อาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยี มี 3 ประเภท คือ
(ที่มา : www.www.thaicleannet.com)
โดยอาชญากรรมประเภทการลักลอบข้อมูลบัตรเครดิตบนอินเทอร์เน็ตจัดอยู่ในประเภท Cyber Crime โดยการลักลอบข้อมูลในปัจจุบันสามารถแบ่งออกไป ดังนี้
ในต่างประเทศมีกฎหมายเฉพาะขึ้นมาป้องปรามการก่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เช่น สหรัฐอเมริกามีการออกกฎหมาย the Computer Fraud and Abuse ตั้งแต่ปี 1984 และมีการแก้ไขเรื่อยมาจนแก้ไขล่าสุดเมื่อปี 1996 และ อังกฤษก็มีกฎหมายComputer Misuse Actตั้งแต่ปี 1990 โดยสรุปมีเนื้อหาสำคัญ ๆ ดังนี้
(1) การเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์, ทำการเปลี่ยนแปลงหรือทำให้เสียหายซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยเจตนากระทำการละเมิดอย่างร้ายแรง เช่น ในกรณีที่ผู้ใดได้เจาะระบบ หรือแฮก (hacking) คอมพิว- เตอร์ของธนาคาร และเข้าถึงข้อมูลหมายเลขเครดิตการ์ด ซึ่งผู้กระทำการดังกล่าวมีเจตนาที่จะใช้ข้อมูลเพื่อการได้มา ซึ่งตัวทรัพย์อันมีมูลค่าเป็นเงินถือได้ว่า มีความผิดและอาจต้องได้รับโทษฐานฉ้อโกงด้วย
(2) การเปลี่ยนแปลงข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยมิได้รับอนุญาต ในกรณีที่ผู้ใดประมาทเลินเล่อ ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลจะทำให้ข้อมูลเสียหายหรือไม่ก็ตาม บทบัญญัติดังกล่าวนี้มีความมุ่งหมายที่จะ ให้ครอบคลุมถึงการกระทำผิดในหลายรูปแบบ เช่น การที่นักเจาะระบบ หรือแฮก- เกอร์ ได้เจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์เสียหาย
(3) การทำให้เสียหาย ซึ่งการสื่อสาร ทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการใช้กลอุบายด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ทำให้การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ขัดข้อง เช่น โดยการโจมตีด้วยการส่งอี-เมล์อันไม่พึงประสงค์เป็นจำนวนมากไปยังเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง จนเป็นเหตุให้เซิร์ฟเวอร์ของระบบดังกล่าวล้มเหลวในการทำงานหรือไม่สามารถให้บริการได้ การกระทำเช่นนี้บางครั้งเรียกว่า การทำให้ระบบปฏิเสธการให้บริการ (Distributed denial of services)
(ที่มา : www.board.dserver.org)
ไม่มีความเห็น