เรื่อง แนวปฏิบัติในการส่งเสริมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุด้านการรับประทานอาหาร
ปัญหาทางคลินิก พฤติกรรมการรับประทานอาหารของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ
1. Problem analysis ระบุปัญหาที่ต้องการแก้ไข สถานการณ์ของโรคความดันโลหิตสูงในปัจจุบันระดับโลก
ความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นความสำเร็จของการวางแผนครอบครัวที่ดีสามารถลดอัตราการเกิดได้ตามเป้าหมายในระยะเวลาอันสั้นส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากร ทำให้มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้คาดการณ์ไว้ว่า สัดส่วนของผู้สูงอายุหรือผู้สูงอายุที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ในปี 2523 เป็นร้อยละ 10 ในปี 2568 (สุรีย์ กาญจนวงศ์,2540) โรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุคือโรคปวดเมื่อยโรคข้อและอักเสบ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวานและโรคต้อกระจก(จันทร์เพ็ญ ประภาวรรณ,2540) โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดจึงเป็นปัญหาของประเทศกำลังพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา จากรายงานองค์การอนามัยโรคในปี ค.ศ. 1999 ประชาชนทั่วโลกป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงประมาณ 50 ล้านคน(ชนิดา กาญจนลาภ.2543) ส่วนในทวีปเอเชียมีผู้ป่วยร้อยละ 15 ของประชากร(WHO,1998)
สถานการณ์ของโรคความดันโลหิตสูงในระดับประเทศชาติ
สำหรับประเทศไทยพบว่าโรคความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาสาธารณสุขตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา จากการสำรวจสถานะสุขภาพครั้งที่ 2 ในปี 2539-2540 พบว่าความชุกของโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 9.7 คิดเป็นผู้ป่วย 4.3 ล้านคน และความชุกของโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น(จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ.2543) จากรายงานการตายด้วยโรคความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดสมองในปี2543,2544,2545,2546 และ2547 อัตราตายเท่ากับ 13.3,10.3,15.6,18.9 และ 24.5 ตามลำดับ (สำนักนโยบายแผนและสาธารณสุข,2547)
สถานการณ์ของโรคความดันโลหิตสูงในปัจจุบันของโรงพยาบาลลำลูกกาจังหวัดปทุมธานี
ในจังหวัดปทุมธานีถือเป็น 1 ใน 26 จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังในการเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหัวใจขาดเลือด(กระทรวงสาธารณสุข,2547) จังหวัดปทุมธานีพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมีอัตราป่วยอยู่ในระดับต้นๆของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในปี 2542, 2543,2544 มีอัตราป่วยเท่ากับ 340,415,510 ต่อประชากรแสนคนตามลำดับและโรคความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุการตาย 10 อันดับแรก ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปี ปี 2543 มีอัตราการตายเท่ากับ 2.08 ต่อประชากรแสนคน 2544 มีอัตราการตายเท่ากับ3.68 ต่อประชากรแสนคน (สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี,2547) โรงพยาบาลลำลูกกา พบผู้ป่วยนอกโรคความดันโลหิตสูงเป็นอันดับ 1 ใน 10 อันดับแรก เพศชาย 2,089 ราย เพศหญิง 4,817 ราย รวมทั้งสิ้น6,906 ราย และจำนวนผู้ป่วยในทั้งหมด 3,332 ราย อันดับหนึ่ง ความดันโลหิตสูง จำนวน 105 รายอันดับสอง เบาหวาน จำนวน 100 รายอันดับสาม หอบหืด จำนวน 82 ราย (ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศโรงพยาบาลลำลูกกา )
ปัจจัย / ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โรคความดันโลหิตสูงมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ ความดันโลหิตสูงชนิดที่ทราบสาเหตุและความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงชนิดทราบสาเหตุเมื่อรักษาแล้ว ระดับความดันโลหิตจะกลับเป็นปกติและอาจหายขาดได้ แต่ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ การรักษาไม่สามารถทำให้โรคหายขาดหรือกลับไปเป็นปกติได้ ดังนั้นจึงต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่องและตลอดชีวิต ซึ่งผลกระทบจากภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงจะตองรักษายาวนาน เสียค่าใชจาย และเสียเวลามาก โดย เปาหมายของการ รักษาโรคนี้เปนเพียงการปรับหรือการควบคุมระดับความดันโลหิตใหอยูในเกณฑที่ใกลเคียงปกติ ไมใหอวัยวะ เปาหมาย ไดแกสมอง หัวใจ ไต จอตา ถูกทําลาย ที่ผานมาพบปญหาผูปวยโรคความดันโลหิตสูงขาดความรวมมือ ในการรักษา เนื่องมาจากปัจจัยตางๆ เชน ผูปวยคิดวาตนเองสบายดี ไมมีอาการผิดปกติ และไมมีเงินคาเดินทาง ไปใชบริการ (วรารัตน เหลานภากุล, 2546) ความดันโลหิตสูงอาจทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงของหัวใจ สมอง ไต และหลอดเลือดในรางกายจัดเปน target organs ของโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางเสื่อมจะถือว่ามี target organs damage (TOD) เกิดขึ้นแลว (พึงใจ งามอุโฆษ, 2541) ผูปวยโรคความดันโลหิตสูงที่ไมไดรับการรักษา หรือรับการรักษาไมตอเนื่อง จะไมสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตใหอยูในระดับที่ปลอดภัยได เป็นผลใหมี การทําลายอวัยวะที่สําคัญๆของร่างกาย (พึงใจ งามอุโฆษ, 2541; สมชาย โลจายะ และ อรวรรณ สุวจิตตานนท, 2536) ดังนี้
ผลต่อหัวใจ ความดันโลหิตสูงทําใหหัวใจหองลางซายตองทํางานหนัก เนื่องจาก แรงตานทานที่เพิ่มขึ้นในหลอดเลือด ซึ่งในระยะเริ่มแรกนั้นกลามเนื้อหัวใจจะปรับตัวใหเขากับแรงตานทาน ที่เพิ่มขึ้นโดยการขยายตัว ทําใหหัวใจหองลางซายโต และถาภาวะนี้ยังเกิดขึ้นตอไป เสนใยของกลามเนื้อ จะหยอนไมสามารถขยายตัวไดอีก หัวใจหองลางซายจะพองและไมทํางาน ทําใหไมสามารถรับเลือดออกจาก ปอดได เลือดจะไหลกลับไปสูปอดตามเดิม เกิดอาการเลือดคั่งในปอด หัวใจหองลางขวาตองทํางานหนัก จนในที่สุดเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด(ischemic heart disease) หรือ ภาวะหัวใจลมเหลว
ผลตอหลอดเลือด ความดันโลหิตสูงทําใหหลอดเลือดตองรับน้ำหนักมากขึ้น หลอด ผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว ทําใหการไหลเวียนของเลือดไมสะดวกเกิดการอุดตัน เกิดลิ่มเลือดทําใหเลือด ไมสามารถไปเลี้ยงอวัยวะนั้นๆได อวัยวะที่สําคัญคือ หัวใจ สมอง ไต และโรคที่พบไดมากคือ หัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือดและไตวาย เปนตน
ผลตอสมอง เมื่อหลอดเลือดอยูในภาวะความดันสูงนานๆ หลอดเลือดเสียความ ยืดหยุน มีการโปงพอง(aneurysms) ของหลอดเลือดขึ้น หลอดเลือดในสมองก็เชนเดียวกัน เมื่อความดันโลหิตยัง คงอยูสูงตอไปอีก อาจทําใหเสนเลือดที่มีการโปงพองแตกได สงผลใหเกิดโรคหลอดเลือดในสมองแตก ถาไมไดรับการรักษาอยางทันทวงทีอาจทําใหหมดสติ เปนอัมพาต หรือเสียชีวิตได
ผลตอตา ความดันโลหิตสูงจะทําใหมีการเปลี่ยนแปลงของจอรับภาพ (retina) ซึ่งเปนสวนของประสาท และหลอดเลือดที่มาเลี้ยงตา หลอดเลือดฝอยเล็กๆตีบแคบโดยทั่วๆไปอยางรวดเร็ว และ มีการหดเกร็งเฉพาะที่มีเลือดออก และ exudates ในจอตาประสาทตาบวม (papilledema) เปนผลทําใหประสาทตา ถูกทําลายหรือเสื่อมสมรรถภาพ ซึ่งจะทําใหมีจุดบอดบางสวนในลานตา (scotorata) ตามัวและอาจถึงตาบอดได
พฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการดูแลตนเอง เพื่อควบคุมระดับความดันโลหิต และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดยการลดอาหารที่มีรสเค็ม อาหารที่มีไขมันมาก งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ดังนั้นการบริโภคอาหารถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมสุขภาพที่จะเป็นดัชนีบ่งบอกถึงการมี สุขภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ( นัยนา เมธา, 2544 ) และจากการศึกษาพบว่า ผูปวยมีการดูแลสุขภาพตนเองดานโภชนาการเฉพาะการลดความเค็มของอาหารเทานั้น แตผูปวยไมทราบวาอาหารอื่นๆ ที่มีโซเดียมก็ตองจํากัดปริมาณการบริโภคดวยไดแก ผงชูรส เครื่องปรุงรสตางๆ ผูปวยลดความเค็มของอาหารโดยการลดการบริโภค หรือไมบริโภคอาหารรสเค็ม ปรุงอาหารแยกจากผูอื่น นอกจากนี้ผูปวยลดความเค็มโดยมีวิธีที่อาจทําใหไดรับโซเดียมในปริมาณมาก ไดแกการปรุงรสชาติอื่นเพิ่มลงในอาหารรสเค็มและ การทําอาหารใหรสเค็มเจือจางลงแตบริโภคจนหมด แหลงโซเดียมที่ผูปวยไดรับจากอาหาร มาจาก น้ำปลารา เครื่องปรุงชนิดต่างๆ ปลาแหง ปลาทูเค็ม อาหารหมักดอง และบริโภคผงชูรสเพราะเขาใจวาไมใช อาหารรสเค็มสามารถบริโภคได (สุวิมล สังฆะมณี, 2549) ในปจจุบันมีการจัดการดูแลโรคความดันโลหิตสูงหลาย โปรแกรม ทําใหอุบัติการของโรคความดันโลหิตสูงลดลง โดยการเพิ่มบทบาทดูแลทางดาน การรักษาโดยไมใชยา บทบาทหนึ่งที่สําคัญนั้นคือการจัดการทางดานโภชนาการ ในการปองกัน และ รักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคอื่นที่เกี่ยวของ การบําบัดความดันโลหิตสูงดวยตัวยานั้น บุคลากรทางการแพทยที่มีชื่อเสียงเปนที่รูจักและยกยองหลายทาน มีความเห็นตรงกันวาเปนสิ่งที่ให้ ผลดีที่สุดก็แตในระยะสั้นเทานั้น แตถาหากบําบัดโดยวิธีการดูแลสุขภาพและดูแลพฤติกรรมในการบริโภคแลว จะใหผลในทางปองกันและลดอาการกําเริบของความดันโลหิตสูงที่ไดผลในระยะยาว ที่ดีกวา (เกษมศรี วงศเลิศวิทย, 2542)
ดังนั้นผูศึกษาจึงมีความสนใจที่จะศึกษาถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ผูปวยความดันโลหิตสูง เพื่อนําผลการศึกษาที่ไดมาเปนแนวทางในการ พัฒนาการให ความรูและดูแลผูปวยโรคความดันโลหิตสูง ใหมีการปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองไ ด อยางถูกตอง โดยเฉพาะอยางยิ่งในดานการบริโภคอาหารเพื่อใหผูปวยมีภาวะสุขภาพที่ดีใน ระยะยาวไมเกิดภาวะ แทรกซ้อนตางๆ และสามารถดํารงชีวิตประจําวันไดอยางมีประสิทธิภาพ
ตอนนี้กำลังศึกษาระดับป.โทสาขาเวชปฏิบัติชุมชน มอ.สงขลา และทำสารนิพนธ์เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้สูงอายุที่มีภาวะโภชนาการเกิน(อ้วน)เมื่อเห็นหัวข้อนี้แล้วจึงอยากจะอ่านต้นฉบับเต็ม หากท่านจะกรุณาดิฉันขอความอนุเคราะห์ท่านช่วยส่งฉบับเต็มตามที่อยู่อีเมลนี้..ด้วยความขอบคุณ
สวัสดีครับ คุณศิชารัชต์
ไม่ทราบว่าจะให้ส่งไปที่ไหนหรือครับ ไม่มีเมลล์ให้ติดต่อครับ
ไม่มีของเบาหวานบ้างหรอคะ สนใจทำในผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุ ที่คุมน้ำตาลไม่ได้หนะคะ เรียนโท จุฬา สูงอายุคะ ถ้ามีขอความกรุณาด้วยนะคะ ทิ้ง Mail ไว้แล้วคะ