ชีวิตที่พอเพียง  4891. สนุกกับการหาโอกาสเรียนรู้มายาคติรอบตัว


  

ผมบอกตัวเองว่า เรื่องราวรอบตัวเป็นมายา    ต้องฝึกตัวเองให้รู้เท่าทัน   

เรื่องมายานั้น เป็นเรื่องที่หาเรามองตื้นๆ หรือผิวเผิน เราจะเห็นหรือเข้าใจอย่างหนึ่ง   แต่หากเราตีความในมิติที่ลึก จะเข้าใจต่าง โดยในหลายกรณีเห็นภาพหรือความหมายตรงกันข้าม 

ผมฝึกตนเองให้ตีความเรื่องราวรอบตัว  รวมทั้งที่มีโอกาสไปสัมผัสตรง  ในมิติที่ลึก เพื่อทำความเข้าใจคุณค่าแท้จริงของสังคมภาพรวมของเรื่องนั้นๆ   แยกแยะออกจากผลประโยชน์ของคนเพียงบางคนหรือบางกลุ่ม    แบบฝึกหัดนี้สนุกมาก  และประเทืองปัญญามาก    รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อการตีความผิดสูงมาก 

ในทุกกิจกรรมรอบตัวผม มีทั้งมายาและของจริงแท้อยู่ร่วมกัน เมื่อมองจากมุมของคุณค่าต่อสังคมส่วนรวม   แยกจากผลประโยชน์ของปัจเจก หรือของคนบางกลุ่ม    สภาพนี้ชัดเจนในการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล    และในข่าวของทางราชการ    ที่หากเราแยกแยะเป็น  เราจะเพบทั้งข่าวที่มีคุณค่าต่อคนทั่วไป    และข่าวที่มุ่งครอบงำเรา ให้เชื่อหรือศรัทธาต่อบางวงการ   ที่มีทั้งประเด็นที่ควรศรัทธา   และส่วนอื่นที่ไม่น่านิยม     

ในฐานะผู้สูงอายุ ผมเผชิญมายาคติที่คนแสดงความเคารพหรือศรัทธามากเกินจริง    ที่เป็นวัฒนธรรมไทย หรือวัฒนธรรมตะวันออก   ผมเตือนสติตนเองว่า อย่าเผลอเชื่อมายาเหล่านั้น    ให้ตั้งสติมั่นตรวจสอบพฤติกรรมของตนเอง ว่าสะท้อนความรู้ความเข้าใจ รู้เท่าทันมายาเหล่านั้นหรือไม่  หรือเหลิงไปตามท่าที่และถ้อยคำป้อยอเหล่านั้น   ทั้งที่มาจากความจริงใจ และจากการกระทำไปตามสถานการณ์ 

ที่บ้าน ผมมีโอกาสเรียนรู้จากมนุษย์ที่สมองทำงานน้อย หรือสมองเสื่อม คือคู่ชีวิตของผมยาวนานกว่า ๕๕ ปี    ศ. พญ. อมรา (เศรวตวรรณ) พานิช    เป็น “ครูในบ้าน” ของผม    ว่าเมื่อสมองของมนุษย์เราเสื่อมลง  ชีวิตความเป็นอยู่และพฤติกรรมจะเป็นอย่างไร  คุณหมออมราเกิดมาเป็นคู่ชีวิตผมทั้งตอนตั้งตัว  และสร้างครอบครัว เลี้ยงลูก ๔ คน ไปพร้อมๆ กัน    จนเมื่อลูกทั้ง ๔ คนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว อายุระหว่าง ๕๔ - ๔๔  ผลงานของเราช่วยให้สังคมไทยมีพลเมืองคุณภาพสูง ๔ คน    ที่มีชีวิตและการทำหน้าที่ ๔ แบบ แตกต่างกันแบบสุดขั้ว   

ลูกๆ เป็นเสมือนครู ที่สอนผมด้วย ๔ บทเรียน   ด้วยพฤติกรรมและสไตล์ชีวิต ๔ แบบ    หรือมายาคติ ๔ แบบ   ในท่ามกลางความสัมพันธ์เชิงบวก  ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศความรักต่อกัน   

ลูก ๔ คน ทำงานเชี้ยงชีพ และทำประโยชน์แก่สังคม ๔ ด้าน   เป็นทรัพยากรทางปัญญาที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม    ที่เกิดขึ้นเอง อย่างเป็นธรรมชาติ    ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของผม    คือลูกแต่ละคนมีเส้นทางชีวิตของเขา    ผมเฝ้าดู ให้ปฏิสัมพันธ์ในฐานะพ่อ และเรียนรู้จากเขา   รวมทั้งให้การสนับสนุนตามขีดความสามารถที่มี    และทำใจเชิงอุเบกขาในหลากหลายสถานการณ์ 

Care giver แก่หมออมรา  เป็นเด็กสาวที่มาจากต่างวัฒนธรรม    เป็นครูที่มีค่ายิ่งของผม    ที่จริงผมเกิดมาในวัฒนธรรมเดียวกันกับเธอ   คือสังคมชุมชนท้องถิ่น หรือชาวบ้านธรรมดา   แต่บุญส่งให้ผมเรียนหนังสือเก่งและได้รับการศึกษาในระดับที่ดีที่สุด    ได้มีชีวิตวนเวียนอยู่ในวงการวิชาการ    แยกตัวจากชีวิตชาวบ้านทั่วไป    หากไม่ระวังก็จะลืมกำพืดของตนเอง    การที่หมออมราเจ็บป่วย และต้องมี care giver มาดูแล   ช่วยให้ผมได้มีโอกาสกลับสู่พื้นเพของตนเอง    ได้ทำความเข้าใจว่า ผู้คนทั่วไปในสังคมไทยเขาคิดอย่างไร มีพฤติกรรมในชีวิตอย่างไร   ที่เป็นมายาคติที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยดำรงชีวิต   

ผมได้รับการยกย่องจากผู้คนโดยรอบตัว    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน   หรือคุ้นเคยกันมาในอดีต   ที่ผมบอกตัวเองว่า เขายกย่องคนแก่ตามประเพณีไทยเป็นหลัก    หลายส่วนที่เขาชื่นชม ไม่ใช่ผลงานของผมคนเดียว   เป็นผลงานรวมหมู่ของคนจำนวนมาก         

ผมมีข้อสังเกตว่า มายาคติในชีวิตของคนเรา มาจากห”ลากหลายทาง    ทั้งจากมุมมองที่เป็นด้านบวกและเป็นด้านลบต่อการดำรงชีวิตของตัวเรา   แต่มายาคติที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างลึกลับไม่รู้ตัว คือมายาที่มาจากการเอาตัวกูของกูเป็นตัวตั้ง   ไม่ได้เอาความจริงแท้เป็นตัวตั้ง 

นำสู่คำถามว่า “ความจริงแท้” มีหรือ เป็น absolute truth ของใคร  จากมุมมองใด   กลายเป็นว่า เรารู้จักแต่ “ความจริงที่ปรุงแต่ง”   เพราะตัวเราเองตกอยู่ใต้มายาแบบแก้ไม่หลุด   

ผมจึงบอกตัวเอง ให้รู้จักมีชีวิตที่ดีอยู่ในดงมายา    ที่ร้ายที่สุดคือมายาคติของตนเอง    ร่วมกับมายาคติของคนรอบข้าง ทั้งที่เป็นมุมมองที่เป็นบวกและที่เป็นลบต่อตัวเรา และต่อสังคมภาพรวม    หาทางใช้ชีวิตส่วนที่เหลือ ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อสังคมในภาพรวมให้มาหที่สุด   ถือเป็นการทำบุญกิริยา     

วิจารณ์ พานิช

๕ ธ.ค. ๖๗

 

หมายเลขบันทึก: 720467เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2025 16:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มกราคม 2025 16:56 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

หากเรามีอำนาจอย่างใดอย่างหนึ่ง คนจะมาเชิดชูเราเกินจริงเสมอค่ะ

หากเมื่อใดเราไม่มีอำนาจใดๆเลย เราจะสุขสบายค่ะอาจารย์

วงการราชการจะเป็นเช่นนั้น

แต่อาจารย์มีคุณูปการกับคนในประเทศและนานาชาติ คนจะรักเคารพอาจารย์อยู่แล้วนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย