ไข่นุ้ยลุย (ร้านหนังสือ) เมืองหลวง (และได้ประหยัดเงิน)


ถ้าซื้อ trade books ให้ซื้อที่ร้านที่เมืองไทยได้เลย ถูกกว่าแน่นอน แต่ถ้าซื้อหนังสือที่เป็น textbook ซื้อจาก Amazon.com โดยทั่วไปจะถูกกว่า

รู้จักนายไข่นุ้ยไหมครับ นายไข่นุ้ยเป็นตัวตลกตัวหนึ่งในหนังตะลุงภาคใต้ เป็นคนบ้านนอกที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ จะมีเรื่องตลกเปิ่นๆ ออกมาเป็นประจำ ตามท้องเรื่องโดยทั่วไปจะเป็นตัวติดตามพระเอกไปตามบ้านเมืองต่างๆ พอผมนึกถึงนายไข่นุ้ยก็จะนึกถึงการเดินทาง ไม่รู้เป็นไง สงสัยตอนเด็กๆ ดูหนังตะลุงมากเกินไป

ตอนสมัยหนุ่มๆ (นักศึกษาสอนมาว่าเดี๋ยวนี้คำจำกัดความของ “หนุ่มๆ” คืออายุไม่เกิน 22 ปี) ผมเคยใช้นามปากกาว่า “ไข่นุ้ย ณ บ้านทุ่ง” ดังนั้นพอจะมาเขียนบันทึกนี้ ชื่อบันทึกเลยปิ๊งแว้ปขึ้นมาในใจว่า “นายไข่นุ้ยลุย (ร้านหนังสือ) เมืองหลวง” เพราะผมจะเล่าเรื่องผมไปซื้อหนังสือที่กรุงเทพฯ ครับ

ผมไปกรุงเทพฯ เพื่อไปงานแถลงข่าวมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ ๒ ของ สคส. ครับ เรื่องราวเกี่ยวกับงานแถลงข่าวผมคงไม่ต้องเล่าซ้ำ เพราะคุณน้ำ (PR) ได้เล่าไว้แล้ว อย่ากระนั้นเลย ผมเล่าเรื่องของผมดีกว่า

ผมไม่ได้ขึ้นเมืองหลวงมานานแล้ว ขึ้นไปคราวนี้ก็ไปทำกิจกรรมที่ชอบเสียหน่อย นั่นคือซื้อหนังสือ เพราะบ้านนอกที่นายไข่นุ้ยอยู่นั้น ร้านหนังสือหาม่าย (แปลว่าไม่มี)

ผมกับ ดร.จันทวรรณ ได้หนังสือมาหลายเล่มด้วยกัน แต่ที่จะเล่าคือหนังสือ ๔ เล่มที่ซื้อมาจาก AsiaBook ซึ่งหลังจากผมกลับมาหาดใหญ่ก็จัดการเทียบราคากับ Amazon.com ผมก็ยิ้มแก้มปริกับราคาหนังสือที่ตัวเองซื้อมา

หนังสือเล่มแรกคือ Meditation โดย Osho (ซื้อหนังสือ Osho ตาม ดร.ประพนธ์) ราคา ๕๒๕ บาท ที่ Amazon.com ขายที่ $10.36 (ประมาณ ๔๒๕ บาท)

หนังสือเล่มต่อมาคือ Emotional Design โดย Donald A. Norman ราคา ๕๙๕ บาท ขายที่ $10.85 (ประมาณ ๔๔๕ บาท)

