ครั้งที่แล้วผมนำเรื่องของนักมวยสากลสมัครเล่นของมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศ ครั้งที่ 34 (ราชพฤกษ์เกมส์) มาเล่าสู่กันฟัง ... บอกเล่าถึงหัวจิตหัวใจอันทรหดอดทนของความเป็น “ลูกผู้ชาย”
นั่นคือ อีกนิยามความหมายของลูกผู้ชายในเกมส์กีฬา..ลูกผู้ชายที่มีหัวใจทรนง พกพาหัวใจอันกล้าแกร่งสู่เวทีเพื่อเกียรติภูมิของสถาบัน
ณ วันเวลาที่ผมกำลังเขียนบันทึกอยู่นี้เขาทั้งสองก็ได้รับชัยชนะบนเวทีสังเวียนผ้าใบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...พร้อมกับรอการก้าวขึ้นเวทีในไฟต์ถัดไป ...
เรื่องของรถเมล์คันเล็ก ๆ ที่วิ่งวนรับส่งนักกีฬาทั่วทุกสถาบันจากที่พักไปยังสนามแข่งขันต่าง ๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากนำมาบอกเล่าไว้ในบันทึกนี้
ผมตั้งชื่อเรื่องว่า “รถเมล์เล็กแห่งความประทับใจ”
เหตุที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะ รถเมล์ที่ผมกล่าวถึงเป็นรถเมล์ขนาดเล็ก กว้างประมาณ 1.80 เมตรและยาวประมาณ 5.45 เมตร จุผู้โดยสารได้ราว ๆ 20 คนและขยันวิ่งให้บริการอย่างไม่หยุด ไม่หย่อน !
รถเมล์เล็ก ๆ เหล่านี้มีทั้งหมด 8 คัน นิสิตมักเรียกติดปากว่า “รถสองบาท” เพราะเก็บคูปองจากนิสิตคนละ 2 บาท โดยอีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันก็คือ “รถกระป๊อ”
เท่าที่พยายามสอบถามพนักงานขับรถก็ไม่รู้แน่ชัด “กระป๊อ” ที่ว่านี้มีความหมายเช่นไร ? แต่บรรดาคนขับก็ยืนยันว่า "รถกระป๊อ"หมายถึง รถคันเล็ก
(ภาพถ่ายจากด้านหน้าของรถ)
รถเมล์ 3 คันแรกที่ถูกนำมาใช้บริการเมื่อแรกเริ่มตั้ง มศว องครักษ์นั้นคณะวิศวกรรมศาสตร์ของ มศว เป็นผู้ทำการจัดทำขึ้น ส่วนที่เหลืออีก 5 คันเป็นการไปจ้างให้ผู้ประกอบการจัดทำขึ้นให้
ในเวลาปกติจะให้บริการแก่นิสิตชาว มศว (องครักษ์) ช่วงเวลา 07.00 – 17.30 น. วิ่งวนไปตามตึกเรียนคณะต่าง ๆ เรียกเก็บค่าโดยสารเป็นคูปองคนละ 2 บาท
ทันทีที่มีผู้โดยสารเต็มที่นั่ง หรือประมาณ 10 คน รถเมล์เหล่านี้ก็จะเคลื่อนตัวไปยังชานชลาต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบมหาวิทยาลัย
ด้านข้างของรถเปิดโล่งทั้งสองด้าน ทำให้สามารถชมทิวทิศน์ตามเส้นทางได้เพลินตา อากาศถ่ายเท ไม่ร้อนอบอ้าว ขึ้นลงสะดวกเพราะตัวรถไม่สูงจนเกินไป
(ตราสัญลักษณ์ มศว ที่ติดแน่นอยู่ประตูรถ)
ผมประทับใจรถเมล์คันเล็กเหล่านี้ เพราะสามารถให้บริการต่อนักกีฬาได้อย่างสะดวก รวดเร็ว (แต่ปลอดภัย) และเป็นกันเอง รวมถึงการช่วยลดจำนวนรถจักรยานยนต์ในมหาวิทยาลัยลงได้อย่างน่าพอใจ
การเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์มากนัก เพราะมีรถเมล์เล็กคอยให้บริการเป็นอย่างดี รวมถึงค่านิยมในการใช้จักรยานก็เป็นอีกภาพแห่งความประทับใจที่พานพบในเทศกาลแห่งการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยฯ ครั้งนี้...
ผมเชื่อว่ารถเมล์คันเล็ก ๆ เหล่านี้ ไม่เพียงทำหน้าที่การให้บริการต่อนิสิต หรือแม้แต่นักกีฬาแต่ละสถาบันจากต้นทางไปสู่ปลายทางเท่านั้น ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงเรื่องอุบัติเหตุอันเกิดจากรถจักรยานยนต์ได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน
(สถานที่จอดรถจักรยานบริเวณหอพัก)
การเรียกเก็บค่าโดยสารต่อนิสิตราคาเพียง 2 บาทก็ไม่แพงจนเกินไปนัก และเชื่อว่าก็คงไม่คุ้มทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละเดือนที่มหาวิทยาลัยต้องควักกระเป๋าจ่ายสมทบอีกไม่น้อย
แต่สำหรับนักกีฬาที่มาแข่งขันครั้งนี้..เจ้าภาพให้บริการฟรี....
ใครที่มาหกรรมกีฬาปัญญาชนครั้งนี้ หากไม่ลองขึ้น ๆ ลง ๆ ใช้บริการรถเมล์เล็กดูบ้าง...ผมว่า “มาไม่ถึง มศว องครักษ์ เป็นแน่ !”
แต่สำหรับผม...ผมมีความสุขเสมอที่ได้พาตัวเองขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างรถเมล์คันเล็กกับสนามแข่งขันต่าง ๆ อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ไม่มีความเร็วจนน่าหวาดกลัว ไม่ต้องห้อยโหนเหมือนรถเมล์กระป๋องในกรุงเทพฯ
มันคือความไม่คุ้นเคยที่แสนมีเสน่ห์ และน่าประทับใจเป็นที่สุด !
..ขอบคุณคร๊าบ...ขอบคุณค่ะ..คือเสียงจากนักกีฬาที่พร้อมใจขานบอกน้าคนขับทุกครั้งที่ลงจากรถเมล์คันเล็ก...
ทุกครั้งที่มีคนลงจากรถ, ผมได้ยินเช่นนั้นทุกครั้งจริง ๆ
".ขอบคุณคร๊าบ...ขอบคุณคะ..คือ
เสียงจากนักกีฬาที่พร้อมใจขาน
บอกน้าคนขับทุกครั้งที่ลงจาก
รถเมล์คันเล็ก...
ทุกครั้งที่มีคนลงจากรถ, ผมได้ยินเช่นนั้นทุกครั้งจริง ๆ "
.....ดีจังคะ แบบเป็นเหมือนญาติๆกันเลยนะคะ
สวัสดีครับ..อาจารย์ ลำดวน
ที่ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ก็มีค่ะ และเรียกกันเล่นๆว่า " รถตู้ " มาจากอักษร TU ซึ่งเป็นตัวย่อของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไงคะ
ได้ไปใช้บริการมา เมื่อ สิงหาคม 49 ค่ะ เพราะนำนิสิตพิการและอาสาสมัครเพื่อนช่วยเรียนไปสัมมนาเชิงปฏิบัติการ : การจัดบริการสำหรับนักศึกษาพิการ ระดับอุดมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยศูนย์บริการนักศึกษาพิการมธ. ร่วมกับ สกอ.เป็นเจ้าภาพ ค่ะ
ส่วนค่าบริการนั้นไม่คิดค่ะ เห็นบอกว่าเป็นสวัสดิการนะคะ