"อ.สุวรรณ บรรพต" คุณตาของดิฉันเป็นข้าราชการเกษียณฯ ตอนนี้อายุ 86 ย่าง 87 ปีแล้วค่ะ ตอนเด็กๆ ดิฉันก็จะได้ฟังเรื่องเล่าชีวิตครูบ้านนอกของตาตลอด ตาต้องขี่ม้าไปสอนหนังสือ เงินเดือนแค่ 16 บาท เลี้ยงลูก 7 คน ประโยคนี้ที่จำได้แม่นเพราะว่าตาพูดบ่อยมาก ตาเป็นครูที่ไม่ธรรมดาค่ะ ไม่ธรรมดาตรงที่ตามีหลายตำแหน่งเป็นครูใหญ่ ครูน้อย ครู... แล้วก็ยังเป็นภารโรงด้วย เพราะว่าทั้งโรงเรียนมีครูอยู่คนเดียว ตาเกษียณมาตอนช่วงที่ดิฉันเกิดพอดี ดิฉันก็เลยต้องตกอยู่ในสภาพเป็นนักเรียนคนเดียวของตา และก็โชคดีกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันตรงที่ คนอื่นต้องไปอยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประจำหมู่บ้านตั้งแต่เด็กๆ เพราะพ่อแม่ไปทำงาน แต่ดิฉันมีตากับยายเลี้ยงแล้วก็เป็นครูไปด้วย ทำให้อ่านออกเขียนได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน ก็เป็นข้อได้เปรียบเด็กคนอื่นเขา เวลาที่ดิฉันเขียนอะไรมาส่งตากับยายจะให้คะแนนเป็นดาว มากสุด 3 ดวง แต่ดิฉันไม่ยอมต้องให้หลายๆดวง อยากได้ เป็นสิบๆดวงเลย ตามีเรื่องเล่าเยอะมากจริงๆเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มากค่ะ แต่ในเวลานั้นยังเด็กห่วงเล่นอยู่มาก ไม่ค่อยสนใจฟัง บางอย่างก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้ บางอย่างสนใจอยากรู้แต่คิดว่าเอาไว้ค่อยถามรายละเอียดวันหลัง คิดอย่างนี้เสมอ จนวันนี้ตาเป็นอัลไซเมอร์ จำอะไรไม่ได้เลย คลังความรู้ในสมองของตาก็เลยไม่มีใครเข้าไปใช้ได้ เข้าไปกู้ข้อมูลไม่ทัน ช่วงแรกๆ แต่ยังพอจำดิฉันได้บ้าง แต่ทุกวันนี้รุ่นลูกยังจำไม่ค่อยจะได้ ที่จำได้ตอนนี้ก็คือจำยายได้ จำได้ว่าตัวเองเป็นครู...ตาเคยหายออกจากบ้าน โชคดีค่ะที่สังคมชนบทยังรู้จักกันทุกคน ชาวบ้านเห็นตาเดินๆอยู่คนเดียว ก็โทรมาบอกถามได้ความว่าจะไปสอนหนังสือ ...เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ ไม่ยอมเลิกเป็นครูซักทีจะไปสอนหนังสืออยู่เรื่อย ทุกวันนี้เลยห่างสายตาไม่ได้ ยายต้องคอยดูไม่ให้คาดสายตา เดี๋ยวจะหายไปสอนหนังสืออีก
ตอนเป็นเด็กชีวิตของตาไม่สบายเลย ทุกวันนี้อีกอย่างที่ไม่ลืมก็จะเป็นเรื่องสมัยเป็นเด็กวัด อยู่ที่วัดสระเกศ เป็นเด็กอีสานที่มาอยู่กรุงเทพฯ ถูกรังแกจากเด็กวัดรุ่นพี่เวลากินข้าวถูกแย่งกิน ตาคงจำฝังใจมาก ทุกวันนี้ยังไม่ยอมลืมชื่อเด็กวัดพวกนี้เลย ถ้าลูกหลานกลับบ้านไปกินข้าวพร้อมกันหลายๆคน ตาก็จะร้องไห้เพราะคิดถึงบรรยากาศตอนกินข้าวที่วัด ถูกเขารังแก จำชื่อนามสกุลได้ครบทุกคน ก็เป็นเรื่องแปลกค่ะ ขนาดเรื่องกินข้าวเสร็จใหม่ๆ ยังคิดว่าตัวเองยังไม่ได้กิน แต่เรื่องฝังใจนี่จำแม่นเชียว ตาเคยเล่าว่ากว่าจะได้มาเป็นครูลำบากมาก พอเรียนจบก็กลับมาอยู่ที่กาฬสินธุ์ มาเรียนต่ออีกกี่ปีไม่แน่ใจ ก็ได้เป็นครู ทำทุกอย่างเพราะสมัยนั้นไม่มีครูมากนัก ครูต้องทำหน้าที่สอน และเป็นภารโรงเองด้วยนะ ...แต่ความภาคภูมิใจในอาชีพครูของตาก็ส่งผลมาถึงรุ่นลูก หลาน แม่ของดิฉันก็เป็นครูค่ะ ลุง ป้า เป็นครูกันแทบทั้งบ้าน ตาใฝ่ฝันว่าดิฉันจะได้เป็นครู จะได้รับราชการ เวลากลับไปบ้าน ตอนนี้ตาจำดิฉันไม่ได้แล้วค่ะ แต่ชอบถามว่ามาให้ใคร เป็นครูสอนอยู่ที่ไหน ตอนที่ตาป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่รู้ตัวว่าตัวเองป่วยหรอกค่ะ อยู่โรงพยาบาลก็คิดว่าอยู่โรงแรมมาประชุม สัมมนา โรงเรียนส่งมาเป็นตัวแทนของโรงเรียน ลูกหลานไปเฝ้าที่โรงพยาบาล ก็คิดว่าเป็นครูโรงเรียนอื่นมาร่วมประชุม ...สรุปว่าทุกคนต้องเออออตามกันไปว่าเป็นครูจ๊ะเป็นครู....
จริงๆ ตัวเองอยากเป็นครูมากเลย มีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเคยถูกครูกลั่นแกล้งคิดดูว่าเป็นคนทำงานเองทั้ง 2 ชิ้น ทำพร้อมๆ กัน เหมือนกันแต่คนละสี ทำส่งแทนเพื่อนที่ป่วย...แต่เราดันได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อน แต่ครูดีๆ ก็มีอยู่นะเพราะในชีวิตก็เคยพบเจอครูที่ดีมากๆ มาหลายท่านเหมือนกัน ก็เลยอยากเป็นครูคนหนึ่งที่ดี จะไม่ทำแบบอย่างที่ไม่ดีแบบที่เราเคยเจอมา
ถ้าเราได้เจอคุณครูสุวรรณ ความทรงจำไม่ดีที่เกี่ยวกับครู คงไม่มีอยู่ในใจเราแน่ๆ
หวัดดีคะ น้องส้ม
ประทับใจมากเลยคะ เรื่องคุณตา
คุณตา เก็บความทรงจำ ที่อยากจำ เป็นประวัติศาสตร์
ที่อยู่ในหัวใจคุณตา
คนเรา สร้างประวัติศาสตร์ ตัวเองมายาวนาน
ผ่านกาลเวลา ผ่านความรู้สึกมากมาย
การเดินทาง และเดินทาง แห่งชีวิต
น้องส้ม ต้องบันทึก เรื่อง คุณตา ไว้เป็นตอนๆคะ
เ รื่องเล่าแบบนี้ มีชีวิต และคุณค่ายิ่ง
ขอบคุณ พี่
น่ารักจังตุณตา
เรื่องราวที่ดีมาก