บ่ายโมงครึ่งวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.อาจารย์ภีม ภคเมธาวี จาก มวล. เสร็จจากประชุมวงเรียนรู้คุณเอื้อจังหวัดแล้ว ก็เดินทางมาหาผม ณ ที่ทำงาน กศน.อำเภอเมืองนครศรีธรรมราชก่อนถึงเวลานัดหมายเล็กน้อย จากนั้นก็เดินทางไปหมู่บ้านบางสะพาน หมูู่่ที่ 7 ตำบลบางจาก เพื่อร่วม ในงานชื่นชมกับโล่รางวัลพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงชนะเลิศระดับประเทศ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง "อยู่เย็น เป็นสุข" ประจำปี 2549
บ่ายสองโมงเราก็ถึงสถานที่จัดงาน เหตุที่ไปให้ถึงก่อนเวลาเพราะต้องการจะได้มีเวลาสำหรับพูดคุย กับผู้ใหญ่ศรและคณะเกี่ยวกับที่มาของความสำเร็จให้เสร็จสิ้น กระบวนความเสียก่อนก่อนที่พิธีการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชจะได้เริ่มต้นดังที่ผมได้ตั้งใจไว้
ผมจะถ่ายทอดข้อมูลที่ได้รับจากผู้ใหญ่ศรและคณะจากคำถามบางคำถามต่อไปนี้
เรื่องความภาคภูมิใจ ผู้ใหญ่ศรบอกว่ามีความภาคภูมิใจกับรางวัลพระราชทานนี้มาก นึกไม่ถึงว่าจะได้รับรางวัลนี้ ทุกคนในหมู่บ้าน หรืออาจจะทุกคนในตำบลต่างก็มีความภาคภูมิใจเช่นเดียวกัน
วิธีการดำเนินงานที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จ ผู้ใหญ่ศรกล่าวโดยย่อว่าเริ่มจากการรายงานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย ทั้งโดยกรมการปกครองและกรมการพัฒนาชุมชน ว่าหมู่ที่ 7 คือบ้านบางสะพาน ตำบลบางจากนี้ เป็นหมู่บ้านที่มีศักยภาพในการพัฒนา เช่นเดียวกับหมู่บ้านอื่นๆ จากนั้น กระทรวงมหาดไทยได้เชิญผู้ใหญ่บ้านและกำนันของหมู่บ้านลักษณะดังกล่าวจำนวน 12 หมู่บ้านทั่วประเทศไปประชุมเพื่อกำนดเป้าหมายและวิธีการดำเนินงาน ซึ่งผู้ใหญ่ศรบอกว่าถกเถียงกันหลายรอบมากกว่าจะได้ข้อยุติ จากนั้นจึงดำเนินการปฏิบัติการในพื้นที่
ในระหว่างที่ดำเนินงานนี้อยู่ ก็พอดีกับจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดโครงการจัดการความรู้องค์กรการเงินชุมชน ทดลองนำร่องในพื้นที่ 3 ตำบล ของอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช หมู่ที่ 7 ของผู้ใหญ่ศรก็คือพื้นที่เป้าหมายการทดลองนำร่องนี้ ทำให้ผู้ใหญ๋ศรและชาวบ้านหมู่ 7 ได้ตัวช่วยขับเคลื่อนงานที่สำคัญในแนวของการทำงานแบบจัดการความรู้
เนื้อหาเรียนรู้หรือกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้ใหญ่ศร บอกว่าเริ่มต้นทำและทำอย่างต่อเนื่องจริงจังในเรื่องของกลุ่มออมทรัพย์ ชาวบ้านได้เรียนรู้และเข้าเข้าร่วมมากทำใหใช้เนื้อหานี้เป็นเนื้อหายุทธศาสตร ์เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เนื้อหาอื่น เช่น กลุ่มอาชีพในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเลี้ยงหมู กลุ่มผลิตอาหารสัตว์ ปุ๋ยหมัก ซ่อมจักรยานยนต์ กลุ่มนาข้าว กลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มกลองยาว กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ ฯลฯ
กิจกรรมของหมู่บ้านนี้เห็นแล้วว่ามีมากมายจริงๆ ในฐานะครู กศน. คงจะได้ต่อยอดกิจกรรมของหมู่บ้านต่อไป ใช้เป็นหมู่บ้านครูสำหรับหมู่บ้านอื่นๆเรียนรู้ต่อไป ผมคิดว่าหลายท่านคงได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับผมแล้วว่าทุนเงินสำหรับชาวบ้านแล้วสำคัญน้อยกว่าทุนความรู้และ การร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างไม่ย่อท้อ หน่วยงานที่เข้าไปทำงานกับชาวบ้านจะต้องระมัดระวัง อย่าใช้เงินเป็นตัวล่อให้เขาเข้ามาร่วมมืออีกต่อไป สิ่งนี้ต้องเปลี่ยนไปแล้ว
ผมมีภาพกิจกรรมบางส่วนของงานมาฝากครับ
สว้สดีค่ะ อาจารย์จำนงค์ ขอบคุณมากน่ะค่ะสำหรับคำแนะนำการจัดการความรู้ และการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่อาจารย์แนะนำ และจะนำไปปฏิบัติต่อไปค่ะ
คุณหมอนนทลี ครับ
เรื่องราวเกี่ยวกับผู้สูงอายุ หรือชมรมผู้สูงอายุ หรือชมรมสร้างสุขภาพภายในหมู่บ้าน มีแน่อน จะได้นำมาฝากในโอกาสต่อไป ของหมู่ที่ 7 นี้ก็มีครับ สัญญาว่าจะเจาะรายละเอียดมาฝากครับ
น้องคุณครูหนึ่งตะวัน ครับ
ขอบคุณครับที่จะนำคำแนะนำไปปปฏิบัติ เรื่อง KM นี้ อย่าเรียกว่าแนะนำเลยนะครับ เราถือเสียว่าเรามา ลปรร.กันดีกว่า คุณครูน้องหนึ่งตะวันเองก็มีประสบการณ์มานาน ในวงเรียนรู้คุณลิขิตคิดว่าคงจะได้ฟังเรื่องเล่าดีๆแน่นอนจากคุณครูน้องหนึ่งตะวัน
อ.พินิจ ครับ
หมดยุคบูชา..หรือรอคอยอัศวิน ขี่ม้าขาว ขี่ม้า....แล้วจริงๆครับอาจารย์ ชาวบ้านฉลาดพอที่จะรวมตัวกันจัดการงานของตนเองโดยใช้ความรู้ที่มีและที่จะหาเพิ่มได้ ใครขืนทำตัวเป็นอัศวินอยู่ละก็....ตกยุคแน่นอน เมื่อไหร่อาจารย์จะกลับสุราษฎร์บ้างละครับ อย่าลืมเลยมาไว้พระธาตุเมืองนครบ้างนะครับ
ทุนเงินสำหรับชาวบ้านแล้วสำคัญน้อยกว่าทุนความรู้
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
เงินยังทำให้คนทะเลาะกันได้ง่ายมาก แต่ความรู้ จะไม่มีวันทะเลาะกัน แต่รักกันมากขึ้น เพราะยิ่งให้ยิ่งเพิ่มครับ
อีกอย่างที่ชาวบ้านชอบมองข้าม คือทุนทางร่างกายที่เขามี ทุกส่วนมีค่าทั้งนั้น
ลองไปขอซื้อลูกตาสักข้างละล้านบาทซิครับ มีใครจะขายบ้าง
หรือขอซื้อหัวใจสัก ๕ ล้าน จะขายไหม รวมทั้งตัวกี่ล้านเข้าไปแล้วครับ
แล้วบ่นว่าจนอย่างไรครับ
แค่เส้นเลือดในหัวใจก็เส้นละ ๕ แสน นี่หมอหัวใจบอกผมครับ
(ครูนงเลิกใช้มาร์คแดงหรือสีเข้มๆ บนตัวหนังสือได้ไหมครับ อ่านยากมากเลยครับ เห็นไม่มีใครบ่น อาจเป็นที่จอของผมคนเดียวหรือเปล่า)
ดร.แสวง ครับ
ทุนร่างกายเป็นทุนดั้งทุนเดิมทีีี่มีอยู่แล้วกับทุกคน แต่มักจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควรในยุคทุนนิยม ชุมชนอาศัยทุนประเภทนี้แหละครับถึงได้สร้างเนื้อสร้างสร้างตัวและ พึ่งตนเองได้ ขอบคุณที่ช่วยเติมเต็มให้
สีแดง ผมแก้เป็นสีฟ้าแล้วครับ
ทุนความรู้ใช้แล้วไม่หมด ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มเติม และยังสามารถเผื่อแผ่ให้สังคมได้ด้วย
ขอแสดงความยินดีกับผู้ใหญ่และทุกท่านที่เกี่ยวข้องค่ะ
อ.ปัทมาวดีครับ
ใช่แล้วครับทุนความรู้ใช้แล้วไม่หมด ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มเติม และยังสามารถเผื่อแผ่ให้สังคมได้ด้วย
ขอบคุณที่ให้กำลังใจครับ