บ้านในป่าจาก: ร่วมด้วยช่วยขุดหลุมและขยายหลุมเพิ่ม


เดินทางรอบที่สอง

จบภารกิจงานบำเพ็ญกุศลศพย่าที่ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนงานทั่วไป เพราะการจัดเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานจะเป็นการจัดเลี้ยงแบบบริการตัวเอง ความยุ่งยากมากสุดคือการคอยต้อนรับผู้มาร่วมงาน อันเป็นหน้าที่ของลูกๆและสะใภ้เป็นหลัก คงเหลือการเก็บกระดูกในวันรุ่งขึ้นที่เป็นวันหยุดราชการ ผลพลอยได้จากระบบนี้คือคนที่ทำงานในหน่วยงานราชการในฐานะลูกจ้างได้หยุดงานไปด้วย 

เที่ยงคืนเข้าสู่วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ 

ผมบอกหลานสาวของย่าว่า “พยายามนอนแล้วแต่ไม่ง่วงและไม่หลับก็คงต้องออกเดินทางแล้วละ” เมื่อเห็นว่าเธอไม่ขัดข้องใดๆ จึงขนอุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นท้ายรถกระบะ และขับรถไปเรื่อยบนเส้นทางเดิมคือสงขลา-พัทลุง, พัทลุง-ทุ่งสง, ทุ่งสง-สุราษฎร์ และ สุราษฎร์-ชุมพร การขับรถเลยเที่ยงคืนแบบนี้ไม่วุ่นวาย มีรถประปราย ไหลลื่นมากกว่าชลอ เส้นทางสงขลา-พัทลุง ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือทำถนน เพื่อนท่านหนึ่งบอกให้ฟังว่า "การทำถนนช่วงนี้เป็นการทำเพื่อหาเสียง แล้วให้เหตุผลจำนวนหนึ่งสนับสนุนข้อความที่พูดออกมา" ผมเสนอเพื่อนไปว่า “เป็นไปได้ไหมที่เราจะทำถนนใหม่โดยให้ถนนตรงกว่านี้…ผมยอมรับว่า เป็นเส้นทางที่ขับยากทีเดียว" ผมให้ข้อมูลว่า “สมัยก่อน การตัดถนนนั้น เขาจะตัดไปหาบ้านคน ทำให้เส้นทางมีการคดเคี้ยว” 

ช่วงรอยต่อทุ่งสง-สุราษฎร์นี่เอง ทำเอาผมต้องต่อสู้กับความง่วงมากๆ เพราะไม่ปั๊มน้ำมันให้นอนพัก แต่เป็นเส้นทางที่ดีและสามารถทำความเร็วได้ดีแม้จะช่วงกลางวันก็ตาม การแก้ปัญหาความง่วงเพื่อให้ถึงสุราษฎร์ ผมเปิดเพลงเสียงดังบ้าง แกล้งตัวเองเพื่อแข่งกับรถอื่นๆที่มีอยู่น้อยนิดบ้าง จะได้ตื่นเต้น ปรบมือเรียกสติบ้าง ร้องเพลงเสียงดังบ้าง เมื่อไปถึงปั๊มจึงแวะงีบ ผมจะแบ่งปั๊มออกเป็น ๒ ส่วนหลักๆ ส่วนแรกจะเป็นปั๊มสำหรับจอดพัก มีห้องน้ำ มีแซแว่นให้ซื้อเครื่องดื่มและคนเยอะ ส่วนที่สองจะไว้สำหรับเติมน้ำมัน การแยกแบบนี้เพราะเคยจับได้ว่า อัตราการเร่งเครื่องจากน้ำมันที่เติมต่างปั๊ม จะไม่เท่ากัน

