ครั้งที่แล้วผมเขียนเรื่องการสอนความงามในท่ามกลางความหลากหลายของชาติพันธุ์ไปแล้วครั้งหนึ่ง มีประเด็นที่ติดค้างอยู่เรื่องหนึ่งคือ "แก้วเก้าประการ" ขอแก้เป็น "แก้วเจ็ดประการ"
"แก้วเจ็ดประการ"ในทางประวัติศาสตร์มีอะไรบ้าง และหมายถึงอะไรนั้น มาครั้งนี้ ขอติดไว้ก่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกอีกระยะหนึ่งจากผู้รอบรู้(กว่าผม) มาเพิ่มข้อมูลให้
แต่มีเรื่องที่เกิดจากการเรียนการสอนอยู่หลายเรื่อง มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญ มาแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน คือ เรื่องเล่าของในระหว่างการสอน
การเรียนการสอนจากการมีแผนการสอนไว้ ตามหลักการถือว่าดีเลิศประเสริฐศรีอยู่แล้ว แต่คงมีหลายคนหรืออาจจะไม่มีใครเลยก็ได้ที่สอนตามที่เขียนบทตามนั้นทุกอย่าง
(นักศึกษาภาคปกติ) (นักศึกษา อบต.)
ผมถือว่าแผนการสอนเป็นเพียงตัวนำแนวทางของบทเรียนนั้น หรือเรื่องนั้น ๆ เท่านั้น หากเราสอนตามแนวของบทเรียนเพียงอย่างเดียว คงแข็งกระด้างและคงไม่เนียนมากนัก(ภาษาสมัยใหม่)
ยิ่งได้สอนความงาม คงไม่มีเฉพาะภาพที่มีความงามในแต่ละยุคสมัยให้นักศึกษาดูเท่านั้น ควรต้องมีเรื่องเล่าที่เกิดจากความรู้ทางประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาค ตำนาน นิยายปรัมปราของแต่ละชาติพันธุ์ประกอบ ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายทอดความงามออกรสชาติมากขึ้น
แต่คงไม่ใช่น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงครับ
และบางครั้งก็คงต้องให้ผู้เรียนได้ทดลองสร้างความงามจากการลงมือคิด ลงมือทำเอง แล้วแสดงความคิดเห็นโดยการเขียน (นักศึกษาสมัยนี้ทักษะการเขียนน้อยมาก) และต้องอดทนอ่านถ้อยคำของผู้เรียนให้ครบทุกคน เพราะนักศึกษาที่ผมสอน มาจากหลายชาติพันธุ์จริง ๆ
อย่างไรก็ตาม "ราชภัฏ" เป็นแหล่งที่สร้างโอกาสให้กับทุกชาติพันธุ์ ครับ