วันเด็กไร้สัญชาติ ครั้งที่3


จะไม่รู้สึก "แตกต่าง" หากไม่มี "การเปรียบเทียบ"

วันศุกร์ ที่ 12 เวลา 22.30 น.คือ เวลาที่รถเคลื่อนตัวออกจากพิษณุโลก มุ่งหน้าไปยังจังหวัดเชียงราย และกำลังจะไปต่อยังอำเภอแม่อาย จุดมุ่งหมายเพื่อจัดบู๊ทของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในงานวันเด็กไร้สัญชาติ ครั้งที่ 3

 

ในระหว่างที่นั่งรถไป ฉันอดนึกถึงเด็กๆเป็นพันในวันรุ่งขึ้นไม่ได้ นึกถึงความกระตือรือร้นที่เด็กจะมาลงทะเบียนเข้างาน และเข้าเล่นเกมส์และรับของตามบู๊ทด้วยความสนุกสนาน แต่สิ่งที่ฉันพยายามนึก และไม่รู้จะนึกถึงมันถูกหรือเปล่า ไม่รู้ว่าในแววตาอันร่าเริงนั้น มันจะแฝงด้วยแววตาอะไร.......ฉันก้แอบเดาอยู่บ้างเหมือนกัน.....

 

วันรุ่งขึ้นฉันนั่งรถไปกับพี่แก๊บ และพี่จอย(Plan)สิ่งที่เรามองเห็นเหมือนกัน คือรถกระบะที่บรรทุกคนอาจมากถึง 20 คนต่อคัน ซึ่งก็หลายคันมากมากๆ ท่ามกลางหมอกลงอย่างหนาจัด มันคงหนาวมาก (เขารู้สึกแบบนี้ไหม)แต่ดูเหมือนเขากำลังมุ่งหน้าไปที่เดียวกันกับเรา และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ พอไปถึงฉันรีบไปยังบู๊ทมน.ทันที พี่ๆทีมงานกำลังวุ่นวายจัดของกัน ดูเหมือนคนทีมงานเราน้อยไปทันที หากพี่ๆไม่ต่องไปรับลงทะเบียนบ้าง ทีมงานเราคงทำงานได้อย่างเต็มที่แน่ๆ แต่การไปรับลงทะเบียนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนทำงานจะได้จะรู้วิธีการได้ข้อมูลจากชาวบ้าน การที่เราเป็นคนต่างถิ่นจะได้ข้อมูลว่า คุณมีสัญชาติไทยไหม มันคงแปลกต่อใครบางคน ดังนั้นคนจะรับลงทะเบียนคงต้องหาวิธีเพื่อให้ได้ข้อมูลบ้าง ฉันไปรับลงทะเบียนพักหนึ่ง และไปร่วมพิธีเปิด และมารับลงทะเบียนอีกครั้งหลังเปิดพิธี

 

ผู้กล่าวเปิดงานเยอะมาก จนเด็กๆเริ่มเบื่อที่จะฟัง เพราะคงอยากได้ของรางวัลจากบู๊ท แต่เด็กไม่รู้หรอกว่า คนที่มากล่วเปิดงานและคุยกับเด็กนั่น ล้วนเป็นคนที่สำคัญจากงานหน่วยงานที่สำคัญทั้งนั้น เด็กเหมือนไม่ได้ฟังคำอวยพรเหล่านั้น แต่แล้วคนทั้งงานเหมือนถูกสะกดให้ฟังด้วยความตื้นตัน เพราะเด็กคนหนึ่งไม่ใช่คนสำคัญที่มาจากหน่อวยงานสำคัญ แต่เด็กคนนี่กำลังจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต เด็กกำลังอ่านกระดาษแผ่นหนึ่งด้วยความตั้งใจ เขาอ่านสาสน์ถึงนายก ใจความสำคัญ พูดถึง ความไร้สัญชาติกับยากลำบากต่างๆที่เขาเป็นอยู่ ฉันจำไม่ได้ถึงรายละเอียด เพราะมัวแต่สังเกตสีหน้าของผู้ที่เพิ่งเคยมาร่วมงาน และผู้ที่เพิ่งมาสัมผัสบรรยากาศของความไม่มีบัตรไทย ดูเหมือนพวกเขากำลังอึ้งมากกับสิ่งที่ได้ยิน ในใจฉันแอบภาวนาให้เขาเข้าใจถึงความไม่สิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกับเพื่อนๆๆคนอื่นที่เขามีทั้งสิทธิและหน้าที่ที่พร้อมจะใช้มัน มีบัตรประชาชนไว้ด้วยความอุ่นใจว่าจะไม่ถูกจับ ไม่ใช่มีเพื่อทิ้งไว้ที่ร้านการ์ตูน หรือ มีแล้วหักทิ้ง เพื่อไปถ่ายใหม่เพราะรูปไม่สวยไม่หล่อ ไม่ถูกใจ หรือเข้าใจว่าทุกคนที่เกิดมาก็ได้เป็นคนไทยมีบัตรไทย บางคนอาจคิดว่า"แค่บัตรประชาชน" แต่ฉันคิดว่า "ตั้งบัตรบัตรประชาชน" และหวังว่าหลายคนคงรู้ถึง"ความแตกต่าง" เมื่อมีการ "เปรียบเทียบ" แล้ว

 

งานครั้งนี้ ฉันไม่หวังอะไรมากหรอก (มั้ง) อยากให้เด็ก *มีความความสุขในวันสำคัญของเขา อยากให้เขาอยากเป็นคนดีและตั้งใจเรียนต่อไป แม้เขายังไม่มีบัตรไทย ไม่มีสัญชาติไทย และแม้เขาเลือกเกิดมาแล้วมีบัตรไทยไม่ได้ แต่อยากให้เขาเลือกที่จะเป็นส่วนที่มีค่าของครอบครัว ของชุมชน และของชาติต่อไป อยากให้ผู้ใหญ่ ** เข้าใจในความเป็นเขา เป็นกำลังใจให้เขาเหล่านั้นต่อไป อยากจะเขียนต่อ แต่เนื่องจากว่าต้องไปอ่านหนังสือสอบพรุ่งนี้เช้า เลยขอพิมๆๆๆๆๆแค่นี้ก่อนละกันนะคะ

หมายเลขบันทึก: 72822เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2007 23:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
ชั่งเป็นความคิดที่ดีมาก  ขอให้ประสบความสำเร็จทุก ๆ ด้าน
  • ขอบคุณสำหรับความเสียสละเพื่อสังคมนะครับ เป็นอุดมการณ์ที่มีค่ามาก
  • ทำอย่างไรดีครับที่จะได้ร่วมงานกัน
  • คิดว่าน่าจะสร้างสิ่งดีดีให้สังคมร่วมกันได้นะครับ

ตอบ บีเวอร์

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำจะทำยังไงดี เพราะไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมในมอสักเท่าไรหรอก แต่แม้เราจะทำที่ไหน มันก็เพื่อสิ่งดีดีในสังคมไม่ใช่หรอ

ถ้ามีโอกาศได้ร่วมงานกันนะ

เมลล์มาชวนละกัน

แหม น้องลืนหอม

พี่แสนเสียดายที่ไม่ได้ไปที่แม่อายในปีนี้ 2550

 แต่ ลืนหอม โตขึ้นมาก ๆ

 

 

พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องลืนหอมนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท