ทบทวนชีวิตใน ๒ สัปดาห์ ๗ – ๒๐ พย. ๔๘
·ในช่วงสัปดาห์แรก (๗ – ๑๔ พย.) เป็นชีวิตที่ไม่เป็นไปตามปกติ มีงานพิเศษเกิดขึ้น ๒ งาน งานแรกผมเกี่ยวข้องไม่มากนัก เพียงเข้าร่วม และเป็นวิทยากรนำเสนอคนหนึ่ง คืองาน 3rd Thailand – US Roundtable in Education ซึ่งครั้งนี้เน้น Higher Education & Science Education ผมได้นำเสนอ concept ของ การนำ KM ไปใช้สร้างทักษะสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งวงการศึกษาทั้งของสหรัฐและของไทยยังไม่ได้เอาใจใส่เรื่องนี้มากพอ ยังไม่มีทักษะด้านหลักการและวิธีการในการใช้ KM หนุนการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้จากเรื่องราวของความสำเร็จ ที่เป็นความรู้ฝังลึก
ในช่วงปลายสัปดาห์แรกมีงานหนักที่ต้องทำปีละครั้ง คืองานของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ
ช่วงวันที่ ๙ – ๑๑ เป็นการประชุมตัดสินรางวัล ซึ่งปีนี้กรรมการฝ่ายไทยได้รับคำชมเชยมาก ว่าทำการบ้าน
มาดี วันที่ ๑๒ – ๑๔ เป็นการตามเสด็จองค์ประธานมูลนิธิฯ สมเด็จพระเทพรัตนฯ ไปทัศนศึกษาที่ภูเก็ต
สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงจัดพระราชทานแก่กรรมการรางวัลนานาชาติ ทั้งสนุก ได้เรียนรู้ และเหนื่อย
·
การเตรียมงานมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๒
พบปัญหาตรงกันข้ามกับที่เราคิด ตอนแรกเรางงๆ
เพราะไม่ค่อยมีคนลงทะเบียน
คนที่จะลงทะเบียนก็บ่นว่าแพงบ้าง
ขอจองไว้ก่อนค่อยจ่ายเงินบ้าง
ต้องชี้แจงกันอุตลุด แต่พอปลายเดือน ตค.
คนก็เริ่มล้น และต้องปิดรับสมัครเมื่อวันที่ ๔ พย.
แต่ก็ยังมีคนอ้อนวอน ขอร้อง ขู่เข็ญ เล่นเส้น
กันอุตลุด ต้องชี้แจงกันอุตลุด
แต่เป็นการชี้แจงในทางตรงกันข้าม
ได้เขียนชี้แจงไว้ในบันทึกท้ายเล่มของจดหมายข่าว
ถักทอสายใยแห่งความรู้ ฉบับที่ ๑๕ แล้ว
จากการเตรียมงานนี้ทำให้เราตระหนักว่าสังคมไทยมีความต้องการเรียนรู้เรื่อง
KM มาก สคส. จะรีบจัดบริการฝึกอบรมให้
ถือเป็นการหารายได้ไปในตัว
ท่านที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานมหกรรมฯ เป็นเงิน ๑,๗๐๐ – ๒,๐๐๐ บาท
โปรดทราบว่าท่านได้รับ subsidy จาก สสส.
ผู้อุปถัมภ์การเงินแก่โครงการนี้เกือบ ๒
เท่าของเงินที่ท่านจ่ายไป
ท่านจะได้เห็นจากคุณภาพของการประชุม
· ทำงานของศิริราช ๒ เรื่อง คือ R2R
กับคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการดำเนินการ
โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์
โครงการ
R2R เข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านอีกครั้งหนึ่ง เพราะ อ. หมอสมเกียรติ
วสุวัฏฏกุล จำเป็นต้องไปทำหน้าที่รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพ แทน รศ. นพ.
อภิชาต ศิวยาธร ซึ่งลาออกจากราชการตั้งแต่ ๑ มค. ๔๙ ไปเป็น ผอ.
ฝ่ายพัฒนาคุณภาพของ รพ. บำรุงราษฎร์ โครงการ
R2R จึงต้องหา ผอ. โครงการใหม่
โชคและเคราะห์ก็ไปตกที่ อ. นพ. อัครินทร์ นิมมานนิตย์ ผู้มีอายุเพียง
๓๐ ปี หมอสมศักดิ์กับผมจึงต้องเริ่มต้นโค้ช
ว่าที่ ผอ. R2R คนใหม่ ภาระของผมเรื่อง R2R
ที่ค่อยๆ ลดลง ก็กลับมาเข้มข้นขึ้นใหม่
ประเด็นสำคัญที่ผมชี้ให้เห็นคือเราจะไม่กลับไปเริ่มโค้ช
หมออัครินทร์เหมือนตอนโค้ชหมอสมเกียรติ
เพราะตอนนี้โครงการ R2R
ได้เดินมาไกลพอสมควรแล้ว
เรามีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และความสำเร็จเล็กๆ เกิดขึ้นเป็น
“ทุนเดิม” มากมาย สำหรับนำมาต่อยอด
ความหนักใจต่อการที่ ผอ. R2R
คนใหม่มีอาวุโสน้อย จึงผ่อนเบาลงด้วย
“ทุนเดิม” ที่สูงขึ้นอย่างมากมาย
ที่จริงการที่โครงการ R2R ต้องกลับมาเริ่มโค้ช ผอ.
คนใหม่ซึ่งดูเหมือนทำให้ผมมีภาระมากขึ้น
แต่มองอีกมุมหนึ่งก็เป็นโอกาสของการเรียนรู้อย่างสูงยิ่ง
เพราะจะต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้วในศิริราช
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ R2R
ตอนนี้ผมรับใช้ศิริราช โรงเรียนเก่าของผม อยู่ ๓ เรื่อง เรื่องที่ ๓ ซึ่งดูจะเป็นงานระยะยาวที่สุด คือเรื่องรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ
·
โครงการ HKM หรือเครือข่าย จค. รพ.
ภาคเหนือตอนล่างเข้าสู่การประชุมครั้งสุดท้ายเพื่อสรุปโครงการ
แต่ผมหวังว่าไม่ใช่การสิ้นสุดการ ลปรร. ในเครือข่าย
การประชุมครั้งสุดท้ายนี้จัดแบบมหกรรม ๒
วัน
ผมไปร่วมวันที่สอง มีผู้เข้าร่วมจาก ร. พ.
ภาคเหนือตอนล่าง ๙ จังหวัด รวมประมาณ ๑๐๐ โรงพยาบาล
คนประมาณ ๔๐๐ คน สาระของการอภิปรายสูงยิ่ง
คือเล่าออกมาจาก Tacit Knowledge จริงๆ
ผมฟังแล้วก็เกิดความสุข ว่าโครงการ HKM ได้เป็นกลไกให้ KM
เข้าสู่วงการโรงพยาบาลได้อย่างดียิ่ง
ทำให้เกิดความคิดว่าน่าจะจัดเครือข่าย SKM (School KM Network)
ขึ้นสักหนึ่งเครือข่าย บริหารจัดการในรูปแบบคล้ายๆ
กัน
· ทางศิริราชได้ให้ความอนุเคราะห์ทดสอบความแข็งแรงของหัวใจ (stress
test) และทำ echocardiogram ให้
ข่าวดีคือหัวใจของผมแข็งแรงระดับนักกีฬาสมัครเล่นทีเดียว
คงจะเป็นอานิสงส์ของการวิ่งเหยาะเกือบทุกเช้า
ข่าวร้ายคือมีหลักฐานว่าการควบคุมระดับความดันเลือดยังไม่ดีนัก
หัวใจและหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) โตขึ้น
แต่ยังไม่เข้าขั้นผิดปรกติ
เป็นสัญญาณเตือนให้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต/พฤติกรรมให้ดียิ่งกว่าเดิม
และเป็นมรณานุสติด้วย ขอขอบคุณอาจารย์หมอเดโช
ผู้ตรวจและให้คำแนะนำมา ณ โอกาสนี้
·
ปลายสัปดาห์ได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน
มีเวลาคิดไตร่ตรอง บันทึก บล็อก
และไปดูปลาที่วัดบางพัง คราวนี้ได้เห็นปลาจะละเม็ดน้ำจืด
ตัวโตประมาณเกือบฟุต แต่มันเปรียว ถ่ายรูปไม่ทัน
มีคนบอกว่าเนื้อมันอร่อยมาก แต่ผมยังไม่เคยกิน
ได้ออกกำลังมากหน่อย พักมากหน่อย
มีความสุขมาก ชีวิตต้องการจังหวะ (rhythm)
มีช้ามีเร็ว มียุ่งมีว่าง
และบางครั้งก็มีมั่วบ้าง
เป็นชีวิตที่ดี
วิจารณ์
พานิช
๒๐ พ. ย. ๔๘