เรียนรู้จากการเป็นกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัล (3)
โปรดอ่าน เรียนรู้จากการเป็นกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัล (1) click , เรียนรู้จากการเป็นกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัล (2) click ก่อนครับ
กระบวนการสู่ฉันทามติ
เมื่อ short-list รายชื่อ candidate จนเหลือน้อยชื่อ และยากต่อการทำให้รายชื่อสั้นลงไปอีก และคณะกรรมการไม่ใช้วิธีโหวตลงคะแนนแต่มุ่งสร้างฉันทามติ (consensus) ผมได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการชาวต่างประเทศให้ใช้วิธี "open vote" พร้อมคำอธิบาย โดยให้กรรมการแต่ละคนให้เหตุผลว่าตนคิดอย่างไร และให้น้ำหนักใครเป็นอันดับ 1, 2, 3...เวียนไปรอบโต๊ะ ซึ่งผลคือการโหวตแบบไม่โหวต คือไม่นับคะแนนเพื่อตัดสิน แต่เป็นการเข้าสู่ฉันทามติโดยที่คณะกรรมการทุกคนเห็นความซับซ้อนของเรื่อง และยอมรับมติที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นั้น
ที่จริงผลของการ "โหวตแบบไม่โหวต" นี้ เราไม่ได้ผลที่เป็น consensus แต่ช่วยให้เห็น "ความเห็นส่วนใหญ่" ที่เป็นความเห็นเชิงซ้อน/ซับซ้อน เมื่อผมสรุปเมื่อวันที่ 10 พ.ย.48 ว่า ตกลงกรรมการเห็นควรให้รางวัลแก่ "Professor A" ซึ่งก็ไม่มีคนคัดค้าน แต่ Sir Gustav Nossal ผู้ชำนาญด้านการพิจารณาตัดสินรางวัลมากกว่าผมนับร้อยเท่า ก็เตือนผมว่าขอให้คณะกรรมการถือว่ามตินี้เป็นมติเอกฉันท์ ซึ่งกรรมการทุกคนก็เห็นด้วย ประธานกรรมการต้องไม่ลืมที่จะขอให้กรรมการลงมติครั้งสุดท้ายว่าเป็นมติเอกฉันท์ เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นเอกภาพของคณะกรรมการในการยืนหยัดต่อผลการตัดสินนั้น และเป็นการบอกทางอ้อมว่ากรรมการแต่ละคนจะไม่ออกไปพูดข้างนอกในทางที่ไม่เห็นด้วยกับมติของคณะกรรมการ นอกจากนั้นเวลาประกาศต่อสาธารณชน ถ้อยคำที่บอกว่า "คณะกรรมการได้มีมติเป็นเอกฉันท์ มอบรางวัลแก่..." จะเป็นการให้เกียรติอย่างหนักแน่นแก่ผู้ได้รับรางวัล
มนุษย์เรามีธรรมชาติที่ไม่ "bias - free" คือทุกคนต่างก็มีอคติของตน นักวิชาการเด่น ๆ แต่ละคนต่างก็มีภูมิหลังที่ทำให้มีความชอบเรื่องราวของความสำเร็จบางเรื่องมากกว่าความสำเร็จบางเรื่อง การได้ฟัง "open vote" ของกรรมการแต่ละคน คือให้ ranking candidate ที่เหลือแต่ละคนพร้อมคำอธิบาย จึงเป็นเรื่องประเทืองปัญญาเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่รู้น้อยอย่างผม และเป็นความประทับใจทั้งในสาระของการแลกเปลี่ยนความเห็น บรรยากาศในขณะนั้นและการได้ทำความเข้าใจและฝึกใช้ "เครื่องมือ" (tool) ที่ทรงพลังในการเข้าสู่ consensus โดยที่กรรมการทุกคนรู้สึกพอใจ
การสร้างความสุขให้แก่กรรมการ
ผมสังเกตว่า
กรรมการนานาชาติที่เป็นชาวต่างประเทศมีความสุขและความกระตือรือร้นที่จะมาประชุม
ด้วยเหตุผลหลายอย่างประกอบกัน
-
การได้มาสัมพันธ์พูดคุยทำความรู้จักแลกเปลี่ยนความคิดและข้อมูลระหว่างกัน
ทั้งที่เป็นเรื่องของรางวัลฯ และเรื่องอื่น ๆ
-
การได้มาเรียนรู้และพิจารณาเรื่องราวความสำเร็จหลากหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ผู้คนในวงกว้าง
เป็นความสุขและประเทืองปัญญาและในบางกรณีก็ได้เรียนรู้จากเอกสารที่ฝ่ายเลขานุการของการประชุมค้นมาให้
ศ. เฮนเดอร์สันชื่นชมบทความทบทวนเรื่อง ORT "Magic Bullet : The
history of oral rehydration therapy" ลงพิมพ์ในวารสาร Medical
History 1994.38 : 363 - 397 มากและถามหาคนค้น ซึ่งก็คือ
ศ. นพ. ศิริฤกษ์ ทรงศิวิไล
- รายการ Lady's Program
- รายการทัวร์
นำโดยสมเด็จองค์ประธานมูลนิธิฯ
- การต้อนรับขับสู้ตามธรรมเนียมไทย
แต่ในการประชุมคราวนี้ ผมสังเกตว่าการที่กรรมการบางคนอภิปรายแบบชักจูงมาก และนำไปสู่มติที่ให้ตัดบางชื่อออกไปอย่างรวดเร็วจนกรรมการท่านอื่นตั้งตัวไม่ทัน และเมื่อรู้ตัวก็รู้สึกอึดอัดเพราะตนยังไม่ปลงใจกับการตัดสินนั้น ทำให้รู้สึกไม่มีความสุข ประธานต้องไวในการจับความรู้สึกนั้น และต้องบอกที่ประชุมตรง ๆ ว่าเราจะขอย้อนกลับไปอภิปรายเรื่องนั้นใหม่ เพราะยังมีคนข้องใจ และขอให้ผู้ข้องใจอภิปรายเต็มที่ โดยวิธีนี้ที่ประชุมจะได้ฟังการเสนอความคิดเห็นและได้ข้อมูลเต็มที่ครบถ้วน เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินรางวัลที่แม่นยำเหมาะสม และเป็นการสร้างความสุขให้แก่กรรมการถ้วนหน้าทุกคน
วิจารณ์ พานิช
12 พ.ย.48
ขอบคุณมากค่ะ
ได้ความรู้อีกแล้ว