KM กับบล็อก...เกี่ยวกันแน่นอน แต่ต้องใจเย็นและทำให้เป็นธรรมชาติ


ผู้บริหารต้องมีแนวทางไว้ก่อน แต่อย่าเขียนเสือให้วัวกลัว...เปรียบเทียบถูกไหมนี่

ฟังการพูดคุย และอ่านหลายๆบันทึกแล้วก็คิดเรื่องนี้อีกแล้วค่ะ อยากเขียนความคิดออกมาดังๆ เพื่อหาแนวร่วมและชวนให้ช่วยกันคิดค่ะ

ยังมีคนมากมายสงสัยว่า KM คืออะไรกันแน่ ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะที่จะสงสัยกัน ตัวเองก็เป็นเหมือนกันตอนแรกๆที่เริ่มเขียนบล็อก แต่พอยิ่งเขียนยิ่งอ่านก็ยิ่งเข้าใจ มันจะค่อยๆเนียนไปกับความคิดค่ะ

ขอให้คิดถึงความหมายว่า KM คือการจัดการความรู้ที่เกิดจากการคิดในการทำงาน แล้วปฏิบัติจริงของคนแต่ละคน นี่คือการตระหนักถึงพลังแห่งสมองของมนุษย์ทุกคน เราทุกคนไม่ว่าจะทำอะไร เราจะคิดและปรับเปลี่ยนบริบทนั้นๆให้เหมาะสมกับตัวเรา ทำให้เราทำงานนั้นๆได้สะดวกสบายตามที่เราต้องการ คนแต่ละคนมีความถนัดในการทำงาน ในการคิดแตกต่างกันไป การจัดการความรู้คือการหาทางเก็บเกี่ยวความชำนาญของคนแต่ละคนซึ่งแตกต่างกันแน่นอนเพื่อนำมาแลกเปลี่ยน ให้เกิดการใช้ประโยชน์และต่อยอดต่อไป แทนที่จะเก็บฝังอยู่เฉพาะในตัวคนนั้นๆ 

จะเห็นได้ว่าความรู้ที่เกิดจากการคิดและทำเหล่านี้จะติดอยู่กับตัวคนคนนั้น ไม่มีใครบอกได้ชัดเจนว่าตัวเองรู้อะไร เชี่ยวชาญอะไร (อาจจะตระหนักได้ หากนั่งคิดกันจริงๆ...นี่คือ KM ตัวเองค่ะ) ตรงนี้แหละค่ะ ความแยบยลของการเขียน...

การเขียนบันทึกบอกเล่าสิ่งที่คิดและทำ เป็นการปลดปล่อยสิ่งที่รู้ คนเรามักจะเล่าสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี มองได้ดี เมื่ออยู่ในสถานการณ์ดีๆ ซึ่งระบบบล็อกอำนวยให้ได้เป็นอย่างยิ่ง และแน่นอนค่ะว่า...ใจร้อนไม่ได้เลย ความรู้แบบนี้สะสมมาจากกาลเวลา ดังนั้นการจะดึงออกมาก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน

ในมุมมองของผู้บริหาร หากต้องการจะเก็บความรู้ฝังลึกขององค์กร จะมาสั่งการทันทีว่า คุณไปดูกันมานะว่าใครเก่งอะไร ให้มาบอกเล่าเก็บไว้....สั่งได้ค่ะ แต่รับรองได้แต่ความรู้ฝังลึกที่ผุดอยู่บนสุด  และไม่ยั่งยืน ไม่ลึกจริง ไม่สร้างความคิดต่อยอดให้กับผู้อื่น ไม่แม้แต่ทำให้เจ้าของความรู้เห็นคุณค่าของตัวเอง เพราะการกระทำแบบนี้มุ่งที่ตัวความรู้ แต่การจัดการความรู้ที่ดี ควรมุ่งที่คน ที่สมองของคนซึ่งไม่หยุดนิ่ง หากเราช่วยกันส่งเสริมให้คิด ส่งเสริมกันและกันให้มองดูความคิด วิเคราะห์วิธีคิด ....นี่แหละค่ะ หน้าที่ของผู้บริหาร หาที่ให้คนคิด จัดกรอบสิ่งที่ต้องการ แล้วปล่อยให้สมองของคนทำงานอย่างสบายๆ จากนั้นจึงทำหน้าที่เก็บเกี่ยว นั่นคือ ใช้ระบบบล็อกเพื่อให้คนปลดปล่อยความคิด ในบรรยากาศเป็นมิตร เห็นคุณค่ากันและกัน มองคนที่คนไม่ใช่ที่งาน (ซึ่งใครๆก็อยากให้เป็นเช่นนั้น รวมทั้งตัวเราเองด้วย จริงไหมคะ) ตั้งแนวทางว่า อะไรคือสิ่งที่อยากให้พูดถึง คิดถึงสำหรับองค์กร แล้วคอยส่งเสริมสนับสนุน เมื่อมีคนทำถูกแนวทาง หากมีใครออกนอกทางไปไกลเกิน ก็ต้องคอยชักจูงเชื่อมโยงกลับมา

และขอบอกว่า เราทุกคนเป็นผู้บริหารได้ค่ะ เริ่มจากหน่วยย่อยที่สุดแต่สำคัญที่สุดคือ ตัวเราเอง แล้วค่อยขยายออกไปถึงคนที่เรามีอิทธิพล...ใครๆก็ทำ KM ได้แน่นอน...จริงไหมคะ

  

หมายเลขบันทึก: 72012เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2007 08:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
คือการจัดการการเกี่ยวกับความรู้ สิ่งที่รู้ สิ่งที่ได้รู้ภายในตัวบุคคล แล้วนำมาออกจากภายในตัวบุคคล แบ่งปันสู่ภายนอกตัวคนคนนั้น...Y__* ...ขอร่วมแบ่งปันคะ... ขอบคุณมากนะคะสำหรับบันทึกนี้...ชอบมากเลยค่ะ (^______^) กะปุ๋ม

ถูกต้องที่สุดเลยครับ ขอสนับสนุนความคิดนี้

เพราะคนเราเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน การใช้เวลากับการดึงความรู้จึงต้องอาศัยเวลาเป็นการดึงความรู้ฝึกลึกออกมา เพื่อต่อยอดกับผู้อื่น

ความรู้ที่ได้ออกมาก็จะมีคุณค่าแก่การเรียนรู้ แลมีคุณค่ากับเจ้าของความรู้นั้นด้วย

 ขอบคุณครับที่นำประสบการณ์การเรียนรู้มาถ่ายทอด

เชื่อพี่โอ๋ ครับ ว่าต้องใจเย็น ใช้เวลาในการทำงานค่อนข้างมากครับ

เรียนพี่โอ๋

 KM กับ Blog

 Lock กัน แน่น

 เร่ง รีบ แล่น

 แว่นความคิด จิตสร้างสรรค์

ชัดเจนมากค่ะ  สำหรับบันทึกนี้ ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ ค่ะ

    เห็นด้วยมาก ถึงมากที่สุดครับ
ใจกว้าง อดทน และมองหลายๆมุม ก็จะพบว่าแต่ละบันทึกของแต่ละคน มีอะไรให้เรียนรู้เสมอ ในมิติต่างๆกัน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท