที่จะควบคุม
- ต้องแลกเปลี่ยน เทคนิค ประสบการณ์ (Tacit Knowledge) ขุดความรู้ ประสบการณ์ลึกๆ ต้องมีทักษะการเล่าเรื่อง (Story Telling) การเล่าเรื่อง มีตัวละคร มีรายละเอียดเรื่องเล่า ส่วนใหญ่ ไม่มีทักษะ Story Telling
-KM คล้ายการขี่จักรยาน ต้องขี่เลย ต้องทำเลย เลือกทางสว่างทำ
4. Platform Trap
- ไม่มีตัวปลา ไม่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เอาความรู้ไปใส่ไว้ในระบบ แต่ไม่ได้ใช้งาน ทำเพื่อการประเมิน ไม่ได้ใช้งานจริง ถ้าใช้งานจริง ของในคลังต้องมีค่า
- คลังความรู้ที่ดี ต้องมีทั้ง 3 ส่วน
1. เรื่องเล่า หรือคำพูดที่เร้าใจ (Tacit)
2. การถอดบทเรียนที่ได้ ประเด็น คำแนะนำ (Explicit)
3. แหล่งข้อมูล บุคคล อ้างอิง (Reference)
5. Performance Trap
- ถ้าทำแล้วไม่เกิดผลงานอะไรขึ้นมาเลย แสดงว่าตกหลุมแน่ๆ ต้องตรวจสอบดูว่า มี Performance หรือไม่
- KM เป็นเครื่องมือบริหารชนิดหนึ่ง ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
KM 3 รูปแบบในประเทศไทย
-โยงยุทธศาสตร์
-จัดทำแผน/กำหนด KPI
- ใช้การประเมิน กพร.
เป็นการจัดการความรู้ Explicit K.
- ลปรร.Tacit K.
- พัฒนาคุณอำนวย
- สร้าง CoPs
เป็นการจัดการความรู้ลึก (Tacit K.)
-เริ่มจากเรื่องที่สนใจ
- สร้างแรงบันดาลใจ
- ดูสิ่งที่กำกับอยู่ในใจ
เป็นการจัดการความรู้สึกตัว (Mental Model)
สรุปการทำ KM ไม่มีรูปแบบตายตัว การทำ KM เหมือนการปฎิบัติธรรม เป็นการฝึกสติ........
หมายเหตุ....สนใจดาวโหลดเอกสารประกอบการบรรยายได้ที่นี่ค่ะ http://gotoknow.org/file/nantating/DOAE_500228111.pdf
นันทา ติงสมบัติยุทธ์
4 มีค. 50