ผมเปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากครูมัธยมศึกษา มาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นับถึงวันนี้เข้าสู่เดือนที่ 6 แล้ว ได้มีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ในชีวิตที่ไม่เคยพบและสัมผัสมาก่อนในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องราวของศาสนาอิสลาม
เมื่อพูดถึงศาสนาอิสลาม ผมในฐานะที่เป็นพุทธศานิกชน ก็อาจจะไม่สามารถลงรายละเอียดได้มากนัก แต่ที่เห็นและเป็นไปนั้นก็พอจะนำมาเล่าให้ฟังได้คร่าว ๆ
ศาสนาอิสลาม มีความโดดเด่นในเรื่องของหลักศรัทธาต่อพระเจ้า และการยึดมั่นในหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทั้งในเรื่อง การกิน การอยู่ ดังนั้นการเป็นชาวมุสลิมจึงจำเป็นต้องมีสติกำกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา เผลอเรออาจกระทำผิดหลักศาสนาได้
ชาวมุสลิมจะต้องอุทิศเวลาให้ศาสนาวันละ 5 ครั้ง นั่นคือการละหมาด และเมื่อถึงวันศุกร์ เป็นหน้าที่ที่ผู้ชายชาวมุสลิมทุกคนจะต้องเข้ามัสยิดเพื่อละหมาดร่วมกัน ตลอดทั้งรับฟังหลักธรรมจากพระคัมภีร์ (น่าจะเหมือนการฟังธรรมของศาสนาพุทธ) ดังนั้นเมื่อชาวมุสลิมจะต้องระลึกถึงพระเจ้าอยู่ทุกวัน และวันละหลาย ๆ ครั้งจึงทำให้เขาเหล่านั้นจำต้องยึดมั่นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ย้อนมาดูศาสนาพุทธ (ศาสนาที่ผมนับถือครับ) ได้ชื่อว่าเป็นศาสนาที่สอนให้ใช้ปัญญาพิจารณา จึงทำให้คนที่มีปัญญาสามารถเรียนรู้ เข้าถึง และนำไปปฏิบัติ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญญา โอกาสเข้าใจ เข้าถึงก็เลยมีน้อย และก็ทำไปแบบผิด ๆ
คงไม่ต้องให้ทำความระลึกถึงพระรัตนตรัย วันละ 5 ครั้งหรอก เอาแค่วันละครั้งนี่ มีชาวพุทธสักกี่คนที่ปฏิบัติ นี่ยังไม่นับหลักศีล-ธรรมอีกมากมายที่ชาวพุทธ ดูจะห่างเหินเอามาก ๆ
พระพุทธศาสนา ค่อนข้างจะให้โอกาสผู้ชายมาก เหมือนกับศาสนาอื่น ๆ เลยทีเดียวแหละ แต่ในทางตรงกันข้าม ความใกล้ชิดกับศาสนา ทะนุบำรุงศาสนา ส่วนใหญ่จะเป็นหญิง (แก่ ๆ ) มากกว่า ส่วนศาสนาอิสลามนั้นผู้ชายต้องกระทำหน้าที่ของตนตามหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด
วันหลังผมจะทยอยเอาวิถีชีวิตชาวมุสลิมมาเล่าให้ฟังเรื่อย ๆ เผื่อจะเป็นกรณีตัวอย่างไปยังศาสนาอื่น ๆ ว่าทำอย่างไรเราจะธำรงรักษาศีลธรรมของทุกศาสนาให้คงอยู่คู่โลกนี้ต่อไป
ทุกศาสนาถึงแม้ว่าวัตรปฏิบัติจะแตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายแท้จริงก็คือ สันติสุข ที่จะเกิดขึ้นกับตน และคนรอบข้าง และแน่นอนมิใช่แก่พุทธศาสนาเท่านั้นที่จะใช้ ปัญญา ในการมองเห็นธรรม ศาสนาอื่นก็เช่นกัน เพียงแต่การปฏิบัติที่เคร่งครัด มุ่งหวังให้คนเห็นคุณค่าของความเพียร และศรัทธา เป็นการรำลึกและเตือนสติตนเองทุกครั้งที่จะดำเนินวิถีของตนเอง และเป็นการย้ำให้ตนเองได้ตระหนัก การมีสติในการระลึกได้ในทุกการกระทำของตนจะทำให้เราก้าวพ้น หรือไม่ไปกล้ำกราย สิ่งไม่ดี อำนาจฝ่ายต่ำ ที่มันอยู่ในมุมหนึ่งของความนึกคิดของทุกบุคคล ที่เรียกว่า "กิเลส" ขอให้ท่านเข้าถึงแก่นธรรม และร่วมพลอยยินดี หากการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะช่วยเติมเต็มธรรมะในใจท่านให้ มีวัตรปฏิบัติที่งดงาม เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับบุคคล ที่เรียกว่าเป็น "ศิษย์" เพราะคงไม่มีคำพูดใดที่พร่ำสอนให้กับบุคคลอื่นได้เห็นชอบ เห็นดี เห็นคล้อยตาม และเอาเป็นแบบอย่างจนเกิดเป็นความศรัทธา และเกิดบารมีแก่ตน ได้เท่า "การประพฤติปฏิบัติตน" ที่ดีได้หรอก....ขอสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับผู้คิดดี และปฏิบัติดี...ธรรมะสวัสดี
จริงดังว่าครับคุณนกเสรี ขอธรรมะจงรักษาผู้ประพฤติธรรม
กระบี่อยู่ที่ใจ ใจอยู่ที่กระบี่
ใช้กระบี่โดยไร้ใจ เท่ากับสังหารตนเอง