ผมและทีมงานเจ้าหน้าที่หลายท่าน รวมทั้งนิสิตอีกไม่น้อยกว่า 60 คนได้เทกายใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมถนนเด็กเดินเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยนำ “ละครเร่” 4 เรื่อง 4 รส ไปจัดแสดงให้เด็กและเยาวชนได้ชมกันอย่างใกล้ชิด
ละครเร่เหล่านี้มีเนื้อหาสอดรับกับสภาพสังคมของเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก มีทั้งสนุกสนาน ได้สาระ และซ่อนนัยยะการสะท้อนภาพทางสังคมทุนนิยมได้อย่างง่ายงาม เป็นต้นว่า เรื่องความรัก ความฟุ้งเฟ้อ จริยธรรม คุณธรรม การเรียน การใช้ชีวิต เป็นต้น
นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมสันทนาการที่เน้นการแสดงออกของเด็ก ๆ พร้อมแจกของรางวัลนานาชนิด อาทิ สมุด ดินสอ ปากกาและขนม ตลอดจนการจัดนิทรรศการเรื่อง “ความรักและโรคเอดส์” รวมถึงการขึ้นโชว์เต้นแอโรบิคเพื่อสุขภาพ ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับความสนใจจำนวนมากจากคนเดินถนน
ถึงแม้ครั้งนี้การบริหารจัดการเรื่องเวลาและสถานที่อาจไม่อำนวยนัก แต่ต้องยอมรับว่า นิสิตมีหัวใจอันยิ่งใหญ่นักในการอดทน เฝ้ารอ นิ่งเงียบ และมีสมาธิเรียนรู้ที่จะรอคอยโอกาสที่จะได้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด โดยไม่แยแสต่อเปลวแดดและลมร้อนที่ผ่านพัดมาอย่างต่อเนื่อง
กิจกรรมเช่นนี้ เป็นพันธกิจของมหาวิทยาลัยที่มีต่อการบริการชุมชน และเป็นกระบวนการแห่งการเสริมสร้างจิตสำนึกที่ดีให้นิสิตได้ตระหนักถึงภาระความรับผิดชอบที่พึงมี พึงปฏิบัติต่อสังคมไทย
การร่วมงานครั้งนั้น, ไม่เพียงไปในฐานะของการแบ่งปันและให้บริการเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้เรื่องราวชีวิตในวิถีความเป็นไทยหลายประการด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการสานตะกร้อจากทางมะพร้าว การปั้นตุ๊กตาของเล่นจากดินเหนียว การสานพัดจากไม้ไผ่ การละเล่นแบบไทย ๆ การนิทรรศการสมุนไพร ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความร่วมมือจากภาครัฐและชุมชนต่าง ๆ ในเมืองมหาสารคาม
ผมพบเจอภาพแห่งความประทับใจของผู้คนในวัยผู้ใหญ่ - คนเฒ่าคนแก่ที่หอบหิ้วภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสื่อแสดงต่อลูกหลานอย่างไม่สิ้นหวัง ผมมองเห็นรอยยิ้มที่ทอประกายในดวงตาของคนเหล่านั้น เห็นความเป็นไทยที่ฉายชัดในดวงตาและรอยยิ้ม ... เห็นมืออันกร้านชีวิตที่บริบูรณ์ด้วยความเป็นคนพอเพียง เรียบง่าย และสมถะ...
ผมไม่ใคร่แน่ใจนักว่าผู้คนที่สัญจรไปเรียนรู้และสัมผัสจากผู้เฒ่าผู้แก่เหล่านี้จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าและความหมายใน “วิถีไทย” มากน้อยแค่ไหน ? หรือเป็นแต่เพียงห้วงเห่อสั้น ๆ เพียงชั่วครั้งและชั่วยามเท่านั้น ! แต่อย่างน้อยผมก็เห็นความอิ่มสุขของผู้นำสารจากชุมชนอย่างชัดเจน
ผมคาดเดาเอาเองว่า, บางทีคนเฒ่าคนแก่ผู้อารีเหล่านั้นอาจเพียงต้องการแค่เวทีแห่งการได้ทำหน้าที่สะท้อนความเป็นไทย, สะท้อนภูมิปัญญาแห่งบรรพชนออกสู่สาธารณะแค่นั้นก็เป็นได้ หรือยิ่งกว่านั้น ท่านอาจปรารถนาจะสะท้อนจุดยืนแห่งวิถีไทยทายท้ากับสังคมทุนนิยมด้วยหรือไม่ ?
