โกโก้ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในช็อกโกแลตมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี เมล็ดโกโก้ที่ได้มาจากต้นโกโก้ที่เริ่มการปลูกโดยอารยธรรมโบราณในทวีปอเมริกา เช่น Olmecs, Mayans และ Aztecs วัฒนธรรมเหล่านี้เชื่อว่าโกโก้มีคุณสมบัติศักดิ์สิทธิ์และลึกลับ มักใช้ในพิธีทางศาสนาและใช้เป็นสกุลเงินรูปแบบหนึ่ง คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสและนักสำรวจชาวยุโรปคนอื่นๆ ได้แนะนำโกโก้สู่ยุโรปในเวลาต่อมา ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นขนมยอดนิยมที่เรารู้จักในปัจจุบัน
ความจริงอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบเกี่ยวกับโกโก้คือโกโก้มีกระบวนการที่ต้องใช้แรงงานมากในการเปลี่ยนจากเมล็ดดิบให้เป็นผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต เมล็ดโกโก้ต้องเก็บเกี่ยว หมัก ตากแห้ง คั่ว และบดเป็นผงที่เรียกว่าช็อกโกแลตดิบ จากนั้นผงนี้จะถูกแยกออกเป็นเนื้อโกโก้และเนยโกโก้ ซึ่งจะนำมารวมกันในสัดส่วนต่างๆ เพื่อสร้างช็อกโกแลตหลากหลายประเภท เช่น ดาร์กช็อกโกแลตนม และไวท์ช็อกโกแลต
โกโก้มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายที่หลายคนอาจไม่รู้ โกโก้อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะสารเอพิคาเทชิน มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกายได้ การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าการบริโภคโกโก้ในระดับปานกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปของดาร์กช็อกโกแลตอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น สุขภาพหัวใจดีขึ้น ลดการอักเสบ และลดความดันโลหิต
อีกแง่มุมที่น่าสนใจของโกโก้คือบทบาทในการค้าโลกและการพัฒนาเศรษฐกิจ ในอดีต การผลิตโกโก้กระจุกตัวอยู่ในแอฟริกาตะวันตก โดยมีประเทศต่างๆ เช่น โกตดิวัวร์ กานา และไนจีเรียเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมโกโก้ต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ เช่น การใช้แรงงานเด็ก สภาพการทำงานที่ย่ำแย่ และความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า มีความพยายามที่จะส่งเสริมแนวทางปฏิบัติในการทำสวนโกโก้ที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม รวมถึงการรับรองการค้าที่เป็นธรรมและความร่วมมือทางการค้าโดยตรง
ประเทศไทยเคยส่งเสริมการปลูกโกโก้เมื่อห้าสิบปีที่แล้ว แต่ก็หยุดการส่งเสริมไปในเวลาอันไม่นานหลังจากนั้น ปัจจุบันคนไทยเริ่มนิยมทำสวนโกโก้มากขึ้นและเริ่มมีโกโก้ที่ผลิตในประเทศวางจำหน่ายจากผู้ผลิตรายย่อยให้ได้เห็นกันบ้างแล้วด้วย
ไม่มีความเห็น