วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๙
ดิฉันตื่นนอนประมาณ ๐๖ น. อากาศตอนเช้าเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาว ได้ยินเสียงสามีของแจ๋วกวาดใบไม้อยู่หน้าบ้าน คงเป็นธรรมชาติของชาวสวนที่ขยันขันแข็ง อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ดิฉันต้มน้ำชงกาแฟดื่มตามกิจวัตรที่เคยทำ รอเวลาที่แจ๋วตื่นเพื่อจะไปตลาดเช้าด้วยกัน เลยเวลานัดหมายไปมากแล้วจึงต้องไปเคาะประตูห้องนอนเรียก
เรา ๓ คนคือ แจ๋ว ดิฉัน และสามีของดิฉันไปตลาดท่าใหม่ ตอนที่เรียกว่าไม่เช้ามากแล้ว วันนี้แม่ค้ามีของมาขายกันเยอะ คนเดินตลาดก็เยอะมากด้วย ตลาดสดแห่งนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร สะอาด เราสนใจอาหารทะเลพวกกุ้ง หอย ปู ปลา และผักสดต่างๆ
เราเดินสำรวจของทุกร้านให้ทั่วก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร ที่ร้านไหน เช้านี้เราซื้อปูทะเล ๓ กก.กว่า ปลาหมึกกล้วย ๑ กก. ปลาอินทรีย์สดหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๔ ชิ้น แจ๋วบอกว่าที่บ้านมีกุ้งอยู่แล้วจึงไม่ได้ซื้อ ปีนี้ของทะเลแพงกว่าที่เรามาเมื่อ ๒ ปีที่แล้วมาก เช่น ปูทะเล (ปูเนื้อ) คละขนาดกิโลละ ๒๕๐ บาท บางร้านบอก ๓๐๐ บาท ปลาหมึกกล้วยขนาดกลาง กิโลละ ๑๒๐-๑๔๐ บาท มีปูม้าตัวเล็กๆ ที่ยังเป็นๆ อยู่มาขาย แต่ราคากิโลละ ๑๒๐ บาท เราจึงไม่ได้ซื้อ
สามีบอกว่าปีนี้ราคาของทะเลต้องแพงขึ้นอยู่แล้ว เพราะน้ำมันราคาสูงขึ้น เราซื้อของแบบไม่ต่อรองราคามากเพราะถือว่าเป็นช่วงเทศกาล ให้แม่ค้าพ่อค้าได้ราคาพิเศษไปบ้าง
แจ๋วยังซื้อแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลา ๑ ถุง น้ำเต้าหู้ เต้าฮวย ขนมครก ขนมจีบใส้กุ่ยช่ายและใส้หน่อไม้ (คนซื้อเยอะ ต้องสั่งจอง) ปาท่องโก๋ ขนมที่ทำจากข้าวเหนียวมัดไว้เป็นพวง (ไม่รู้ชื่อ) กินกับน้ำตาลอ้อย และแวะเอาหัวหมูสำหรับแก้บนวันนี้ไปด้วย
เราซื้อผักสดอีก ๓-๔ อย่าง มื้อเย็นวันนี้เราจะทำ “หมูเกาหลี” ดิฉันเตรียมหมักหมูมาจากกรุงเทพ และเอาผักกาดแก้วมาด้วย ๒ ต้นใหญ่
อาหารเช้าวันนี้จึงเป็นพวกขนมต่างๆ สามีของดิฉันทอดปลาอินทรีย์ ปลาสดมาก ทอดแล้วเนื้อฟูนุ่มอร่อย จนอยากกลับไปซื้อทั้งตัวเลย เรากินโน่นกินนี่ไปเรื่อยๆ จนสายเกือบ ๑๑ น. แจ๋วออกไปแก้บนที่ศาลหลักเมือง เมื่อกลับมาก็ชวนกันออกไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวหมูเรียงเป็นอาหารกลางวัน ดิฉันไม่รู้สึกหิวเลยจึงขออยู่บ้านล้างผัก ล้างของต่างๆ เตรียมไว้สำหรับอาหารมื้อเย็น เก็บพริกขี้หนูและยอดตำลึงในสวนมาไว้ด้วย ช่วงบ่ายลูกๆ พากันออกไปเที่ยวถ่านรูปตามที่ต่างๆ
พอใกล้เวลาที่ทุกคนจะกลับมาเราก็ต้มปูให้พร้อมรับประทานได้ ปูที่ซื้อมาคราวนี้เนื้อไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ แต่ก็สดและเนื้อหวานอร่อย ดิฉันพยายามแกะเนื้อปูใส่กล่องเอาไว้ฝากลูกสาวคนโตที่ไม่ได้ไปด้วย คิดในใจว่าจะต้องหาโอกาสไปเรียนรู้วิธีแกะเนื้อปูจากแม่ค้า ว่าแกะอย่างไรจึงจะได้เนื้อออกมาเป็นก้อนๆ
รสชาติหมูเกาหลีที่เตรียมมาอร่อยใช้ได้ ดิฉันใช้ทั้งเนื้อหมูสันในและสันนอก ส่วนที่เป็นสันนอกเมื่อแล่แล้วก็ทุบๆ ให้นุ่มเสียหน่อย หมักง่ายๆ ด้วยน้ำมันงา ซีอิ้วขาว น้ำผึ้ง น้ำตาลทราย งาขาวคั่วบุบพอแตก พริกไทย ต้นหอมซอย ส่วนปลาหมึกและกุ้งใช้สดๆ ไม่ได้ปรุงอะไรเลย น้ำจิ้มก็ทำตามใจชอบ ลูกชายคนเล็กที่ “แพ้ปู” กินหมูเกาหลีและปลาหมึกย่างไปเยอะมาก คนอื่นๆ กินได้น้อยกว่าเพราะใช้เวลาแกะปูกินเสียนาน ข้อดีอีกอย่างของหมูเกาหลีคือเราได้กินผักทั้งสดและสุกเยอะๆ ไปด้วย ผลไม้ตบท้ายคือสละอีกเช่นเคย
ข่าวระเบิดหลายแห่งที่กรุงเทพ มาขัดจังหวะการรับประทานอาหารเย็นไปบ้าง เราโทรศัพท์หาลูกสาวถามข่าวคราวและคอยติดตามความคืบหน้าจากข่าวทางทีวี
ก่อนนอน ลูกๆ ช่วยกันเอาข้าวสารและน้ำตาลทรายใส่ถุงเล็กๆ ปิดถุงโดยใช้วิธีลนด้วยเปลวเทียน จัดอาหารแห้งต่างๆ เตรียมไว้สำหรับใส่บาตรตอนเช้า
วัลลา ตันตโยทัย วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๐
สวัสดีปีใหม่คุณโอ๋-อโณและอาจารย์ดิศกุล เช่นกันค่ะ ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งความสุข-ความสำเร็จนะคะ