หรือบางทีท่านทั้งหลายอาจจะไม่วาดหวังถึงขั้นให้เด็กและเยาวชนทั้งหลายหันกลับมาต่อยอดเรื่องภูมิปัญญารากเหง้าเหล่านี้ก็เป็นได้
ในขณะที่ผู้ใหญ่ใจดีเหล่านี้ฉายทอดวงตาอันสงบนิ่ง แต่ผมกลับอดไม่ไหวที่จะวิตกจริตตั้งคำถามขึ้นสุมทับสมองตนเอง
ความนิ่งเงียบของท่าน สื่อถึง ความเข้าใจต่อโลกและชีวิตของคนที่ผ่านร้อนและผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน
และที่สำคัญคือ ท่านมีความสุขกับการทำหน้าที่บอกกล่าวเล่าความอย่างไม่เกี่ยงงอน (ไม่งอแงเป็นเด็ก) ไม่ให้ความสำคัญต่อสถานที่มากไปกว่าสาระที่ต้องการสื่อแสดง
ดูสิ, แม้เป็นแค่ริมทางเท้าในถนนเด็กเดิน ท่านก็ยังเปี่ยมสุขที่จะบอกกล่าวเล่าความ - เล่าวิถีความเป็นไทยต่อลูก ๆ หลาน ๆ ทายท้าวิถีสังคมใหม่ อย่างไม่สะทกสะท้าน
เห็นภาพแล้วรู้สึกดีมากๆและอยากให้ขยายความคิดไปในหลายๆพื้นที่..
เอาบุญมาฝากนะคะ..เมื่อวานและเมื่อเช้าไปช่วยงานรับพระทำบุญครบรอบเดือนเกิดของบุคลากรของสถาบัน..มีคนมาร่วมด้วยช่วยกันเยอะมาก..ทำให้รู้สึกถึงกำลังและน้ำใจแม้จะต่างแผนก..ต่างนิยมความเชื่อ(พิธีการ)แต่ถ้ามีจุดหมายเดียวกันในการที่อยากให้คนมาร่วมงานได้บุญและมีความสุขตามอัตตภาพ..ทุกอย่างก็ดูราบรื่นและเต็มไปด้วยใจที่เอื้อเฟื้อต่อกัน
โปรแกรมถนนเด็กเดินนี้ก็เช่นเดียวกัน..ความแตกต่างและหลายหลากแต่หากมองเห็นประโยชน์และทิศทางการทำกิจกรรมที่ชัดเจน..มันจะมีชีวิตชีวาและสีสันของภาพที่สวยมากค่ะ..ส่งกำลังใจให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคนด้วยค่ะ...
น่าจะขยายความคิดและกิจกรรมเช่นนี้ไปยังท้องที่ต่างๆ ทั่วประเทศ......ขอนแก่น น่าจะเอาอย่างนะค่ะ
ที่ขอนแก่นมี พัทยา 2 บางแสน 2 บางลำภู 2 จตุจักร 2 ตอนนี้กำลังโปรโมต เซนเตอร์พอยท์ 2.....แล้วทำไมถึงจะมี ถนนเด็กเดิน 2 ไม่ได้ค่ะ.......ยิ้ม ยิ้ม
ผมเห็นด้วยนะครับกับการที่แต่ละจังหวัดควรมีกิจกรรมทำนองนี้กันบ้าง ไม่เพียงเด็กและเยาวชนได้ประโยชน์..แต่นิสิตนักศึกษาที่ไปจัดกิจกรรม ก็เกิดกระบวนการทักษะชีวิตด้วยเช่นกัน
เชียร์ให้ขอนแก่นมีขึ้นในเร็ววันนี้ นะครับ