โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

ฤดูแห่งการเพาะปลูก


ฤดูแห่งการเพาะปลูก

โสภณ เปียสนิท

...........................

            ปีนี้ฝนชุกมากกว่าปีก่อนๆ อาจเป็นเพราะพายุหลายลูกมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศไทย ผมยังคงเดินทางกลับบ้านเกิดที่เมืองกาญจนบุรีอย่างต่อเนื่องทุกอาทิตย์ อันที่จริงก็แค่ต้องการเตือนตัวเองให้ได้ว่า ต้องทำใจไว้ล่วงหน้านะ หลังวันที่30 กันยายน 2564 นี้ จะไปทำงานตามความเคยชินมา 26 ปีเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ต้องอยู่กับบ้าน จะทำอะไรก็คิดการณ์ไว้ก่อน ไม่อยากเหมือนคนในเรื่องที่เล่ากันต่อมาว่า 

            ข้าราชการผู้ใหญ่คนหนึ่ง หลังจากวันเกษียณอายุราชการแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นยังตื่นแต่เช้า อาบน้ำอาบท่าแล้วแต่งชุดราชการเต็มยศทำท่าเหมือนกำลังจะไปทำงาน จนภรรยาเห็นเข้าจึงร้องทักว่า “พี่จะไปไหน เกษียณแล้วไม่ต้องไปทำงานนะ” ข้าราชการคนนี้มีท่าทีตกใจเล็กน้อย  แต่แกล้งเฉไฉตอบไปว่า “อ๋อ พี่ว่าจะไปเยี่ยมน้องๆ ที่ทำงานหน่อยนะ” ฝ่ายภรรยารู้เท่าทันคำตอบ แต่ไม่อยากทำให้สามีขายหน้ามากขึ้นจึงเฉยเสีย แต่แอบคิดในใจว่า “แหม ไปเยี่ยมเพื่อน แต่ แต่งตัวเหมือนจะไปทำงานเชียว” แถมแอบยิ้มตอนหันหลังให้สามีนิดหน่อย

            ถึงปีนี้ผมยังคงเดินทางเหมือนเดิม เพราะต้องการไปอยู่บ้านให้เคยชิน และได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศของบ้านเกิดให้ครบทั้งสามฤดู เมืองกาญจน์อากาศแปรเปลี่ยนแตกต่างกัน บางทีกลางคืนหนาว กลางวันร้อนจัด หน้าร้อนร้อนจัด หน้าฝนฝนไม่ค่อยตกต้องตามฤดูกาล หน้าหนาวหนาวสองสามวันแล้วเลิก คนเมืองกาญจน์จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับดินฟ้าอากาศ

            บ่ายวันหนึ่งผมขุดหลุมปลูกต้นไม้ในที่ร่ม เหงื่อไคลไหลย้อยผ่านไปได้ไม่กี่หลุมรู้สึกทนไม่ไหวกลับมานั่งพักผ่อนในร่ม ตกเย็นไปคุยกับผู้ที่อยู่เมืองกาญจน์มาตลอดชีวิต เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง คำตอบที่ได้รับมาน่าจดจำ “ดีนะ ยังไม่ตาย ใครเขาไปทำอย่างนั้น เดี๋ยวนี้ทางบ้านเราต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เช้าตื่นขึ้นมารีบทำงานเกษตรกรรม 11.00 น กลับเข้าร่มหาที่พักผ่อนหย่อนคลาย ดูทีวีมือถือหาความบันเทิง ถึงบ่ายสี่โมงเย็นค่อยออกไปทำงานอีกรอบ ที่เขียนมานี้ยกเว้นผู้ชำนาญการพิเศษท้องถิ่นเท่านั้นที่จะสามารถทำงานได้ตลอดทั้งวัน

            หลังจากเข้าอยู่อาศัยแบบกึ่งถาวรที่บ้านเกิดมาสี่ปี ปรับตัวเข้ากับชีวิตที่นี่ได้บ้างแล้ว เกิดองค์ความรู้ว่า พืชที่ช้างชอบเราไม่ควรปลูก เพราะหากขืนไปปลูกเข้าจะกลายเป็นสร้างปัญหาให้ตัวเองมากยิ่งขึ้น เพราะช้างป่าที่มีผู้เอามาปล่อยและดูแลอยู่ในพื้นที่จะวนเวียนป้วนเปี้ยนเพื่อหาโอกาสเข้ามากัดกินเหยียบย้ำทำลายพืชไร่พืชสวนได้

การที่มีสัตว์ใหญ่ขนาดเท่าช้างมาอยู่ใกล้หมู่บ้านและเดินเที่ยวเล่นป่วนเปี้ยนรอบหมู่บ้านยามค่ำคืนกลายเป็นปัญหาแก่เกษตรกร เช้ากลางเย็นทำงานหนักในไร่ในสวนแล้ว กลางคืนยังต้องเฝ้าป้องกันช้าง หลายคนเป็นโรคเครียด หลายคนเสียทรัพย์เสียสินไปจำนวนไม่น้อย บางคนหันไปพึ่งพายาเสพติด เพราะต้องเฝ้าพืชไร่พืชสวนในยามค่ำคืน ใครหนอช่างคิดช่างทำแบบนี้กับชาวบ้านในแต่ละชุมชนได้ 

อยากเชิญชวนให้คุณผู้อ่านคิดกิจกรรมให้ผู้ที่ทำให้ “ช้างป่าอยู่ร่วมกันคน” เหล่านี้มาทดลองเรียนรู้วิถีชีวิตในฝัน ที่เขาเหล่านั้นได้วาดฝันไว้ ได้เกิดขึ้นกับคนต้นคิดเหล่านั้นด้วยตนเอง คิดกิจกรรมได้แล้วก็นำมาให้เขาเหล่านั้นได้ทดสอบการดำรงชีวิตอยู่กับช้างแบบที่เขาคิดไว้ด้วยตัวพวกเขาเอง ใครคิดได้แจ้งมาที่ผมด้วย จักขอบคุณยิ่ง

เกษตรกรในหมู่บ้านที่ผมรู้จักได้มาคุยให้ฟังว่า “ผมมีไร่อยู่กลางหมู่บ้านราว 13 ไร่ แรกก็ปลูกต้นไม้ปลูกป่า ระยะหลังมานี้ ปลูกมะม่วง ขนุน น้อยหน่าแซมไปด้วย ช้างเดินผ่านไปมา แต่ก็ไม่เห็นเข้าทำลายพืชสวนแต่อย่างไร แต่เมื่อมะม่วงใกล้สุกผมเห็นว่า ควรจะเก็บผลไปบ่มให้สุกที่บ้านดีกว่า กะไว้ว่า เช้าวันต่อมาจะเก็บ เตรียมรถและอุปกรณ์ไว้พร้อมแล้ว วันรุ่งขึ้น เมื่อผมเดินทางไปถึงพื้นที่จึงได้รู้ว่า ครอบครัวของผมช้าไปก้าวหนึ่ง เพราะช้างป่าได้เข้ามากัดกินหักลาญต้นมะม่วงหมดต้น” 

เขาหยุดเว้นระยะในการเล่าเรื่องราวเล็กน้อย แล้วค่อยเล่าต่อ เหมือนว่ากำลังรู้สึกอ่อนล้าเสียเต็มที “เกือบห้าปีเต็มที่ผมดูแลสวนมะม่วงมาตลอด อยู่ๆ พอจะได้เก็บผล กลับถูกทำลายเสียจนสิ้นซาก” พูดแล้วทำสีหน้าฝืนยิ้มปริ่มน้ำตา

            ผมฟังเขาเล่าแล้วรู้สึกเศร้าใจ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้มีรายเดียว ทุกรายในหมู่บ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปลูกอะไรที่ช้างกินได้ ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น นอกจากช้างแล้วยังแถมด้วยกลุ่มคนที่ติดยาเสพติดอีกจำนวนไม่น้อยที่คอยลักเล็กขโมยมากอยู่เป็นประจำ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งจับกลุ่มกันเพื่อตัดไม้ตามหัวไร่ปลายนาไปทำไม้ตัน 

ไม้ตันหมายถึงมีโรงงานรับซื้อไม้สดทุกชนิดตันละ600 บาท พวกตัดไม้ คันรถกระบะบรรทุกได้ 2 ตัน คนนำไปขายตัดไม้ได้สองตันก็ 1200 บาทพอเพียงแก่การดำรงชีพไปวันๆ ไม่มียาเสพเมื่อใด ก็เดินเข้าป่าตามหัวไร่ปลายนามองหาต้นไม้ ไม่มีต้นไม้เข้าจริงๆ ก็ตัดไม้ในพื้นที่ของเพื่อนบ้าน นานเข้าก็หาตัดไปทั่วของใครก็ไม่เว้นไว้ทั้งนั้น บางรายออกติดตามว่าเอาไม้ไปขายที่ไหน ไปถึงโรงรับซื้อไม้ตัน เขาบอกว่าโรงเขามีใบอนุญาตจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นว่า รัฐส่งเสริมการตัดไม้ทำลายป่าด้วย หากรัฐเรียกใบอนุญาตคืนจากร้านรับซื้อไม้ตัน ป่าไม้น่าจะเกิดขึ้นเองได้มากมายในแต่ละปีแน่นอน

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีวันหยุดยาว ผมกลับไปนอนพักผ่อนหลบหนีโควิด19อยู่ที่บ้านกาญจนบุรี ไม่พบใครโดยไม่จำเป็น อยู่บ้านทำบุญตักบาตรเนื่องในวันเข้าพรรษาและวันอาสาฬหบูชาเสร็จแล้วกลับบ้าน หมักดินปลูกต้นไม้ตามที่ต้องการ ไตร่ตรองดูแล้วว่า ก่อไผ่ปลูกได้ แต้ต้องทำใจว่า ช้างจะแวะเวียนมาเพื่อกินใบไผ่วันใดวันหนึ่งตามแต่พวกเขาปรารถนา หากเราตื่นอยู่ได้ยินเสียง ก็พากันออกมาเชิญให้เข้าป่าไป หากนอนหลับใหลในนิทรารมณ์ลึกเช้าอาจพบเห็นร่องรอยหักกิน เหยียบย่ำต้นไม้ตามรอยเท้าก้าวย่างผ่านไป เผลออาจมีมูลช้างไว้ดูต่างหน้า และเก็บไว้ทำปุ๋ยต่อไป

แต่ผมยังพยายามปลูกไผ่ไว้หลายกอเผื่อว่า จะได้กินหน่อบ้าง แหมว่าช้างจะหักโค่นต้นไผ่ แต่หนอไผ่ต้องเหลือไว้ให้เจ้าของสวนได้เก็บกินบ้างเป็นธรรมดา จากการทดสอบมาสี่ปีกว่าช้างไม่ชอบน้อยหน่า ไม่ชอบของเปรี้ยว ดังนั้นพืชที่ปลูกจึงเน้นไปที่ของเหล่านี้ ผมปลูกน้อยหน่าเพิ่มขึ้นทีละน้อย ปลูกมะขามอย่างง่าย คือการใช้เม็ดหว่านลงไปเรื่อยๆ ทุกปี สี่ปีผ่านไปได้ต้นมะขามหลายต้นผุดขึ้นเหนือต้นไม้ป่าชนิดอื่นๆ คราวนี้ก็ค่อยๆ ทยอยตัดไม้ป่าอื่นๆ ที่กินไม่ได้ออกเสียบ้าง แต่พยายามรักษาสภาพป่าไว้ให้ได้มากหน่อย เพราะผมต้องการปลูกสวนป่า

สี่ปีก่อนเพื่อนจากกุยบุรีแวะมาเยี่ยมขณะที่ผมกำลังสร้างบ้านน้อยในป่าใหญ่ นำผักไชยา หรือคะน้าแม็กซิกันมาให้สองต้น เพศผู้เพศเมีย ผมปลูกไว้ทั้งที่ยังไม่เชื่อมั่นในประสิทธิภาพของต้นไม้ชนิดนี้ ปลูกได้ปีกว่า ช้างเดินผ่านหลังบ้านเบียดต้นจนกิ่งใหญ่หักลงมากองอยู่กับพื้น ไม่มีร่องรอยของการกัดกินแต่อย่างไร ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ก่อนว่า ช้างไม่กินคะน้าแม็กซิกัน 

ด้วยความรู้สึกเสียดาย ผมนำเอากิ่งช้างหักมาวางไว้ลานร่มหน้าบ้าน ยามว่างเอาตั่งเตี้ยมานั่งใกล้ๆ แล้วหักบ้างใช้มีดสับบ้างเป็นท่อนเล็กๆ ได้จำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งทดลองแช่น้ำก้นถัง ส่วนหนึ่งนำไปปักลงดิน ปรากฏว่า ที่แช่ในถังน้ำมีรากงอกออกมาจำนวนหนึ่ง รู้ได้ทันทีว่าทำแบบนี้ก็ขยายพันธุ์ได้ 

ส่วนที่ปักชำนำน้ำไปฉีดรด สองสามอาทิตย์ต่อมาเห็นค่อยๆ แตกยอดอ่อนขึ้นมาอีก จนรู้สึกแปลกใจว่า พืชชนิดนี้เพาะขยายพันธุ์ได้ง่าย และช้างไม่กิน คนกินได้แน่ เพราะเคยทดลองนำยอดอ่อนไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผัดกับหมู่หรือไก่อร่อยราวผักคะน้าบ้านที่กินอยู่ประจำ ดีกว่าตรงที่ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีใดๆ ให้รู้สึกอันตรายเลย

คราวนี้ก็เลยนำผักชนิดนี้แจกจ่ายให้กับญาติพี่น้อง ใครที่สนใจก็แจกไป คนที่นำไปทำอาหารรับประทานมีจำนวนไม่มากนัก เป็นที่น่าเสียดาย แต่คาดว่าต่อไปไม่นานจะมีการใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่าเดิมแน่นอน ผมเองนำไปปักชำตรงนั้นตรงนี้ แม้ที่แห้งแล้งผมทดลองปลูกดู รดน้ำนิดหน่อยก็รอดแล้ว จึงเกิดความคิดว่า ผักไชยานี้ใช้เป็นพืชนำแทนกล้วยในพื้นที่มีช้างได้ดี เพราะทนแล้งและช้างไม่กิน 

วันก่อนเห็นว่าที่โศก ที่แห้งแล้งปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้น ผมลองเอาผักไชยานี้ไปปักแล้วเอาน้ำรดนิดหน่อย ไม่นานก็แตกใบได้ แสดงว่าข้อสันนิษฐานที่ว่าแทนกล้วยได้นั้น น่าจะได้ผลจริงจังแน่ ที่แห้งแล้งตรงนั้นตอนนี้กลายเป็นป่าผักไชยาแล้วอย่างน่าอัศจรรย์ 

ที่หลังบ้านยังว่างอยู่อีกมาก แต่มักจะมีต้นมะขามแอบขึ้นอยู่ตรงนั้นตรงนี้ เพราะอานิสงส์จากการหว่านตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ผมไม่รู้หรอกว่า ต้นมะขามจะขึ้นตรงไหนบ้าง แต่ถึงวันนี้ ทั้งต้นมะขามและต้นไม้ป่าพื้นถิ่นเช่นสะเดาและกระถิ่นยักษ์และต้นปีบเริ่มเติบโตคลุมพืชชนิดอื่นที่อยู่เบื้อง ทำให้พืชอื่นไม่ค่อยเจริญเติบโต 

ผกากรองอีกชนิดหนึ่งที่มักจะขึ้นเป็นกอใหญ่ปกคลุมพื้นที่ได้มาก ยามฝนปรอยโปรยปรายวันก่อน ผมลองเดินสำรวจพื้นที่ พบว่าพื้นดินฉ่ำน้ำ จึงติดต่อซื้อพันธุ์มะนาวจากผู้ใหญ่บ้านมายี่สิบกว่าต้น เลือกพื้นที่โคนไม้สูงราวสามวาข้างล่างรกครึ้ม แหวกที่เล็กน้อยด้วยการถางโคนต้นตัดไม้ที่หนาแน่นเกินออก แล้วขุดหลุมปลูกมะนาวลงไปทีละต้นสองต้นจนหอบแฮ็ก โชคดีที่ไม่ร้อน ฝนตกทำให้ยุงน้อยลงไปนิด 

ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า “มะนาวมีเยอะขายไม่ค่อยออก ตอนนี้หล่นเต็มโคนต้น” ฟังแล้วงุนงง เพราะมะนาวเป็นสิ่งจำเป็นในครัวเรือน ไม่น่าเชื่อว่าจะขายไม่ออก ยังไม่ถึงมือลูกค้าผู้มีความต้องการบริโภคเสียมากกว่า คิดเอาเอง วางแผนไว้ว่าจะปลูกมะนาวสัก 50 ต้นไว้เผื่อทำน้ำมะนาวไว้กินแจกและขายตามลำดับ

มะกรูดก็ต้องปลูกเพิ่มอีกสักจำนวนหนึ่ง เผื่อเอาไว้ทำสมุนไพร่ ทำน้ำยาล้างจาน ทำยาสระผม ไปตามเรื่อง ส้มโอก็สมควรปลูกไว้ เพราะช้างไม่ชอบกิน มะปริง ตะริงปริง ว่าจะนำมาปลูกเพิ่มไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเต็มพื้นที่ 

หน้าฝนผมมักจะฝันถึงการปลูกต้นไม้ทุกที บางครั้งฝันไกลไปถึงขนาดอยากจบชีวิตลงในขณะที่ภาวนาไปปลูกต้นไม้ไปในสวนโสภณแห่งนี้เสียด้วยซ้ำ

หมายเลขบันทึก: 692981เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2021 13:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 ตุลาคม 2021 13:54 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ถ้าเราทำรั้วกันไม่ให้ช้างเข้าสวน จะกันช้างมากินได้ไหมคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท