เย็นวันเสาร์ที่ ๗ ตุลาคม ผมไปร่วมงาน FutureEd Fest ซึ่งจัดโดยมูลนิธิสตาร์ฟิชและองค์กรภาคี ในวันที่ 7-8 เดือนตุลาคม พ.ศ.2566 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.- 20.00 น. ณ มิวเซียมสยาม กรุงเทพมหานคร โดยผมอยู่ร่วมถึง ๑๘ น.
เป็นการไปเรียนรู้มุมมองของคนรุ่นหลัง ต่อการศึกษาไทยที่ผมกระหาย อยากรู้ว่ามีความหวังแค่ไหนที่จะพลิกฟื้นคุณภาพขึ้นมาได้ ต้องรอนานแค่ไหน Maker Education จะมีพลังฉุดระบบการศึกษาไทยขึ้นจากหล่มผลประโยชน์เฉพาะหน้าของกลุ่มผลประโยชน์ที่เป็นคนส่วนน้อย แลกกับผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศ ที่เป็นของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ ได้หรือไม่
เพราะเมื่อเย็นวันที่ ๖ ตุลาคม ไปงานสวดอภิธรรมศพ ศ. วิจิตร ศรีสะอ้าน ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มีโอกาสไปเยี่ยมทั่วประเทศไทยบอกผมว่า เต็มไปด้วยความอ่อนแอและแสวงผลประโยชน์ส่วนตน
เป็นครั้งแรกที่ผมไปที่มิวเซียมสยาม แต่ไม่ได้เข้าไปในอาคาร เพราะเขาจัดงานที่ลานกลางแจ้ง มีทั้งนิทรรศการของโรงเรียน และกิจกรรมอภิปรายบนเวทีกลางแจ้ง
ผมได้เรียนรู้เรื่อง Maker Education Maker Culture ได้เข้าใจว่า เป็นรูปแบบหนึ่งของการประยุกต์ใช้ constructivism ได้รู้จัก Maker Faire และได้รู้ว่าไทยเราจัด Maker Faire Bangkok มาหลายปี ปีหน้าจะจัดเป็น Maker Jam 2024 จัดโดย SEAMEO STEM-ED
ได้รู้จักหน่วยงาน EdMaker ซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ ที่เมื่อเข้าไปอ่านเว็บไซต์เขาก็เกิดไอเดียว่า น่าจะใช้หลักการและวิธีการของ maker นี้ไปใช้พัฒนาความเป็นชุมชน สร้างจิตวิญญาณชุมชนของคนไทยขึ้นมาทานกระแสปัจเจกนิยม โดยน่าจะส่งเสริมให้นักเรียนวัยรุ่นทำหน้าที่เป็น change agent
ได้รู้จัก สถาบันศิลปะปัญญาประดิษฐ์ ดาวินชี Octava Foundation และชื่นชมปัจจัยหลัก ๖ ประการสำหรับการศึกษาแห่งอนาคตคือ UPRISE – ตามในรูปที่ ๑
วิจารณ์ พานิช
๘ ต.ค. ๖๖
1 ปัจจัยหลัก ๖ ประการของการศึกษาแห่งอนาคต
2 ส่วนหนึ่งของโรงเรียนที่มาจัดแสดง
3
4 ผู้ฟัง ถ่ายจากด้านหน้า
5 ผู้ฟัง ถ่ายจากด้านหลัง
ไม่มีความเห็น