เนื่องจากนายไข่นุ้ยเป็นชาวบ้านทุ่งที่พัฒนาแล้ว จึงหันมาศึกษาด้านการเงินและมีการออมด้วยการลงทุนในรูปแบบต่างๆ เพราะนายไข่นุ้ยเชื่อว่าในระบบทุนนิยมผู้มีความรู้ย่อมอยู่รอดได้ ถ้าพยายามหาความรู้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ให้อยู่กับตัวแล้วทุนนิยมก็ไม่น่ากลัวอะไร และนายไข่นุ้ยเห็นมาจากเมืองฝรั่งว่าการลงทุนนอกเหนือจากการฝากธนาคารเป็นเรื่อง "ปกติ" ของชาวบ้านผู้มีความรู้ หาใช่เป็นการพนันไม่ นายไข่นุ้ยจึงซื้อหนังสือที่เขียนโดย Peter Lynch มาอีกสองเล่ม

เล่มแรกชื่อ One Up on Wall Street ราคา ๔๙๕ บาท ที่ Amazon.com ขายที่ $10.20 (ประมาณ ๔๑๘ บาท)

เล่มต่อมาคือ Learn to Earn ราคา ๕๙๕ บาท ที่ Amazon.com ขายที่ $11.20 (ประมาณ ๔๖๐ บาท)

สรุปแล้วผมจ่ายเงินซื้อหนังสือไป ๒,๒๑๐ บาท แต่ผมจับฉลากลดราคาได้ ๒๐๐ บาท เลยจ่ายจริงแค่ ๒,๐๑๐ บาท ถ้าผมซื้อจาก Amazon.com ผมจะจ่ายเพียง ๑,๗๔๘ บาท แต่ต้องจ่ายค่าส่งอีก $6.99 + ($4.99 x 4) = $26.95 (ประมาณ ๑,๑๐๕ บาท) รวมแล้วเป็น ๒,๘๕๓ บาท ปรากฎว่างานนี้ผมประหยัดเงินไป ๘๔๒ บาท (ประมาณ $20.50)

ใช่แล้วครับ งานนี้ AsiaBook ชนะ Amazon.com แต่สาเหตุที่ AsiaBook ชนะเพราะหนังสือที่ซื้อมาทั้ง ๔ เล่มเป็น trade books ราคาอยู่ประมาณสิบเหรียญกว่าๆ เลยทำให้ค่าส่งต่อเล่มคิดเป็นสัดส่วนสูงเมื่อคิดกับราคาหนังสือ ถ้าราคาหนังสือต่อเล่มสูงกว่านี้ Amazon.com ก็จะชนะโดยส่วนใหญ่

ความรู้ที่ได้วันนี้คือถ้าซื้อ trade books ให้ซื้อที่ร้านที่เมืองไทยได้เลย ถูกกว่าแน่นอน แต่ถ้าซื้อหนังสือที่เป็น textbook ซื้อจาก Amazon.com โดยทั่วไปจะถูกกว่า

อย่างไรก็ตาม อยู่หาดใหญ่จะซื้อหนังสือจาก AsiaBook ก็เจอค่าส่งเหมือนกันแม้ค่าส่งจะถูกกว่า Amazon.com นับว่าเป็นข้อเสียเปรียบของชาวหาดใหญ่ต่อชาวเมืองหลวงเป็นอย่างยิ่ง แต่อยู่หาดใหญ่มีวิธีซื้อหนังสืออีกวิธีที่มีคนแนะนำมาคือให้ไปเมืองปีนัง ขับรถไปประมาณสามสี่ชั่วโมงก็ได้ซื้อแล้ว ได้เที่ยวอีกต่างหาก เขาว่าไปง่าย แต่ผมก็ไม่เคยมีจังหวะได้ไปเสียที ถ้าได้ไปเมื่อไหร่และไม่ไปขับรถทับลูกระเบิดก็จะมาเล่าให้ฟังนะครับ

คำสำคัญ (Tags): #การอ่าน#การเงิน
หมายเลขบันทึก: 7899เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2005 01:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2012 21:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผมสนใจเรื่อง อเมซอนครับ อยากรู้ว่าถ้าเราสั่งของเค้าต้องสั่งอย่างไร จ่ายเงินยังไง แล้วก็กี่วันได้ของ แล้วเคลมยังไงครับ ไม่มีใครเขียนไว้เลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท