ภัทนภา ธรรมบุตร และคณะเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยบ้านทุ่ม
ตำบลไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ
ใน เขตสถานีอนามัยบ้านทุ่ม ในเขตรับผิดชอบ มีผู้ป่วยมาทำแผลทุกวัน
เฉลี่ยการทำแผล 100 ครั้ง/ เดือน
ต้องใช้น้ำยาล้างแผลเป็นจำนวนค่อนข้างสูง
ในการล้างแผลแต่ละครั้งต้องใช้น้ำเกลือ (Normal saline)
ในการทำความสะอาดแผลซึ่งจะทำให้แผลหายเร็ว ลดการทำลายเนื้อเยื่อ
ไม่ขัดขวางกลไกการหายของแผล
และในการทำแผลต้องใช้น้ำเกลือเทจากขวดน้ำยามาใส่ในภาชนะทำแผล
หรือบางครั้งเทน้ำยาใส่ภาชนะมากเกินไป
ทำให้ต้องเทน้ำยาที่เหลือทิ้งโดยสูญเปล่าและมีการใช้ไม้พันสำลีสำหรับการ
ล้างแผลเป็นจำนวนมากเฉลี่ย 100 ห่อ / เดือน
แต่บุคลากรของสถานีอนามัยบ้านทุ่ม มีจำนวนจำกัด คือ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 2 คน ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 1 คน
จำนวนผู้ป่วยเฉลี่ยต่อเดือน 1,000 ราย
ซึ่งในการทำแผลผู้ป่วยแต่ละรายต้องใช้เวลาในการเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำแผล
ทำให้ผู้ป่วยอื่นที่มารอตรวจต้องเสียเวลารอนาน จากปัญหาดังกล่าว
ทำให้คิดกลวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยการประยุกต์นำน้ำยาล้างแผลน้ำเกลือ มาต่อกับชุดให้น้ำเกลือผู้ป่วย
มาใช้ในการล้างแผล ทำความสะอาดแผลโดยตรง
จากผลการทดลองปฏิบัติของ นวัตกรรมดังกล่าว พบว่า ในช่วงแรกๆ
ผู้ป่วยและญาติคิดว่าแผลน่าจะไม่สะอาด
หลังจากการเก็บข้อมูลอุบัติการณ์การติดเชื้อจากการทำแผลแบบใหม่พบว่า
ไม่มีการติดเชื้อ สามารถลดการใช้น้ำยาล้างแผลน้ำเกลือ จากเดิม
ใช้เดือนละ 15 ขวด ลดลงเหลือเดือนละ 10 ขวด คิดเป็นร้อยละ 33.33
จากการทดลองใช้นวัตกรรมใหม่ ค่าใช้จ่ายลดลงเดือนละ 800 บาทต่อเดือน
คิดเป็นร้อยละ 53.33
และเจ้าหน้าที่สามารถลดเวลาในการบรจุการห่อของส่งนึ่งได้และมีเวลาในการ
ปฏิบัติงานอื่นๆมากขึ้น อัตราความพึงพอใจเท่ากับ 100%
สถานีอนามัยบ้านทุ่มจึงได้ใช้นวัตกรรมนี้ในการทำแผลเรื่อยมา
วัตถุประสงค์
1. เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการผู้ป่วย
2. เพื่อลดงบประมาณ ค่าใช้จ่ายในการเบิกน้ำยาและอุปกรณ์ล้างแผล
3. เพื่อลดภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการห่อของส่งนึ่ง
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
1. ชุดให้น้ำเกลือผู้ป่วย
2. น้ำยาล้างแผล คือ 0.9% Nss 1,000 cc
วิธีการดำเนินงาน
นำ น้ำยาล้างแผล (Normal saline) มาต่อกับชุดน้ำเกลือผู้ป่วย
มาใช้ในการล้างแผล ทำความสะอาดแผล
โดยตรงเมื่อผู้ป่วยมาทำแผลที่สถานีอนามัย ให้เปิดล้างแผลได้เลย
โดยปรับความเร็วตามความเหมาะสมของแต่ละแผล
โดยชุดน้ำเกลือและขวดน้ำยาล้างแผลที่ใช้ จะเปลี่ยนทุก 3 วัน
หรือตามความเหมาะสม
ตามหลักการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลและเขียนวันที่เริ่มเปลี่ยนไว้
ข้างขวดน้ำเกลือที่เปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง
จาก บทคัดย่อผลงานวิชาการนำเสนอ
ในการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี ๒๕๔๙
วันที่ ๔-๖ กันยายน ๒๕๔๙ ณ โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร
คือหนูสนใจนวัตกรรมนี้อ่ะค่ะ .. ยังไงติดต่อเมลนี้นะค่ะ ยังไงจะขอศึกษานวัตกรรมนี้ค่ะ