วันนี้เข้าไปอ่านและแสดงความคิดเห็นไว้ที่บันทึกหนึ่ง ( นักโภชนาการกลุ้มใจ..ทำไมครูดีเด่นเป็นเช่นนี้) แล้วคงต้องขออนุญาตมาเก็บไว้ในบันทึกของตนเองสักหน่อย เผื่อสมาชิกท่านใดจะเข้ามา ลปรร เพื่อต่อยอด
แก่นหลักของบันทึกดังกล่าว นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของ k-jira มานานแล้ว นับตั้งแต่ได้สติรู้สึกตัวขึ้นมา
และสิ่งนี้เองล่ะค่ะ ที่ทำให้ทุกวันนี้รู้สึกสับสน
ว่าการที่เราทุ่มเท ทำงานทุกวันนี้เพื่ออะไรกันแน่ ?
ทำงานเพื่อชีวิต หรือว่า มีชีวิตอยู่เพื่องาน จนลืมตัวตนและคนที่เรารัก
|
ทุกวันนี้.. จึงพยายามที่จะอยู่ทางสายกลาง ทำงานให้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ถึงกับทุ่มเทจนหมดตัวไปทั้งชีวิต หากแต่แบ่งเวลาส่วนหนึ่ง สำหรับตัวเอง สำหรับความฝัน และสิ่งที่ตนเองอยากจะทำค่ะ
เพื่อว่าสักวันหนึ่ง ที่เกิดอะไรขึ้นอย่างกระทันหัน ต้องจากโลกนี้ไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จะได้ไม่รู้สึกเสียใจค่ะ
.................................
ของแถมท้ายบันทึกค่ะ
เห็นรูปสวยๆหวานๆ ที่เอามาแต่งบล็อกไหมคะ รูปเหล่านี้เป็นของฝากสำหรับสาวหวานๆชาว G2K นะคะ โดย
เป็นความคิดเห็นที่น่าชื่นชมมากครับ คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ประสบความล้มเหลวในครอบครัว มีเยอะครับ ผมว่ามีความคิดเห็นดีๆ แบบนี้น่าเผยแพร่ครับ มันเป็นอะไรที่ทำให้คนเรามีสำนึกที่ดีขึ้นต่อการทำงานและต่อครอบครัวครับ....ขอเป็นกำลังใจให้นำเสนอข้อคิดเห็นดีๆ...เหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ....ครับ
คุณ นริศ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ เพราะมีกำลังใจจากผู้อ่าน และความคิดเห็นที่เข้ามาช่วยจุดประกาย จึงทำให้มีไอเดีย ออกมาเขียนได้เรื่อยๆ ทั้งหมด คงต้องยกความดีความชอบให้กับทุกท่านด้วยเหมือนกันค่ะ ^__^
อย่างเช่น ถ้ามีงานให้พี่ทำส่ง แต่วันนั้นพี่จำเป็นต้องกลับบ้าน พี่ก็จะดูว่า งานนั้นมีความสำคัญแค่ไหน ต้องส่งวันนั้นเลยไหม หรือว่าส่งวันอื่นก็ได้ และสำหรับตัวพี่ การที่จะต้องกลับบ้าน มีธุระจำเป็นมากไหม เลื่อนไปวันอื่นได้ไหม ชั่งน้ำหนักกัน ว่าอย่างไหนสำคัญที่สุด แต่ถ้าหาก งานนั้นก็สำคัญ และพี่ก็จำเป็นต้องกลับบ้าน เช่นเป็นงานทำบุญวันเกิดคุณพ่อ มันเลื่อนจัดวันอื่นไม่ได้ พี่ก็จะเลือกคุณพ่อค่ะ เพราะว่า หนึ่งปี มันมีวันเดียว ส่วนงานถ้าเลื่อนไม่ได้ ก็ยกให้คนอื่นไปทำสิ เพราะว่าทั้งหน่วยงานไม่ได้มีเราคนเดียว
เพราะถือคติว่า ถ้าทำงานด้วยใจรัก ทุ่มเทควบคู่ไปกับการทำด้วยความสุข ความก้าวหน้าก็ย่อมมาเอง (ถ้าไม่มาก็แล้วไป) แต่ถ้าคนเรา ทำอะไรมุ่งแต่ผลงาน มุ่งแต่ความก้าวหน้า บางทีเราอาจจะลืมตัว และลืมมองอะไรรอบๆตัว จนเผลอทำอะไรที่มีค่าในชีวิตสูญหายไประหว่างทางได้
สุกท้ายนี้ ขอขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ
^____^
สวีสดีครับ....
เข้ามาเยี่ยมครับ...ใหนๆมาแล้วก็ขอ ลปรร สักหน่อยนะครับ
ช่วงเวลา...แต่ละวันมันช่างสั้นนัก... แม้คนเราจะทำอะไรต่อมิอะไร ทั้งเลว ร้าย ชั่วดี สักแค่ใหน แต่คิดว่าเมื่อวาระสุดท้ายมาถึงก็ต้องเสียดายสิ่งที่ทำไปอยู่ดี คนที่ทำเรื่องร้ายๆ ก็เสียดายที่ไม่ได้ทำเรื่องดี ๆ ส่วนคนที่ ทำเรื่องดีๆ ก็เสียดายที่ไม่ได้อยู่ชื่นชมความดีนั้นตลอด เพียงแต่ว่า ทั้งสองสิ่งเราตั้งใจทำหรือไม่ก็เท่านั้น... แม้แต่การทำงานเหมือนที่ท่านบอก... เหมือนกับว่าได้อย่างเสียอย่าง ก็ไม่มีใครคนใหนที่มีเพียบพร้อมไปทุกอย่างจริงมั้ยครับ... สิ่งสำคัญ...คือทำวันน้ีให้ดีที่สุด...ทั้งที่ทำให้ตนเอง และให้กับคนใกล้ชิด... ส่วนที่เหลือก็ให้กับชุมชนสังคมบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวยนะครับ...
จะติดตามบันทึกต่อไปนะครับ...
ครูราญเมืองคอน คนนอกระบบ
สวัสดีค่ะ
save ภาพไปหลายรูปเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อนี้จะว่าไป คุยกันได้อีกยาวเลยค่ะ เรื่องของการทำงานจนลืมเอาเวลาไปดูแลคนที่รัก บางครั้งพื้นฐานทางการเงินก็อาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานเพื่อจะหาเงิน ส่งเสียเลี้ยงดูให้บุตรได้เล่าเรียน อันนี้ไม่รวมที่ทำงานเกินไป หาเงินเกินไปจนเลี้ยงลูกด้วยเงิน (ไม่ใช่ความใกล้ชิด)
สมัยตอนเป็นเด็กช่วงประถม-มัธยมต้น จำได้ว่าต้องเป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานอย่างหนัก นั่งรถเมล์กลับมาบ้านต้องหาซื้ออาหารถุงจากตลาดเข้ามาทานกับน้องชายกันเอง (คุณพ่อให้เงินไว้) เป็นอย่างงี้อยู่หลายปี แต่ก็เข้าใจว่าท่านทำงานเพื่อให้มีเงินพอที่จะไม่ทำให้ลำบาก
พอเราโตขึ้น พอมีพอใช้ ท่านก็ไม่ได้มุงานหักโหมเหมือนตอนหนุ่มๆ เริ่มมีเวลาให้ลูกเห็นหน้าบ้าง 555 แต่ลึกๆ เหมือนเป็นเด็กขาดความอบอุ่นนิดๆ แต่ตอนนี้ได้ใกล้ชิดมากขึ้น ได้ทำงานเอง เริ่มเข้าใจว่าทำไมท่านถึงต้องทำงานหนัก
ในความคิด ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานจนไม่มีเวลา อย่างน้อยๆ อธิบายให้ลูกๆ ฟัง ไม่ว่าจะเด็กแค่ไหน เค้ารับรู้และจำได้เสมอนะคะ เมื่อเวลาพัก ควรจะพัก อย่าเอามาปนกัน ซึ่งก็ยากนะคะ
เคยอ่านบทความเค้าบอกไว้ว่า
เราควรจะแบ่งเวลาออกเป็นสามส่วนเท่าๆ กัน และให้ความสำคัญเท่าๆ กัน เพราะความสมดุลย์กัน
1. เวลาให้กับครอบครัว
2. เวลาให้กับงาน
3. เวลาให้กับตัวเอง
ซึ่งบางครั้ง บางคนอาจจะกล่าวว่า เวลาที่ให้กับตนเองคือการอยู่กับครอบครัว ฉะนั้นเราก็อาจจะจัดสรรค์สัดส่วนใหม่ได้ ไม่มีกฎตายตัวหรอกค่ะ ขอแค่ความสมดุลย์
ฮืม...ว่ามั้ยคะ
^____^
ขอโทษที่เข้ามาตอบ comment ล่าช้านะคะ ^__^
สวัสดีค่ะ ครูราญเมืองคอน
สวัสดีค่ะคุณ Bright Lily
สวัสดีค่ะ น้อง IS
สวัสดีค่ะคุณ แผ่นดิน
สวัสดีค่ะคุณ Nuttita&SASI
ตั้งแต่เกิดมา พ่อเคยมาส่งที่โรงเรียนไม่ถึง 5 ครั้ง เราไม่เคยได้ไหว้พ่อกับแม่ก่อนไปโรงเรียนเลย ทั้งๆ ที่พ่อกับแม่ก็ยังมีชีวิตอยู่ทั้ง 2 คน เราอยากอยู่กับพ่อแม่ใจจะขาด แต่ด้วยความจำเป็นบางอย่างเราจึงไม่สามารถจะอยู่กับพ่อแม่ได้ ส่วนพ่อแม่เองก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อเติมเต็มให้กับเรา เราก็เข้าใจพ่อกับแม่ดี แต่ในใจลึกๆ ของเรานั้นก็ยังโหยหาความสุขเหล่านั้นอยู่ เราจึงพยายามทำทุกๆ อย่างเพื่อให้ได้พ่อกับแม่กลับมา แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง แต่เราก็จะพยายามต่อไป เพื่อครอบครัวของเรา เราจะทำชีวิตให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ลูกต้องเป็นแบบเรา
อืมเรากำลังเข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่า เป็นเพราะทุนนิยมหรือว่าเราคิดไม่ได้เอง หรือว่ามันไม่มีทางจะเป็นแบบอื่นอีกต่อไป เราทำงานเพื่อใช้ชีวิตหรือเราใช้ชีวิตเพื่อทำงาน ดูคำคล้ายกันแต่ต่างกันอย่างมาก
มีงานก็มีชีวิตที่ดีได้ทำงานที่ดีที่เหมาะสมเราก็จะมีเวลาใช้ชีวิตเพื่อตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้นแล้วอาจส่งผลถึงสังคมเลยก็ได้
เวลาทั้งหมดหมดไปกับงาน จะกระดิกตัวไปไหนต้องไม่ทิ้งงานห่างจากงานได้ไม่มาก เพื่อจะได้มีเงินใช้จ่ายเสพสุขในแบบทุนสร้างมา พักหายใจยังไม่โล่งท้องก็ต้องกลับมางมมาจมกับงานอีก
บางทีอาจมีคำตอบที่ดีพอให้กับสิ่งเหล่านี้ก็เป็นได้ คุณจะก้าวไปเป็นแบบไหนหรือเป็นอยู่ล่ะ พอใจไหมหรือว่าใครๆก็เป็นกัน ถามอีกครั้ง พอใจไหมกับชีวิตแบบนั้นน่ะ ....
ถูกต้องที่สุดครับ บทความที่อ่านเจอตรงนี้เป็นบทความที่มีความสำคัญและน่าสนใจอย่างมาก.....
เงินถูกต้องเป็นสิ่งที่ต้องหามาด้วยความขยันหมั่นเพียร และ ตั้งใจ มีความตั้งใจมากกับการทำงานกลัวถูกอย่าง กลัวนายด่าว่า,กลัวงานออกมาไม่ดี,กลัวนั้น กลัวนี่ บางทีนอนก็ไม่ค่อยหลับทำให้ร่างกายทรุดโทรม สุดท้ายเงินที่หามาได้ก็ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควรผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในประเภทนี้ทำงานให้บริษัทมากกว่าเป็นห่วงพ่อกับแม่และครอบครัวตัวเอง แล้วปัญหาหลายๆอย่างก็ตามมาทำให้ยากที่จะแก้ไข และแล้วจนถึงวันนี้ผมถึงเข้าใจอย่างท่องแท้ว่าอะไรสำคัญที่สุด เงินควรมีพอประมาณแล้วควรหาความสุขให้ตัวเองพร้อมครอบครัวให้เวลาตัวเองและครอบครัวให้มากและความสุขก็จะมีมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเป็นอยู่แบบปัจจุบัน วันนี้ขอสวัสดีทุกท่าน ณ ตรงนี้ครับ...,...