ช่วงสายของวันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ 

ผมมาถึงพื้นที่ก่อสร้าง และจัดการกินข้าวมันไก่ทอดที่ซื้อแวะซื้อหน้าวัดท่ายางใต้ (คงคานาม) และซื้อมาฝากหลานๆด้วย เคยมีความคิดว่า พื้นท่ายางบริเวณ ๓ วัด คือ ท่ายางใต้ (คงคานาม) ท่ายางกลาง (พิชัยยาราม) และท่ายางเหนือ (ตะเคียนทอง) น่าจะมีการทำอะไรสักอย่างเช่น การทำเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แต่นั่นแหละ จะต้องประสานกันระหว่างวัดและเทศบาล ที่ผ่านมาหากนายกเทศบาลเป็นคนใกล้ชิดวัดก็คงจะทำได้ ระหว่างวัดท่ายางกลางและท่ายางใต้มีโรงเรียนพิชัยยาราม ขณะนี้กำลังก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่อยู่ หากวัดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เราจะได้ไกด์เด็กๆมาช่วยและเกิดการเรียนรู้สัมพันธ์กับวิถีวัฒนธรรมด้วย อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่าการพัฒนากับวัดที่ให้สิทธิ์เจ้าอาวาสเป็นเด็ดขาด อาจทำได้ไม่ง่าย และอาจเลยเถิดถ้าผู้นำไม่ได้เข้าใจคำว่าวัด การตั้งบ่อนคาสิโนน่าจะง่ายกว่า และสามารถเก็บภาษีได้เป็นกอบเป็นกำในการพัฒนาชุมชน

สายๆ ของวันเดียวกัน ผมกับน้องชายขับรถไปสั่งของที่ร้านวัสดุก่อสร้างปากทางเข้าวัดพระขวาง ใกล้แยกทางตัน จากนั้นจึงมาขุดหลุมพลาง ขุดบ้างหยุดบ้าง เพราะฝนจะมาบ้างแล้วหยุดหายไป ทำให้รู้สึกว่า “ฝนหาเรื่อง” แต่เพราะฝนหาเรื่องนี้เอง ผมต้องขอบคุณด้วยใจที่ฝนตก การที่ฝนตกแม้ดินจะเหนียวเลอะเทอะ แต่น้ำจากฝนทำให้ดินนุ่มขึ้น 

ประมาณ ๑๕.๐๐ น. ทางร้านได้นำวัสดุก่อสร้างมาส่ง ขณะเดียวกัน มีคุณป้าคนหนึ่ง มาออกปากให้น้องชายไปช่วยต่ออาคารให้ ๒ วันแต่คิดค่าจ้างเป็น ๓ วัน น้องชายมองหน้าผม ขณะที่ผมบอกว่า “ไปเหอะ…เพราะเขาเห็นว่าเราช่วยเขาได้ เขาก็มาขอความช่วยเหลือ ส่วนทางนี้ผมดำเนินการไปพลาง" เขารับปากป้าที่มาว่าจ้าง จากนั้นจึงขุดหลุมกันต่อ บางช่วงจะมีหลานมาช่วยด้วย แต่น้องชายคงไม่อยากให้ลูกลำบาก จึงมักจะบอกให้ลูกกลับเข้าบ้าน ผมคิดในใจว่า “ถ้าไม่ให้ลูกทำงาน ลูกว่าง ลูกจะทำอะไร สุดท้ายก็คงอยู่หน้าจอโทรศัพท์” แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป แน่นอนว่า งานที่มีเด็กๆเข้ามาวุ่นวาย จะทำให้งานช้า แต่สิ่งที่เราจะได้คือ เราให้เด็กๆได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง เวลาเกือบ ๕ โมงเย็น จำนวน ๘ หลุมก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย ส่วนหนึ่งระหว่างสัปดาห์น้องชายได้ลงมือขุดหลุมไปก่อนแล้ว ๕ หลุม 

จากประสบการณ์ของการขุดหลุมเมื่อสัปดาห์ก่อนทำให้เกิดการเรียนรู้บางอย่าง อย่างหนึ่งคือ เอวเคล็ด ดังนั้น รอบนี้จึงระมัดระวังในการยกดิน การขุด การนั่ง และการลุกขึ้นยืน เพราะไม่อยากจะนอนโดยมีหมอนรองหลังอีก วันนี้ได้ดื่มน้ำไปเยอะทีเดียว เพราะอากาศอบอ้าว ร่างกายมีความแน่นเหมือนมีพลัง เหงื่อออกทั้งวัน หลังจากออกไปซื้ออาหารเย็นที่ปากทางเข้าวัดคูขุดเป็นขนมจีน น้ำแกงป่า หนังไก่ทอด มะม่วงเบาดอง กลับมานั่งกินกับหลานๆ จึงขอตัวไปหาที่พักในตำบลท่ายาง ทุกครั้งที่ผมขับรถจะมีผ้าห่ม หมอน ผ้านวมปูนอนไปด้วย การนอนในห้องพัก ผมจึงห่มผ้าของตัวเอง เพราะพบว่า ผ้าปูเตียงมีรอยบางอย่าง มีเส้นผม ก่อนนั้นจะนอนอย่างไรก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้น่าจะเกิดจากสาวข้างกายมีพฤติกรรมแตกต่างจากที่เราอะไรก็ได้ ผมจึงติดนิสัยเขามาด้วย 

คืนนี้มะม่วงเบาดองช่วยได้เยอะ ขณะเขียนบันทึกให้นึกถึงแล้วน้ำลายไหลทีเดียว จากที่ไม่ได้กินมานานแล้ว ทำให้ความอ่อนเพลียฟื้นกลายเป็นสดชื่นได้ทีเดียว ผมหลับสนิทจนรุ่งเช้า

ขุดหลุมเพิ่ม

วันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ 

   ออกจากที่พักแวะซื้อข้าวกล่องหน้าเยื้องโรงเรียนวัดพิชัยยาราม เผื่อเด็กๆด้วย จากนั้นมานั่งกินและลงมือ เดิมทีวางเป้าไว้กับน้องชายว่า วันนี้จะผูกเหล็กเพื่อทำตีนตอหม้อ โดยน้องชายตัดเหล็กและลวดเหล็กไว้แล้ว ขณะที่ผมเดินดูหลุมต่างๆ แล้วคิดว่า บ้านที่จะสร้างนั้น ดูเหมือนหัวใหญ่แต่หางสั้น นึกถึงจิ้งจกที่เกาะฝาผนังแล้วหางหลุดไป ดูไม่จืดเลย เดินไปเดินมาจึงตัดสินใจโดยไม่ได้บอกช่างคือน้องชาย จึงถือวิสสาสะเปลี่ยนจากการผูกเหล็กเป็นขุดหลุมเพิ่ม และตั้งใจว่าวันนี้จะทำ ๒ หลุมให้เสร็จ หากมีเวลาจะขุดเพิ่มอีกหลุมสำหรับพื้นที่ห้องน้ำ จะได้ไม่เป็นภาระของน้องชาย เพราะเท่ามอง การขุดหลุมเป็นเรื่องหนัก ผูกเหล็กเรานั่งผูกในร่มได้ เชื่อมเหล็กเรายืนเชื่อมได้ และอีกเรื่องที่หนักคือการผสมปูน

  จึงลักลอบขุดหลุมเองจำนวน ๒ หลุม โดยใช้เชือกวัดประมาณการณ์เอง เนื่องจากไม่ได้วางผังไว้ก่อน แต่ก็มีแผนว่าจะเพิ่มเติมภายหลัง ในเมื่อมีแผนไว้แล้วก็จัดซะเลยจะได้จบๆกันไป การขุดหลุมรอบนี้มีหลานตัวน้อยมาช่วย และช่วยได้เยอะ ทั้งช่วยในการพูดไปเรื่อย เขาอยากจะเป็นยูทูปเบอร์ จึงทดลองให้เขาลองนำเสนอดู ฟังแล้วก็มีแวว จริงๆแล้วแววในการพูดของเขาเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่เล็กๆ เพียงแต่ไม่มีใครหยิบยื่นโอกาสให้ จึงใช้ชีวิตบ้านๆต่อไป ขณะที่แม่ของเขาก็ไม่หยิบขี้เถ้าเลย ผมเคยขอเด็กคนนี้มาดูแลที่สงขลา แต่น้องชายไม่ให้ การหยิบมาดูแลนั้นไม่ใช่เพราะอยากได้ แต่เห็นแววอนาคต เพราะในสงขลาเด็กๆจะใฝ่เรียนกันมาก ขณะที่ทางเลือกก็เยอะ แต่ก็ไม่แน่นักหากมาอยู่ในมือเราเขาอาจจะเครียดมากกว่าอยู่กับพ่อกับแม่ก็ได้ ดังนั้นจึงปล่อยให้โชคชะตาและการไขว่คว้าของเด็กเท่าที่มีเป็นตัวกำหนดเอง 

