เรื่องดีๆ เกี่ยวกับความรัก


คำมั่นสัญญา

มีเรื่องดีๆ น่าอ่าน มาฝากย้อนหลังวันแห่งความรักครับ

ขอบคุณหมอปิยะ เพื่อนรามาฯ25 ที่ forward มาให้นะครับ

คำมั่นสัญญา


ตอน 1

นับถอยหลังไปอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันวาเลนไทน์
วันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความรักที่ใครหลายคนให้ความสำคัญกับวันนี้
ไม่ว่าใครจะนิยามความรักว่าเป็นของคู่กัน
ความเหมือน
ความพอดี
ความลงตัว
หากแต่นิยามความรักของตาลอบที่มีต่อยายทองนั้น
กลับมองว่าวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนั้นไม่เคยมีความหมายต่อตาและยายเลย
เพราะชีวิตรักที่ตาและยายได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 50 ปีนั้นไม่เคยมีวันไหนที่ความรักของตาที่มีต่อยาย
และยายมีต่อตานั้นลดน้อยลงไปตามกาลเวลาเลย
หากแต่ความรักของทั้งคู่กลับเพิ่มพูนขึ้นสวนทางกับสังขารที่เริ่มจะโรยรา

       "
สำหรับตาวันนี้มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง
ไม่มีความหมายอะไรเลย
ดอกกุหลาบมันจะสู้สิ่งที่เราทำดีให้กันทุกวันได้ยังไง
มันเทียบกันไม่ได้หรอก
ตาไม่เห็นว่ามันจะสำคัญกับชีวิตตรงไหนเพราะถึงไม่มีวันนี้
ยังไงตาก็ยังรักยายเท่ากันทุกวัน"

       อมร สีสุภเนตร
หรือที่ชาวบ้านในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลยรู้จักกันในนามของ
" ตาลอบ"
ส่วนภรรยาคู่ทุกคู่ยากชาวบ้านเรียกขานกันว่า
"ยายทอง"

พื้นเพเดิมยายทองเป็นคนอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
ส่วนตาลอบเป็นคนเชียงคาน จังหวัดเลย
ปัจจุบันสองตายายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆสภาพเก่าๆหลังหนึ่งตามลำพังสองคนโดยมีลูกๆคอยดูแลอยู่ห่างๆ

เมื่อมองเข้าไปในบ้านจะสังเกตุเห็นว่าบ้านของตาเสมือนเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมๆ
เพราะอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในการดูแลยายนั้น
ตาได้ดัดแปลงให้เหมือนกับทางโรงพยาบาล
ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ดูแลยายได้อย่างเต็มที่


ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วตาลอบซึ่งเป็นช่างตัดผมหนุ่มฐานะยากจนได้พบรักกับยายทอง
แม่ค้าขายอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้านในงานรำวงสร้างโบสถ์ที่วัดป่ากลาง
อำเภอเชียงคาน

หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมา 5-6 ปีจนมั่นใจในความรักที่มีให้ต่อกัน
ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน
เป็นงานแต่งงานที่เรียบง่าย
ไม่มีพิธีกรรมใหญ่โตอะไร
ไม่มีเงินสินสอดทองหมั้นมากมาย
หากแต่มีเพียงคำมั่นสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้กับหญิงสาวที่เขารักว่า
จะครองรักและดูแลกันตลอดไป
ทั้งในยามทุกข์และยามสุขจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตจะเดินทางมาถึง

      เวลาผ่านมา 50 ปี
ทั้งคู่ครองรักกันจนกระทั่งแก่เฒ่า
และตลอดเวลาที่ผ่านมา
ความรักของคนทั้งคู่ที่มีให้กับกันก็มากพอและสม่ำเสมอพอที่จะทำให้ชีวิตรักของคนคู่นี้กลายเป็นตำนานรักแท้ที่น่าจดจำ
แต่จะเป็นเพราะสวรรค์บัญชาหรือฟ้ากำหนด
จู่ๆปี 2538
ยายทองก็ล้มป่วยลงด้วยการเป็นอัมพฤกษ์ทางด้านซ้าย
ซึ่งก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง
แต่เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา
อาการของยายทองก็กำเริบทรุดหนักลงไปอีก
จากอัมพฤกษ์กลายเป็นอัมพาต
ไม่สามารถพูดคุยกับตาลอบได้อีก
นอกจากส่งเสียงร้องไห้ซึ่งบางครั้งก็มีแต่เสียงร้อง

บางครั้งก็มีแต่น้ำตา
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารเพียงอย่างเดียวที่ตาลอบรับรู้และเข้าใจเสมอว่ายายต้องการอะไร

        "
ยายเขาร้องไห้
เพราะว่าเขาอยากจะพูดกับเรา
แต่เขาพูดไม่ได้
เขาจึงบอกเราด้วยการร้องไห้ออกมา
พอตาได้ยินเสียงไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ตาก็จะเดินไปพูดกับเขา
หรือไม่ก็ต้องส่งสียงตอบกลับไป
ส่วนใหญ่ตาจะบอกเขาว่า
"
อย่าร้องเลย
เราอยู่ตรงนี้แล้ว
"
บางทีก็บอกยายว่า
"
เราจะอยู่กับเธอ
จะดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน"
ที่บอกอย่างนี้เพื่อให้ยายรู้ว่าตาอยู่ใกล้เขาไม่ได้หนีไปไหน"
ปฏิเสธไม่ได้ว่า
น้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นภาพฝ่ายชายดูแล
ปรนนิบัติฝ่ายหญิง
หากแต่สิ่งที่ตาทำนั้นได้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าความรักของตาที่มีต่อยายนั้นเป็นตำนานความรักอันยิ่งใหญ่ที่ใครๆต่างก็แสวงหา

      "
ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุดท้าย
เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน
เราต้องมั่นคงต่อกัน
ตาสัญญากับยายว่าจะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย
ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุด
ตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมดเลยเพราะว่ายายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลย

ทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่ายายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคย
เราต้องอยู่แบบมีความหวัง
เพราะความหวังนี่แหละที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง
"
หากก่อนที่จะจากกันไปในชาตินี้ใจลึกๆตาลอบก็อยากให้ปาฎิหารย์นั้นมีจริง
เพราะอยากให้ยายฟื้นขึ้นมาอีกซักครั้ง
เพื่อที่จะถามข้อข้องใจที่ชายคนหนึ่งเก็บไว้มาหลายปีว่าที่ผ่านมาเขาทำดีพอที่สามีคนหนึ่งจะทำให้ภรรยาที่เขารักที่สุดได้หรือไม่"


ถึงแม้ว่าบั้นปลายชีวิตอันแสนสุขจะถูกพรากไป
และแทนที่ด้วยความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยของอีกฝ่ายหนึ่ง
คำมั่นสัญญาทุกคำที่ตาลอบเคยมอบไว้ให้กับยายทองก็ยังไม่มีคำใดหรือตัวอักษรตัวใดเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ยายทองล้มป่วย
แทบจะทุกนาทีของชีวิตตาลอบได้มอบให้กับการเฝ้าดูแลประคบประหงมยายทองอย่างใกล้ชิด
ไม่เว้นแต่ยามหลับหรือยามตื่น

       "
ตาดูแลยายไม่เคยห่าง
ตาต้องดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่อง
อาบน้ำ
เช็ดตัว
ไปจนถึงเรื่องการเช็ดอึ
เช็ดฉี่
อาหารการกิน
อาการเจ็บป่วยต่างๆเราต้องคอยสังเกตุตลอดเวลา
เวลาทำอะไรตาก็จะนึกถึงยายก่อนเสมอ
ถ้ายายยังไม่นอนตาก็ยังไม่นอน
หรือถ้ายายยังไม่ได้กินข้าวตาก็จะยังไม่กิน
เพราะต้องป้อนยายก่อน"

การดูแลปรนนิบัติยาย
ตาลอบจะทำเพียงคนดียวทุกครั้ง
และตาจะใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยป็นอย่างดี
แม้แต่แพมเพอร์สตาก็จะไม่ใส่ให้ยายเพราะเกรงว่าจะอับชื้นและทำให้เป็นแผลกดทับได้
ตาจึงไม่เคยเบื่อกับการที่ต้องคอยเช็ดอึ
เช็ดฉี่อยู่ตลอดทั้งวัน

เสิ้อผ้าของยายตาก็จะไม่ซักผงซักฟอกเพราะกลัวยายจะแพ้และเป็นผื่น
ฯลฯ
ทุกวันนี้ตากลัวว่ายายจะทิ้งตาไปไม่อยากให้ยายตายเลย
อยากให้อยู่เป็นเพื่อนกัน
อยู่เป็นคู่รักกันตลอดไป
ตาไม่เคยคิดอย่างคนอื่นเลยว่าตายไปภาระจะได้หมดลง
ไม่คิดเลย "


ภาพที่ชาวเชียงคานเห็นจนชินตาคือภาพชายชราวัย 73 ปี
ปั่นรถจักรยานที่มีเตียงพยาบาลพ่วงติดอยู่ด้านหน้า
โดยมียายนอนลืมตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงเคลื่อนที่ไปตามถนนหนทางต่างๆ
รถคันนี้เป็นรถที่ตาลอบประดิษฐ์ขึ้นมาเองกับมือเพราะถ้าจะซื้อเตียงแบบโรงพยาบาลนั้นก็เกินกำลังที่ตาจะมีได้
ด้วยความที่ตาเคยมีความรู้ทางช่างจึงต่อเตียงพยาบาลขึ้นมาและดัดแปลงต่อเติมให้เตียงนั้นเคลื่อนที่ได้
และมีหลังคาคอยคุ้มแดดคุ้มฝนและมีมุ้งคอยกันยุงและแมลงต่างๆ
ที่ตาทำเช่นนี้หวังเพื่อให้ยายอยู่ใกล้กับตาตลอดเวลาเพราะเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาตาจะได้ช่วยเหลือยายได้ทัน
ดังนั้นเวลาตาจะไปไหนก็จะพายายไปด้วยเสมอ

ใครที่เห็นรถของตาต่างก็อดไม่ได้ที่จะไม่เหลียวหลัง
และต่างก็ตั้งข้อสงสัยไปต่างๆนานา
บ้างก็นึกว่าเป็นรถซาเล้ง
รถขายของ
รถเก็บของเก่า
บ้างก็ว่ารถขนศพ
แต่ถึงอย่างไรตาลอบก็ไม่สนใจคำครหาเหล่านั้นเพราะสิ่งสำคัญที่ตาพายายออกมาอย่างนี้ก็เพื่อให้ยายออกมารับอากาศข้างนอก
ให้ยายได้รับการทักทาย
พูดคุยจากผู้คนต่างๆเพื่อกระตุ้นให้ยายรู้สึกตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ตายังรู้ใจยายดีว่ายายชอบให้ตาพาเที่ยวไปตามที่ต่างๆ
ตาจึงมักปั่นเตียงเคลื่อนที่คู่ใจคันนี้พายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่มีความสำคัญๆในอดีต
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบรักกัน
สถานที่ๆทำมาหากินด้วยกัน
ทั้งนี้ตาทำเพื่อพายายไประลึกถึงความหลังอันงดงามเพื่อกระตุ้นความจำ
ความรู้สึกของยายและอย่างน้อยความหลังเหล่านี้เสมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเศร้าหมองของชะตากรรมที่ทั้งคู่ต้องเผชิญอยู่ได้ไม่มากก็น้อย


บ่อยครั้งเวลายายมีอาการป่วยมาก
ตาต้องพายายไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงคาน
โดยมากตาจะปั่นเตียงพยาบาลเคลื่อนที่พายายไปที่โรงพาบาล
ทันทีที่ไปถึงจะเป็นอันรู้กันกับเจ้าหน้าที่ว่าเตียงประดิษฐ์ของตาคันนี้สามารถใช้แทนเตียงของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
และเมื่อพยาบาลเห็นคนไข้รายนี้ทีไรก็อุ่นใจได้ว่าไม่ต้องมาดูแลยายทองอะไรมากนัก
เพราะตาลอบจะเป็นคนดูแลยายเองทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องให้พยาบาลเข้ามายุ่งเลย

เพราะตาลอบคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะดูแลไม่ดีเท่ากับตัวเอง
ซึ่งนั่นเป็นเพราะตาลอบทำด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตาลอบได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่รักเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้วนั้น
ไม่ใช่แค่ลมปาก
หรือถ้อยคำหวานหู
ตามแรงปราถนา
หากแต่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจ
ที่มีที่ว่างให้เพียงแค่หญิงสาวที่เขารักเพียงคนเดียว
คำมั่นสัญญาที่ตาลอบมอบให้จึงเป็นพันธะสัญญาที่ถูกจารึกลงบนหินผา
ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร
ก็ไม่มีวันลบเลือนและยังทำอย่างซื่อตรงสม่ำเสมอ
ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นลงของดวงตะวัน
ที่จะเป็นอยู่เช่นนั้นชั่วนิรันดร์

ออกอากาศวันอังคารที่ 13,20 กุมภาพันธ์ 2550
ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี

หมายเลขบันทึก: 78672เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2007 11:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
เข้ามาทักทาย   หวังว่าความรักของครอบครัวหมอคงเบ่งบานและแข็งแรงตลอดไปนะคะ

ขอบคุณครับพี่อัจฉรา

ขอพรดังกล่าวมีแด่พี่และครอบครัวเช่นกันนะครับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท