ดิฉันมีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยที่ดิฉันเคยทำคลอดหรือรักษามาตั้งแต่เด็กๆเนื่องจากปีนี้กำลังจะครบ60ปี อยากขอเล่าสู่กันฟังเพื่อร่วมแก้ปัญหาทางด้านสังคมค่ะ
คุณแม่ อายุประมาณไม่เกิน40ปี เดินเข้ามาพร้อมเด็กหญิงอายุ 14-15 และเด็กผู้ชายอายุประมาณ 19-20ปี พร้อมแจ้งดิฉันว่า คุณหมอคะ ขอฉีดยาคุม หน่อยค่ะ
คุณหมอ เชิญขึ้นเตียงค่ะ (ดิฉันคาดว่าคงฉีดตัวเอง และชวนลูกๆมาเป็นเพื่อน)
คุณแม่ ฉีดเด็กค่ะ กินยาคุมไม่ได้เพราะกลัวลืม คุมยาก อายุน้อยๆ ฉันไม่อยากให้มี ( ลูก )
คุณหมอ ( อึ้ง) เหรอคะ อย่างนั้นหนูไปขึ้นเตียงเลยลูก ฉีดมากี่เข็มแล้วล่ะ
คุณแม่ หลายเข็มแล้วค่ะ ฉีดที่ …….. ขี้เกียจพาไป
คุณหมอ แอบกระซิบถามคุณแม่ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใคร ก็ทราบว่าคุณหนุ่มคนนี้เป็น สามี หลังฉีดแล้วคุณแม่ยายก็รีบแจ้งให้เจ้าหนุ่มที่เป็นเจ้าของภารกิจจ่ายเงินให้คุณหมอตามระเบียบของคุณหมอค่ะ ดิฉันได้แต่สงสารคุณแม่ที่บางคนมัวแต่ทำมาหากินจนลืมดูลูก นึกได้ก็เมื่อสายเสียแล้วค่ะเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ปัจจุบันสังคมไทยเราจำเป็นที่จะต้องเน้นสถาบันครอบครัวให้เป็นหลักและเข้มแข็งมากขึ้นครับ ต่อให้ทำงานเยอะจนรวยแค่ไหน เงินก็ไม่สามารถทำให้ลูกหลานดีขึ้นมาได้ เจ็ดหมื่นล้านบาทในปัจจุบันก็อาจหายได้ในพริบตา :)
ในแนวเดียวกัน ต่อให้ยากจนเพียงใด ขอเพียงพ่อแม่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ลูกก็ไม่แตกแถวไปในทางไม่ดีได้หรอกครับ
..."เรือนร่างเหี่ยวย่นของแม่ที่ราคาค่าตัวแค่สิบบาท บุหรี่พระจันทร์ซองหนึ่ง บางครั้งอาจจะมวนหนึ่ง ถ้าเธอต้องการ แต่สำหรับลูกแล้ว เรือนร่างของเธอคือชีวิตและอนาคตของพวกเขา เป็นสายเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต เป็นทั้งผ้าห่มกันหนาวและอ้อมกอดอุ่น ๆ ที่โอบรัดความว้าเหว่ในหัวใจลูกทั้งที่เธอก็ว้าเหว่เดียวดาย"