ความร้อนแล้งได้นำมวลดอกไม้สวยๆมาเยือนถึงเรือนชานบ้านเรา ครั้นจะไม่ออกไปชื่นชมเสียหน่อย เราก็อาจจะถูกเรียกว่าพวกหัวใจพลาสติก ตาบอดสีมองไม่เห็นความสวยสดงดงามตามธรรมชาติ บางคนมีชีวิตอยู่อย่างน่าสงสาร ผลุบๆโผล่ระหว่างประตูรถกับประตูบ้าน จะยื่นคอดูภายนอกก็เฉพาะตอนที่รถติดสี่แยก ว่าไฟเขียวหรือไฟแดง จราจรเขากลัวจะลงแดงตาย (สำนวน อ.Ranee) จึงขึ้นตัวเลขให้นับถอยหลัง 5-4-3-2-1-0 รีบบึ่งรถออกเพื่อจะได้ไปนับเลขคณิตคิดในใจที่สี่แยกหน้า สงสัยว่าเทวดาจะทดสอบพวกที่สอบตกวิชาคณิตศาสตร์ จึงบันดาลให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
ร้อนอบอ้าวอย่างวันนี้ คนบ้านนอกคอกนาไม่มีห้างสรรพสินค้าไปหลบมุม จำเป็นต้องหาเรื่องผ่อนคลายไปตามสภาพ ทำน้ำสมุนไพรชิม ดื่มน้ำมะพร้าวเย็นๆ น้ำเก็กฮวยเย็น เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาญาติๆส่งน้ำยาอุทัยฝากน้ำชาให้ชิมทางบล็อกก็ชื่นฉ่ำใจมาจนเท่าวันนี้
ช่วงบ่ายๆไม่ควรออกนอกชายคาไปปะทะลมร้อน อาบน้ำประแป้งให้ลายพร้อยเป็นตุ๊กแก นอนอ่านหนังสือ หรือดูทีวี จิบน้ำสมุนไพร ก็ย่อมได้ แต่วิธีที่ดีสุดก็คือมาท่องบล็อกตระเวนไปอ่านของคนโน้นคนนี้ เข้าไปค้นหาความรู้ความคิดดีๆชีวีไม่มีเซ็ง การที่ผมแอบปลูกต้นไม้ไว้ ต้นไม้ทุกต้นเขาโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้มนุษย์ตระหนักถึงเรื่องต้องพึ่งพากัน ไม่ใช่อยู่อาศัยกันมาอย่างสุขสบายแล้วยังมาเนรคุณ แผ่นดินอีสานลองไม่มีต้นไม้ดูสิ หลายพื้นที่เพาะปลูกพืชได้จำกัดมากขึ้นๆ สุดท้ายก็จะมีให้เลือกอยู่ 2 ชนิด คือ ต้นตะบองเพชร และอีกชนิดหนึ่งต้นพลาสติก
ทุกวันนี้ต้นไม้ปลอมเข้าไปมีส่วนตบแต่งบรรยากาศปลอมๆ ผมก็นึกไม่ออกบอกไม่ถูกและเข้าใจไม่ได้ว่า ทำไมคนไทยถึงไม่ชอบปลูกต้นไม้ ผมเอาต้นไม้นี่แหละเป็นเครื่องวัดจิตใจของมนุษย์ ไม่ได้ยึดธรรมมะธรรมโมเหมือนคนอื่นเขา เพราะแค่เรื่องต้นไม้เข้าใจไม่ได้ ก็ป่วยการที่จะขยับไปถึงเรื่องศีลธรรม เพราะธรรมตัวจริงเสียจริงก็คือธรรมชาตินี่เอง ท่านเคยเห็นต้นอะไรบ้างที่มันไม่ซื่อตรงต่อคนปลูก ปลูกต้นหว้า มันก็ออกมาเป็นลูกหว้า มันหาได้ออกเป็นเป๊ปซี่ โคลา แต่อย่างใดไม่
ผมวางแผนที่จะปลูกต้นไม้ให้สนุกๆ คนอีสานชอบกินลาบ ผมก็ปลูกผักที่ต้องใช้ปรุงลาบ มีแทบครบทุกอย่าง ลองไล่เรียงดูก็ได้ จะลาบไก่ เอ้า ไก่ก็มี ข้าวคั่วมีทำเอาเป๊ปเดียว พริกขี้หนู มะนาวมีเต็มต้น ผักสระเหน่ ยี่หร่า ต้นหอม ผักชี ใบมะกรูดมีเป็นร้อยต้น ผักจิ้มลาบมีครบหมด เพกา ยอดมะตูม มะกอก มะม่วงหิมพานต์ ฯลฯ ผักพื้นเมืองยืนต้นนี่ดีนักไม่ต้องรดน้ำฉีดยา ก็มีหมุนเวียนมาให้เก็บตลอดปี เอ้อ! ยังขาดอยู่อย่างเดียว ต้นอายิโน๊ะโม๊ะโต๊ะ หาพันธุ์ไม่ได้
ดังนั้นเวลาจะอธิบายเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มันต้องอธิบายบนวิถีชีวิตที่พอเพียงแบบไทยๆ มันคงไม่ใช่เรื่องทำกะส่งกะเศษอะไรหรอก มันเป็นวินัยชีวิตที่ควรจะเดินสายกลางแบบดูตาม้าตาเรือเสียบ้าง ปลายเดือนนี้พวกคลังสมอง (วปอ.) จะยกพลมา6รถบัส2ชั้นประมาณ 200 คน จะมาดูวิธีทำเศรษฐกิจพอเพียง ผมก็จะเล่าให้ฟังว่าคนจนดำเนินเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอย่างไร ทุกอย่างมันขึ้นที่ใจ ถ้ายับยั้งชั่งใจเป็น มันก็เห็นความพอเพียงพอประมาณแห่งตน เอาละสิ จะคุยเรื่องนิสัยต้นไม้ ดอกไม้ ทำไมเลยเถิด นี่ก็เป็นความไม่พอเพียงจึงเตลิดนอกกรอบเช่นนี้
รอจนตะวันใกล้จะตกดิน ถึงอากาศจะยังร้อนผะผ่าวแต่ก็ยังพอทน พอเข้าสู่ระยะ..วังเอ๋ยวังเวง หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขนาน..ได้เวลาเหมาะเพราะหมดแสงสุรีย์ศรีแล้ว เดินไปไหนก็สะดวก จุดแรกที่ไปเยี่ยมคือต้นประดูแดง เป็นไม้ค่อนข้างพิเศษเพราะมีดอกสีสวยแปลก ระหว่างสีกุหลาบกับสีอิฐแห้ง ออกดอกเป็นกลุ่มเกาะตามกิ่ง บางต้นที่ทิ้งใบหมดต้น ดอกจะสวยแปลกตาต่างจากไม้ตระกูลประดู่ของเรา
นิสัยต้นประดู่แดง จะไม่ชอบความชื้นมาก ถ้าไปปลูกในที่น้ำดีจะมีแต่ใบไม่มีดอก ถ้าปีไหนแล้งจัดยิ่งชอบ จะทิ้งใบโกร๋นแล้วแทงช่อดอกบานสะพรั่งเต็มต้น
วันหลังจะพาไปชมพืชตระกูลส้ม เช่น มะนาว ส้มเขียวหวาน ส้มเช๊ง ส้มโอ ไม้กลุ่มนี้ช่วงหน้าแล้งจะอั้นดอกไว้พอได้น้ำจะทะลักสะพรั่งดอกออกมาเต็มกิ่งก้าน ส่วนต้นเชอรี่ มะเฟือง จะทยอยออกดอกออกผลหมุนเวียนทั้งปี กลุ่มไม้ยืนต้นช่วงนี้จะมีดอกต้นตะเคียนทอง มะกอก สะเดา พลวง ฯลฯ
มุมที่มองดอกไม้แตกต่างกันไป วันวาเลนไทน์ผ่านไปหยกๆ ดอกไม้ทำหน้าที่แทนคำพูดไม่รู้กี่ร้อยล้านคำ ส่วนนักกวีนักประพันธ์เพลงก็เอาดอกไม้มาอธิบายความระทดระทวยใจ..
“ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก
แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน
และอาจเป็นเช่นนี้ชั่วชีวัน
เมื่อรักอันแจ่มกระจ่างต้องห่างไกล”
คุณพ่อคะ...
“ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลกแต่ดอกโศกบานในหัวใจฉันและอาจเป็นเช่นนี้ชั่วชีวันเมื่อรักอันแจ่มกระจ่างต้องห่างไกล”
โชคดีได้เห็นดอกประดู่แดงที่บ้านครูบาค่ะ...สีสันสดใสแดงอิฐ แข่งกับแสงแดดในหน้าร้อน....อีกสักพักเมื่อดอกตะแบก อินทนินสีม่วงบานรับกับดอกจานในท้องทุ่ง ร่วมกับดอกหางนกยูงส้มแดง พร้อมสีเหลืองเป็นทิวแถวของดอกคูณ...ถิ่นอิสานก็สวยงามในฤดูร้อนนะค่ะ......
ครูบาขา แล้วดอกที่อยู่ข้างๆ ประดู่แดง คือดอกอะไรค่ะ
คนไทยเอาแต่เซ่อซ่า ญี่ปุ่นเอาไปจดลิขสิทธิ์แล้ว อาจารย์เก่งภาษาญี่ปุ่น ลองช่วยทวงสิทธิ์คืนได้ไหมครับ
อ.หนิง หายไปไหนๆๆ
ใครเจอจับส่งที่เก่า เวลาเดิมด้วย
มาเยี่ยมคารวะท่านครูบาค่ะ
ไม่ใช่แต่ว่าคนอีสานจะชอบทานลาบ คน กทม. ก็ชอบทานลาบ ได้ฟังท่านครูบาบรรยายเครื่องปรุงทั้งหลายมาแล้ว ให้น้ำลายสอ ..
เดี๋ยวนี้ ลาบ ส้มตำ อีสานบุกไปทั่วโลกแล้วครับ
ที่ กทม.กำลังเบียดอาหารประเภทอื่นอย่างน่าคิด
เอ๊ะ ตอนนี้สั่งสักจานไหมละ
พ่อครูคะ
ไม่ต้องถามหาแต่วันนี้จะมาตามหาดอกไม้หอม ๆ ก่อนนอน
บ้านพ่อครูมีไหมคะ
จะได้หอม ๆ ก่อนนอน (คนโสดก็แบบนี้แหละ หาดอกไม้ดมก่อนนอน....ฮา......)
ฝันดี...ค่ะพ่อครู.....
เห็นใจคนโสด แต่ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ นึกไม่ออก
เจ้า 2 ตัวเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
ถูกอัปเปหิไปนอนเฝ้าหน้าห้องแล้วค่ะ(ซนมั่ก ๆ )
ส่วนแม่หมา.....ชั่งใจอยู่ว่าจะประหยัดน้ำช่วยชาติดีไหม.......
กำลังหอมดอกเล็บมือนางชื่นใจก่อนนอน
วันนี้มีดอกสะเดา และดอกส้มโอมาให้เชยชมกลิ่นอีก
ฝันดี....ตื่นสายแน่ ๆ ....
พรุ่งนี้มีนัดตักบาตรตอนเช้า ไม่ตื่น......โทษพ่อครู.....
แบบนี้เรียกว่า บาปแบบบูรณาการนะสิ โธ่!
โอนเข้าบัญชีวัดไม่ได้ค่ะครูบา
เพราะแม่หมายมั่นว่าให้นำเงินไปถวายหลวงน้อง(เจ้าอาวาสวัด....เพื่อเป็นทุนไปเรียนหนังสือ) ถ้าไม่เจอให้นำกลับมา ถวายแต่อาหารพอ 5555 เรื่องจริง เงินจึงเข้ากระเป๋าหนูเป็นระยะ ๆ ๆ ๆ ๆ (เช่นเมื่อเช้านี้เป็นต้น.....หุหุหุ)
ปาบแบบบูรณาการ คิกคิก
เอ.....ว่าแต่ อ.ลูกหว้าแอบไปนอนแล้วหรือไง เงียบ ๆ ๆ ๆ
แล้วหนูหนิงล่ะ หรือว่าน๊อคเพราะฤทธิ์ยาไปซะแล้ว
ดร.ขจิต ตามให้ด้วย
ดอกรักบาน ในหัวใจ หลายวันก่อน
ก็ต้องอ่อน เหี่ยวเฉา เศร้าอีกหน
เสียงตูมตูม เสียดหู สู้อดทน
เมื่อไหร่หนอ หัวใจคน จะรักกัน
เกลียดอะไร กันนักหนา จึงทำร้าย
จะทำลาย กันถึงไหน ใจหวาดหวั่น
ฉันยังรอ ยังหวัง ทุกคืนวัน
ดอกรักบาน ทั่วฟ้า ปัตตานี
วันพิชิต เมื่อ |
อ.วันพิชิต
นึกว่าคร๊อกฟี่ๆๆไปแล้ว ยังลืมตาแป๋วอีก
เมื่อไหร่จะได้ฝันเห็นเทพบุตรสักทีละอาจารย์
ที่ ครูบา ถามจะทะยอยตอบ ให้เรื่อย ๆ นะครับ
สำหรับข้อ 8 ในทัศนะของผมก่อนนะครับ เห็นว่า "คงจะบานปลายไปเรื่อย" เพราะเห็นภาครัฐงัดมาทุกกลวิธีแล้ว ไม่ว่าจะแข็งกร้าวอย่างอดีตนายกทักษิณ/จะนิ่มนวลอย่างนายกคนปัจจุบัน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ
ถ้าจะให้วิเคราะห์แรง ๆ อีกหน่อยก็คือ "การก่อการร้าย" มันกำลังเป็นแฟชั่นไปทั่วโลกแล้วครับ ไม่มีประเทศไหนแก้ได้มีแต่ลุกลามไปไม่สิ้นสุด...แล้วประเด็นนี้ครูบาว่าไงละครับ
ดอกพิกุลจับคู่กับอะไร
ขอนึกจับคู่กับเรื่องประโลมโลกนะคะ...
ดอกพิกุลก็คือดอกแก้ว ก่อเป๋นของเปิ้นแล้วน่อ....
จับคู่กับน้อยใจยาค่ะ
...
น้อยใจยาเป็นนิยายพื้นบ้านของทางเหนือค่ะ เป็นเรื่องราวของหนุ่มสามคู่หนึ่งซึ่งรักกันแต่ฝ่ายชายฐานะยากจน พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็จะจับลูกสาวแต่งงานกับลูกชายเศรษฐี
หนุ่มสาวก็นัดกันมาคุย...ท่อนที่ยกมาคือท่อนหนึ่งของการตัดพ้อต่อว่า ระหว่างหนุ่มสาวทั้งสอง
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร.....ลงท้ายทั้งคู่ก็สร้างตำนานวังมหาชีวาลัย เอ๊ย....วังบัวบานหรือไม่....แต่น แต้น แต้น......โปรดติดตามจาก........(ใครที่ทราบกรุณามาต่อเติมให้ด้วยค่ะ)
จันทรรัตน์ เมื่อ |
เรียนท่านครูบา
อะไร้ อะไรกันเนี่ย ทำไม๊ ทำไม ถึงท้อใจอะไรเช่นนี้ค่ะท่านครูบา ถึงแม้ดอกรักจะบานในหัวใจใครทั้งโลก แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน ขอยกมือค้านค่ะ ใคร ค๊าใครมาทำครูบาอย่างเนี๊ย ถึงแม้จะเป็นดอกโศกแต่ก็เป็นดอกที่หลาย ๆ คนชอบนะค่ะ อย่างน้อยก็บานในหัวใจราณีอีกหนึ่งดวง
แต่ราณีชอบประโยคที่ว่า "มันเป็นวินัยชีวิตที่ควรจะเดินสายกลางแบบดูตาม้าตาเรือเสียบ้าง" สำนวนนี้โดนเลยค่ะ วันนี้ครูบามีอะไรมากมายแทรกอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ มีอย่างน้อยก็เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ที่อ่านทุกตัวอักษร ท่านเป็นนักปฏิบัติตัวยงที่หาตัวจับยาก (ไม่ใช่นินจานะค่ะ)
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอย่างไร ทุกอย่างมันขึ้นที่ใจ ถ้ายับยั้งชั่งใจเป็น มันก็เห็นความพอเพียงพอประมาณแห่งตน วันนี้รักครูบามากๆ ค่ะ เอ่อแอบลืมเลย อาจารย์นำสำนวนราณีไปใช้เสียค่าลิขสิทธิ์หรือยังค่ะ แต่ราณีไม่เอาเป็นเงินหรอกค่ะ ขอแค่นึกถึงก็พอ (น้ำเน่าไหมค่ะ ยุงบินเต็มเลยค่ะ)
เรียนท่านครูบา
เกือบลืมค่ะ ลองเข้าไปดูนะค่ะ มีอะไรโปรดชี้แนะด้วย เขียนอย่างใจคิด เป็นอย่างไรจะได้ปรับปรุงค่ะ http://gotoknow.org/blog/Ranee/77629 จะได้มีแรงเขียนเรื่องใหม่ เอ...ได้ไหมเนี่ย
ขอบคุณที่ยังอ่านของผู้น้อย
อาจารย์มีต้นทุนทางสำนึกดีแน่นเปรี๊ยะ
เพียงแต่ยังไม่เอาออกมาปัดฝุ่น
ที่อาจารย์เขียนนั้นตรงเป๊ะทุกอย่าง ใช้สูตร 10 ปากว่า..มาอธิบายก็เข้าใจได้ ว่าหัวใจมันอยู่ที่การลงมือทำ
อย่างที่อาจารย์ทำอยู่นี่ไง อาจารย์กำลังบอกตัวเองว่าต่อไปนี้จะลงมือเขียน ผมนะเชื่อมืออาจารย์ล่วงหน้าแล้ว เห็นแววตั้งแต่อาจารย์แซวผมเล็กๆ นี่คือเสน่ห์ของนักเขียน อาจารย์มีที่ลับมีดความคิดอยู่แล้วในตัวเอง ต่อไปมันก็จะวาววับเฉียบคมยิ่งขึ้น
อาจารย์ปากหวานได้อย่างพอดี ไม่มากไม่น้อย อย่างที่เขียนลงในบล็อกผมนั้น นั่นก็เป็นตัวพิสูจน์ความพอดีพองาม ถึงไม่บอก ผมก็รักและคิดถึงอาจารย์โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ช่วงอาจารย์หายไปกรุงเทพ เชื่อรึว่าลูกหว้าเขาจะคิดถึงอาจารย์ได้มากกว่าผม
เรียน คุณพ่อครูบาฯ
ได้อ่านบันทึกของคุณ paew ทราบข่าวว่า พ่อครูฯ ไม่ค่อยสบาย รู้สึกเป็นห่วงมากนะคะ เพราะหลาย ๆ อย่างที่พ่อครูฯ ทำ ส่งพลังมากมายมาถึงพวกเรา หลาย ๆ อย่างที่พ่อครูฯ ทุ่มเทเพื่อสังคม ทำให้เราลืมนึกถึงการดูแลสุขภาพของพ่อครูฯ เพราะพ่อครูฯ มีพลังกาย พลังใจ และพลังศรัทธา เต็มเปี่ยมเหลือเกิน
พ่อครูฯ พักผ่อนบ้างนะคะ
หนูหายไปหลายวัน เพราะช่วงนี้กลับดึก แล้วเด็ก ๆ งอแง อยากให้แม่นอนด้วย เลยเผลอยาวถึงเช้าทุกที
โปรแกรมไปเยี่ยมพ่อครู อาจปรับเปลี่ยนเป็นช่วง 5-7 เมษายน นะคะ เผื่อหลาย ๆ ท่าน อาจตามไปด้วยได้
แวะมาสูดความหอมของดอกไม้ ก่อนนอนค่ะ
ด้วยความเคารพค่ะ
พ่อครู
หลงกลิ่นหอมดอกไม้
เมื่อเช้าตื่นสาย แต่ทันไปตักบาตร (ทางขึ้นดอยสุเทพ พระเยอะมาก) พระเกือบเดินกลับวัดหมด ดีทียังมีบุญ ตักบาตรเรียบร้อย 7.30 น. พอดี
เอาบุญมาฝากพ่อครูด้วยค่ะ
มารอบนี้ หนูเลยได้อ่านบันทึกนี้ 2 รอบเลยค่ะ
พ่อครูฯ ทำอะไรเอ่ย ยิ้ม ๆ
นึกว่าโดนโจรค่าไถ่จับตัวไปเสียแล้ว
ไม่มีเบอร์โทร เลยไม่รู้จะถามใคร
ก็เลยห่วงกันไปห่วงกันมา
หลานๆอายุเท่าไหร่ กันแล้ว
ลงโปรแกรมในนัดหมายไว้แล้ว 6-7-8 เม.ย .ไว้แล้วทีมปักษ์ใต้จะทัวร์อีสาน
สงสัยว่า พระบางองค์อาจจะตื่นสาย จึงเหมาะกับคนตื่นช้า บุญที่ส่งทำท่าว้าใกล้จะเป็นผลแล้ว เมื่อตอนเย็นเมฆตั้งเค้ามา นึกว่าฝนจะตก ลมก็มาชวนไปเที่ยวที่อื่น เราก็คอยเก้อ ชาวนี้อบอ้าวมาก นอนหัวค่ำไม่หลับ ต้องทำการบ้าน แล้วแว๊บมาดูบล็อกเป็นระยะ ถ้าให้ดีต้องมีคอม 4 เครื่อง เปิดไว้ ทำเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่งั้นไม่ทัน งานท่วมตายเลย
อิจฉาคนใจบุญ ได้ทำบุญ เดี๋ยวบุญก็ชูช่วยให้สมหวัง กาละมังแตก
สวัสดีก่อนไปอาบน้ำค่ะ พ่อครูฯ
หลาน ๆ 2 คน คนโตอายุ 9 ขวบ คนเล็กจะครบ 6 ขวบเต็ม เดือนพฤษภาคมนี้ ค่ะ
ด้วยความเคารพค่ะ