คิดนอกกรอบ ในที่นี้ผมขอยกเว้นที่คิดเรื่องเชิงสร้างสรรค์ คิดดีมีประโยชน์ โดยไม่ผิดกฏ ระเบียบ เอาไว้นอกเหนือการอธิบายตรงนี้ .....การคิดนอกกรอบในอีกมุมมองความจริงอีกด้านหนึ่ง มีอยู่ว่าคนในกลุ่มนี้โดยพื้นฐานแล้วเขาชอบเป็นตัวของตัวเอง คือไม่ชอบให้ใครมากำชับ หรือสั่งการ ว่าจะต้องทำตามที่สั่ง มีรูปแบบ มีแบบฟอร์มให้ก็ไม่เอา ฉันจะคิดและทำของฉันอย่างนี้ อย่างนี้เป็นต้น แต่การทำงานไม่ว่าแวดวงใดก็ตามย่อมมีระบบ ระเบียบ เป็นตัวกำหนดกรอบเหล่านี้ไว้กว้างๆ ซึ่งหมายความว่า จะทำอะไรก็ได้ที่เกิดสัมฤทธิผลกับตนเอง งาน และองค์กรที่สังกัดอยู่ หาใช่จะทำได้ตามสะดวกสบาย จนไร้กรอบ ไร้ซึ่งวัฒนธรรมที่ดีงาม ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ ขาดจรรยาบรรในวิชาชีพ
เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับแบบที่ 1 คือมีกฏ ระเบียบที่ดีมีความยืดหยุ่นได้ ให้อิสระการทำงานมากมาย มีทรัพยากรและงบประมาณเพียงพอ แต่ก็ยังไม่คิดให้นอกกรอบถึงวิธีการทำงานที่ดีกว่านี้มาปรับใช้ ...คนกลุ่มนี้ชอบให้สั่งการ ต้องคอยกำชับ มีรูปแบบที่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เช่น 1+1 จะต้องเท่ากับ 2 เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ฉันจะไม่เชื่อ หน่วยงานหรือองค์กรต้องการอะไร อย่างไร จะต้องมีรูปแบบให้ แล้วก็กำหนดขั้นตอน 1-2-3 มาให้ด้วยจะดีมากเลย มีกฏระเบียบแนวปฏิบัติ (ที่เคยชิน) อย่างชัดเจน ทำแล้วไม่ผิดกฏ ไม่ผิดครรลอง และที่สำคัญต้องถูกใจฉันด้วยน่ะ ถ้าจะให้ฉันคิด หากต้องการให้ฉันทำได้มากกว่านี้ก็ เพิ่มเงิน เพิ่มสวัสดิการให้ด้วยยิ่งดี ...ภาพเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่อาจพบในหลายองค์กร
อรุณสวัสดิ์ค่ะ สายน้ำแห่งความคิด
ขอบคุณค่ะ
อ่านบันทึกนี้ของครูอ้อยหรือยังคะ กำหนดวันแน่นอนแล้ว..ลูกรัก
เรียนเชิญนะคะ
จะคิดใน คิดนอก ไม่บอกได้
แต่คิดแล้ว นำไปใช้ ให้เกิดผล
สร้างผลงาน สร้างคุณค่า ในบัดดล
นี่แหละคน รู้จักคิด ให้คิดเป็น
เข้ามาทักทายครับ................
สวัสดีค่ะ
ขอแลกเปลี่ยนความรู้ตามคำขอค่ะ
โดยส่วนตัวแล้ว จะเป็นคนที่ชอบคิดอะไรนอกกรอบเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว (แม่ชอบถามว่า "คิดได้ไง" แต่ไม่ผิดนะคะ) การเรียน (เพื่อนสงสัยว่า ไปเอาความคิดพิกลแต่ไม่พิการมาจากไหน..??) หรือการทำงาน สำหรับเรื่องการทำงาน ติมทำงานอยู่ในส่วนราชการ ที่ต้องเป็นไปตามระเบียบต่างๆ ในส่วนนั้นเราก็ทำตาม (โดยไม่อึดอัดใจ) แต่เรื่องไหนที่มีช่องให้เราคิดนอกกรอบได้อย่างอิสระ ติมก็มักจะเอาความคิด แอบออกมาเที่ยวเล่นอยู่เป็นประจำ ^_^ แต่บางครั้งความแตกต่างระหว่างวัยของคนทำงานก็มองในมุมที่ต่างกันบ้าง ความคิดเห็นส่วนทางกัน ความคิดที่แอบไปเที่ยวเล่นก็ถูกดึงกลับมาตามความคิดเห็นส่วนใหญ่ บางทีก็ขัดใจ (เพราะเราเป็นวัยร้อน) แต่ก็แอบดีใจ ที่อย่างน้อย เราก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะไม่มีคนเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้เลิกคิดนอกกรอบได้ซะที...^_^
แบบที่ 2 การมีกรอบแต่ไม่คิด
ตรงนี้ติมมองว่า ด้วยธรรมชาติ ด้วยระยะเวลา และด้วยวัย (ความคิดเห็นส่วนตัวและสิ่งที่พบเจอ) ทำให้ต้องคิดมากขึ้น คือคิดหลายด้าน คิดในมุมมองของผู้มีประสบการณ์ ทำให้พบข้อจำกัดหลายอย่าง จึงทำให้ไม่ค่อยอยากจะคิดนอกกรอบมากนัก บางทีถ้าเราได้ทำอะไรเหมือนเด็กๆ คือช่างคิด ช่างสงสัย แบบมีอิสระ ไม่มีมิติของกฎระเบียบมาเป็นกรอบ อาจทำให้เรามีมุมมองที่แตกต่าง (งง!!)
นี่ติมแสดงความคิดมากไปหรือเปล่าคะ ^_^ ขออภัยนะคะ เป็นคนคิดอะไรเรื่อยๆ ไม่ค่อยอยู่ในกรอบเท่าไหร่ค่ะ
แล้วจะมาแลกเปลี่ยนเรื่อยๆนะคะ
ขออภัยครับ ภาษที่ใช้เป็นการเปรียบเปรย ไม่ได้หมายความว่า ผู้เขียนจะเป็นเช่นนั้นแต่คนเราอาจจะมีบ้างในสถานการณ์บางเรื่อง