สนทนากับหลานตัวน้อย

ส่วนหลานชายพี่เจ้าตัวเล็กมาช่วยบ้าง ออกไปเที่ยวตกปลากับหลานชายอีกคนหนึ่งบ้าง ตัวหลักในการขุดหลุมรอบนี้คือผมกับหลานสาวตัวน้อย เราสลับกันขุด บางครั้งเขาก็แย่งผมขุด เมื่อเขาเหนื่อยเขาก็สลับให้ผมขุด ช่วงบ่ายคล้อย เขานำกระดาษลังมาปูปากหลุมเพื่อให้ผมนอนเล่นช่วงพัก และเขาก็นอนเล่นช่วงพักสลับกัน บางช่วงเขาไปหยิบน้ำแข็งอัด/ไอติมในตู้เย็นมาให้ผมลองชิม ผมลองให้เขานำเสนอน้ำแข็งนั้นแบบสดๆ ก็ดูเข้าที ผมคิดในใจว่า “นี่หากผมเป็นคนหาข้อมูล/ร่วมกันหาข้อมูล แล้วเล่าให้เขาฟังหรือให้เขาอ่าน จากนั้นให้เขานำเสนอข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ น่าจะเป็นการทำให้เขาสนใจในความรู้มากขึ้นแน่ๆ” มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาบอกผมว่า “ลุงหลวง อยากไปเที่ยวสวนน้ำ” ผมสบโอกาสทันที “ลองสอบให้ได้ที่หนึ่งของห้องดู แล้วลุงจะพาไป” เธอตอบมาว่า “ถ้าพันนั้นก็คงไม่ได้แหละ” ผมคิดในใจว่า “ชีวิตมันมีปัญหาเหมือนพ่อกับลุงมันเลย คิดถึงปัญหาก่อนแล้วถอย” แต่ก็ย้อนเขาไปว่า “ลองทำหรือยัง ที่บอกว่าทำไม่ได้นั่น” เขานิ่งไป จริงๆข้อความย้อนนี้เป็นข้อความที่ผมฟังติดหู/ในใจมาจากคำพูดของอาจารย์ที่สอนผมมาอีกทีหนึ่ง ช่วงหนึ่งเขาก็พูดถึงความเป็นยูทูปเบอร์อีก เขาบอกผมว่า "ขอสองอย่างได้ไหม" ผมบอกว่า “สองอย่างก็ได้ ขอให้สอบได้ที่หนึ่งของห้องก็พอ” จริงๆแล้ว ผมไม่ได้ปรารถนาให้เด็กสอบได้ที่หนึ่งเลย เพราะในบางครั้งคนสอบได้ที่หนึ่งจนชิน เมื่อคราวที่สอบได้ที่สาม การสอบได้ที่สามของเขาเป็นเรื่องโหดร้ายในชีวิตของเขาทันที แตกต่างจากคนที่ไม่เคยได้ได้ทั้ง ๓ อันดับ เมื่อเขาสอบได้อันดับที่ สี่ เขาแสนจะดีใจ สิ่งที่ผมต้องการจริงๆคือ ผมอยากให้เด็กมีแรงจูงใจในการเรียนเขียนอ่านและคุ้นชินกับเรื่องนี้ฝังในใจ  สิ่งนี้จะเป็นตัวชักจูงให้เขาไปในทางแบบนั้นดีกว่าไปยิงนกตกปลาไปวันๆ และผมสังเกตว่า เด็กคนนี้สมองดีตั้งแต่เล็กแล้ว ถ้าขาดการสนับสนุนก็น่าเสียดายกับการที่สมองเขาต้องไปทางอื่น แต่ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ “ตกลงอย่างที่สองคืออะไร” เขาตอบว่า "…." ผมได้ยินไม่ชัดประมาณโกโกอะไรสักอย่าง แต่ก็บอกว่า “ไม่มีปัญหาเลย” ผมตอบโดยที่ผมยังไม่รู้ เพราะเป้าหมายอย่างเดียวคือ ให้เขามีแรงจูงใจในการเรียนเขียนอ่าน 

ก่อน ๕ โมงเย็น หลานสาวทอมและหลานชายอีกคนหนึ่งก็กลับมาจากไปตกปลาและมาช่วยขุดหลุมต่อ จากนั้นผมจึงแต่งหลุมและให้เด็กๆไปอาบน้ำรอพ่อกลับบ้าน เพราะช่วงค่ำพ่อจะต้องไปช่วยทำฝาบ้านให้กับอดีตพี่สะใภ้ที่ทุ่งตะโก ขณะที่เจ้าหลานตัวน้อยอาบน้ำในห้องน้ำ เธอร้องเพลงเสียงลั่นไปด้วย ผมคิดในใจว่า “เด็กคนนี้อารมณ์ดี” แต่ก็ตะโกนบอกว่า "รีบอาบน้ำ เดี๋ยวลุงหลวงจะอาบบ้าง" เธอรีบอาบน้ำ ไม่นานเห็นเธอเดินออกมาแต่งตัวเรียบร้อย และนำน้ำยาอะไรสักอย่างมาให้ผมดู จากนั้นเธอก็ไปอยู่หน้ากระจก พร้อมกับน้ำยาใส่ผมแล้วหวีผมซะเรียบ จากเด็กผมทรงสุ่มไก่กลายเป็นดูเรียบร้อยไปในทันใด

ไม่นานพ่อของเด็กๆเหล่านี้ก็กลับจากทำงานและเราก็เดินทางไปอำเภอทุ่งตะโกบ้านเป้าหมาย เจ้าตัวเล็กได้แอร์ก็หลับผลอยไป ส่วนหลานอีกสองคนก็ตามประสาวัยรุ่น

เมื่อไปถึงบ้านเป้าหมาย พบว่า อดีตพี่สะใภ้และหลานไปส่งทุเรียน แต่ก็ฝากกุญแจไว้ น้องชายไม่รอช้ารีบนำวัสดุขึ้นไปจัดการบนชั้นสองของอาคาร ขณะที่ผมทนไม่ไหวเพราะหิวจัดจากทำงานทั้งวัน รีบหาทางไปซื้ออาหารในตลาด กลับมาอีกทีพี่สะใภ้และหลานก็อยู่ในบ้านกันแล้ว เด็กได้กินทุเรียนกันบ้างแล้ว แต่ก็มาจัดการข้าวเหนียวไก่ย่างที่ผมซื้อมา โดยเฉพาะหลานสาวตัวน้อยจัดข้าวเหนียวไปหนึ่งห่อ

ระหว่างรอน้องชายจัดการฝาผนังห้องและประตูโดยมีหลานเขยช่วย ช่วงหนึ่งผมไปนั่งที่ฝาท้ายรถกระบะของอดีตพี่สะใภ้ เจ้าหลานตัวน้อยก็เดินเข้ามา นี่เป็นข้อความสนทนาของสองคน 

หลาน "ลุงหลวงคืนนี้สอนการบ้านหน่อยตะ"

ลุง "ทำไมไม่ทำการบ้านตอนกลางวัน"

หลาน "ก็ช่วยลุงหลวงขุดหลุมนั่นแหละ"

ลุง "..."

ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะคงสอนไม่ได้ กว่าจะกลับถึงบ้านก็คงดึกและรู้ตัวเองว่าคงไม่ไหวแน่ๆ ก่อนนั้นเคยสอนการบ้านแล้ว ต้องใช้เวลาพอสมควรในการให้เด็กๆคิด เพราะสำหรับผม สอนการบ้านไม่ใช่บอกคำตอบจากการบ้านที่ครูให้มาทำ แต่เราต้องชวนให้เด็กๆคิด จำนวนหนึ่งคือการเทียบเคียง เพื่อให้เด็กคิดคำตอบด้วยตัวของเด็กเอง แต่จำนวนหนึ่ง เด็กๆแค่เพียงให้เราดูเขาทำเพื่อจะได้อวดว่าตัวเองทำได้ จากข้อความสนทนานั้นผมสะท้อนใจว่า “พ่อไปทำงาน กลับมาต้องมาสอนการบ้านลูกอีก เห้อ..ชีวิต” แต่เอะใจว่า "คำสนทนาช่วงกลางวันเกี่ยวรางวัลที่จะให้น่าจะมีผลต่อการที่เขาอยากทำการบ้านหรือเปล่า" ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกผิดเพราะความไม่น่าจะไหวกับการสอนการบ้าน

หลังจากน้องชายและหลานเขยทำฝาผนังและประตูบ้านเสร็จเรียบร้อย จึงเดินทางกลับ ผมนั่งคุยกับน้องเรื่องค่าจ้างทำงาน แต่น้องปฏิเสธ ขอเป็นการช่วยทำดีกว่าการจ้างทำ สุดท้ายก็ยินยอมตามที่น้องเสนอมาคือ หากเขาต้องการเงินหรือเดือดร้อนเงินเขาจะโทรมาบอก ขณะที่ผมให้เขาลงสมุดบันทึกการทำงานจริง แต่ผมก็คิดในใจว่า "เขาคงลงบางส่วน และบางส่วนที่ไม่ลงแม้จะทำงานจริง" ก่อนจากกัน ผมยืนกระซิบน้องชายว่า “วันนี้เจ้าตัวเล็กขอรางวัลไปเที่ยวสวนน้ำและอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการเป็นยูทูปเบอร์ พี่หลวงรับปากจะให้หากสอบได้อันดับที่หนึ่งของห้อง ขอให้สานต่อเรื่องนี้ด้วยหลังจากที่พี่กลับสงขลาแล้ว” เขายืนหัวเราะหึๆ เหมือนกับที่พ่อเป็นคือ "พูดน้อย" แต่ “ใจดี” เรามักจะไม่ค่อยพูดกันแต่เราจะเข้าใจกันด้วยความรู้สึกนิ่ง นิ่งบางอย่างไม่โอเค นิ่งบางอย่างโอเค 

วันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๕

เช้าวันอาทิตย์ ผมรีบเดินทางกลับเพื่อให้ทันกินข้าวเที่ยวกับครอบครัวที่รอคอยให้กลับ แต่ผมบอกทางสงขลาว่า "น่าจะถึงช่วงเย็นๆ" ส่วนหนึ่งการเดินทางเช้าวันอาทิตย์ รถจะได้ไม่ติด โดยเฉพาะช่วงเย็นของวันอาทิตย์ ระหว่างพัทลุง-สงขลา รถจะเยอะ มาถึงบ้าน สาวที่บ้านเพิ่งกินข้าวเสร็จพอดี เธอบอกผมว่า พยายามกินรอแล้ว เพราะรู้ว่าต้องรีบมาแน่ๆ แต่คงพูดให้ผมขับรถช้าไม่ได้ เพราะผมเป็นคนดื้อ จริงๆถ้าไม่มีเป้าหมายอะไร ผมจะขับรถแวะปั๊มตลอดทาง แต่เพราะมีเป้าหมายโดยเฉพาะการรักษาความรู้สึกของคนรอบข้าง แม่ยายเตือนว่า "อย่าขับรถให้เร็วนักแหละ" ผมเอะใจว่า "ลูกสาวคงฟ้องแม่ ให้แม่มาเตือนแน่ๆ" ผมก็บอกท่านไปว่า “รีบมากินข้าวกับครอบครัว” แม่ “…” ซึ่งเป็นเรื่องจริงของการห่วงหน้าพวงหลัง

การเรียนรู้บนถนนสาธารณะ

การขับรถบนถนนหลวง/ถนนสาธารณะ มีหลายเรื่องที่ประสบ สิ่งหนึ่งที่คิดคือ อยากให้รัฐออก “โครงการ รณรงค์เพื่อมิตรภาพบนท้องถนน” โดย รถแต่ละคันจะมีคำขวัญท้ายรถบ้าง จะมีกฎหมายจราจรท้ายรถบ้าง แต่อยากให้แปลงกฎหมายเป็นหลักจริยธรรมมากกว่า เพื่อให้คนใช้รถได้อ่านช่วงรถติดไฟแดงบ้าง ช่วงตามหลังกันบ้าง เช่น ช้ากรุณาช่องทางซ้าย (มาตรา….) ไว อดใจนิดเดี๋ยวหลบให้ (ช่องทางขวาสำหรับรถแซง) เป็นต้น อาจช่วยให้คนใช้รถมีความตระหนักต่อการขับขี่บนถนนที่ใช้ร่วมกันมากขึ้น 

รอบนี้เห็นความหวาดเสียวเพียงเสียวนาทีกรณีหนึ่ง โดยช่องทางซ้ายมีรถช้าไหลตามแต่ห่างกันพอควร ผมอยู่ช่องทางขวา ขับตามรถกระบะป้ายภูเก็ตโหลดแต่ไม่เตี้ยมากที่ใช้ความเร็วระดับหนึ่ง ช่วงหนึ่งมีรถจากซ้ายตัดเฉียงออกจากซอยทางซ้ายเข้าสู่ช่องทางขวาข้างหน้ารถกระบะเพื่อไปกลับรถข้างหน้าอีกไกล รถกระบะป้ายภูเก็ตต้องหักหลบมาช่องทางซ้ายฉับพลัน แต่เขาไม่ได้หยุดรถ ทำให้เข้าใจว่า อาจตกใจไม่มากหรือมีสติดีขณะขับรถ แต่ที่เห็นคือ ถ้าเป็นช่วงล่างไม่ดี มีหวังหมุน ผมต้องเบรคตาม และบีบแตรเตือนรถที่ตัดเฉียงมาช่องทางขวา

สำหรับผมเห็นแบบนี้บ่อย โดยเฉพาะ…ที่เข้าใจว่าการเปลี่ยนช่องทางหรือการจะเข้าช่องทางใดช่องทางหนึ่งเหมือนกับการข้ามถนน/วิ่งข้ามถนน/เดินเท้าข้ามถนน แต่ในความเป็นจริงไม่น่าจะใช่ สิ่งที่ควรจะเป็นคือการเลียบเส้นทางเดินรถของตนไปก่อนแล้วค่อยๆขยับสู่ช่องทางถัดไป แต่ทั้งนี้ต้องดูก่อนว่า ช่องทางถัดไปมีรถมาหรือไม่ โดยเฉพาะช่องทางขวาสำหรับรถที่ทำความเร็ว ถ้าเราจะใช้ช่องถัดไป การเข้าสู่ช่องถัดไปอย่าให้รถที่มาช่องทางถัดไปต้องเบรคเพราะรถของเรา ส่วนหนึ่งคือการไม่ทำให้เป้าหมายของเขาต้องถูกบั่นทอน บางครั้งการถูกบั่นทอน จิตของความโกรธจะขึ้นมาเป็นเจ้าเรือน จำนวนหนึ่งของการเถียงกันบนถนนสาธารณะเกิดดจากความสัมพันธ์ระหว่างเป้าหมายที่กำหนดและการเดินทางถูกบั่นทอน การไม่ทำให้เขาต้องชะลอรถเพราะเราคือการดูแลใจกันและกัน ยกเว้นว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เช่น ช่วงอับของรถที่มองไม่เห็นจริงๆ 

จึงอยากเสนอต่อภาครัฐในการรณรงค์ความรู้เรื่องกฎหมายต่อผู้ใช้ถนนร่วมกัน ถ้าทำความร่วมมือ (MOU) ระหว่างขนส่งกับบริษัทผลิตรถก็น่าจะดี เพียงติดสติกเกอร์ให้รถทุกคันเพื่อการเรียนรู้กฎจราจร 

ค่าใช้จ่าย

เติมน้ำมันรถสองครั้งไปกลับ                  1200+1240 =       2,640

อุปกรณ์ก่อสร้าง รวม                                                        18,938

อาหารหน้างาน                                                                     800

ให้เด็กน้อยกินขนม                                                                200

ถังผสมปูน                                                                         8,900

ที่พัก 2 คืน                                                                            900

รวม                                                                                 32,378-

เหตุผลในการซื้อถังผสมปูน (๑) ลดกำลังในการผสมปูนเอง (๒) เพื่อใช้ประโยชน์หลังจากนี้

 

 

คำสำคัญ (Tags): #สร้างบ้าน#บ้าน
หมายเลขบันทึก: 702986เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2022 15:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2022 15:09 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท