คนเราทุกคนย่อมมีอดีต และอดีตก็มีหลายระดับ จับต้องไม่ได้แต่สัมผัสได้ด้วยความรู้สึก บางครั้งรักและผูกพัน บางครั้งเกลียดชังฝังใจยากที่จะลืมเลือน
อดีต..ในระดับที่เลวร้าย คงไม่มีใครลืมได้ สำหรับผมไม่สาหัสถึงขั้นนั้น แต่ก็ไม่เคยลืมเหมือนกัน แม้ว่าจะสร้างความเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย แต่ก็ประทับใจอยู่ในความทรงจำ ทำให้มีวันนี้
ในความเจ็บปวด มันก็ทำให้หัวใจกล้าแกร่ง เข้มแข็งขึ้นมาทันทีทันใด ถือว่าได้บทเรียนอันทรงคุณค่า จึงไม่กล้าคิดที่จะลืมเลือนเลยแม้แต่น้อย คิดถึงคราใดรู้สึกได้พลังและยังต้องขอบคุณอดีตเสียด้วยซ้ำ ที่เป็นแรงผลักดันในทุกเรื่อง
อดีต..สร้างรอยยิ้มและคราบน้ำตาพร้อมๆกัน หลายคนอาจจะไม่เคย ให้นึกถึงความขมขื่นแต่ก็มีรสหวานเจือปน เหมือนกาแฟสด ที่ใส่น้ำตาลนิดหน่อย เข้มแต่ไม่ขมปาก แบบนั้นเลย..ชีวิตของผม
ในวัยเด็ก…พ่อของผมรับราชการ ตำแหน่งลูกจ้างประจำ ส่งลูกเรียนพร้อมกัน ๔ คน ฐานะความจนที่มักจะวัดกันที่เครื่องใช้ไฟฟ้า บ้านผมไม่มีไฟฟ้า จึงไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น ใช้เตาถ่านหุงข้าว ชาวบ้านร้านตลาดรู้กันทั่วไปว่าบ้านผมจน
แต่ครูไม่รู้…ผมเรียนโรงเรียนวัดอยู่ ๗ ปี ใส่เสื้อผ้าชุดนักเรียน ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะขาดจากกันไป..ไม่เคยได้ทุนการศึกษา เพราะความที่เป็นลูกข้าราชการ ทุนการศึกษาครูจะให้แต่ลูกชาวนา ซึ่งชาวนาสมัยนั้นไม่ต้องซื้อข้าวกิน
ส่วนผม…ต้องไปซื้อข่้าวสารในร้านค้า แต่ไม่ต้องจ่ายตังค์ สิ้นเดือนพ่อจะเอาเงินเดือนไปจ่ายเอง ตอนนั้นผมรู้สึกได้ถึงความอับอาย แต่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ จึงเป็นลูกชายคนเดียวที่กล้าหาญชาญชัยและใช้ง่ายที่สุด
อดีต… จึงเป็นพื้นฐานของปัจจุบัน มีความใฝ่ฝันที่จะเป็น “ครู” พอได้เป็นจริงๆ สิ่งแรกคือ ไม่ปล่อยวางเรื่องทุนการศึกษา..ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ระดมทุนช่วยเหลือนักเรียนยากจนทุกปี ขอมีความสุขกับกิจกรรมแบบนี้จนกว่าจะเกษียณ
พูดถึงความยากจน อันเนื่องมาจากพ่อผมเป็นแค่ลูกจ้าง..คำว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่มีใครเข้าใจดีเท่าผม โชคดีที่แม่ของผมเป็นหลักให้ แม่เป็นคนประหยัดอดออมมาก ต้นฉบับของความพอเพียงเลย มีน้อยอยู่แล้ว แม่ยิ่งใช้น้อยเข้าไปใหญ่ พอมีเงินเก็บแม่ก็จะเอาไปซื้อทอง…ฟังดูเหมือนว่าผมจะรวยขึ้นมาทันที
เปล่าเลย…เพราะแม่บริหารการเงินการคลังอย่างดีเยี่ยมนั่นเอง แต่มาเดือดร้อนผมทุกที ๒- ๓ เดือนแม่จะชวนผมไปโรงรับจำนำ ผมจำได้อยู่แถวท่าน้ำเมืองนนท์ ไม่มีลูกคนใดมีประสบการณ์เท่าผม รู้จักโรงจำนำตั้งแต่เรียนชั้นประถมฯ
ตอนนั้น..ไม่เคยรู้ว่า ไม่มีความยากจนในหมู่ชนที่ขยัน เพราะว่าลืมตาอ้าปากไม่ขึ้นจริงๆ จึงได้แต่กัดฟันทน เพื่อให้ผ่านช่วงเวลานั้นไปให้ได้ หรือเพราะความทุกข์ที่เกินทนจึงหลอมคนให้ทนทาน ผ่านความยากลำบากมา ทำให้ไม่อยากลืมอดีตเลย
โดยเฉพาะอดีตช่วงเรียนมัธยม หวานอมขมกลืนเสียนี่กระไร เรียนก็ไม่เก่ง ต้องถูกครูทำโทษและสอบซ่อม ทั้งเจ็บทั้งอาย ตั้งปณิธานไว้ในใจ จบออกไปเมื่อไหร่..จะเริ่มชีวิตการเรียนใหม่ จะเรียนให้ดีที่สุด.. จนได้มาเป็นผอ.อยู่ทุกวันนี้
ถ้าลืมวันนั้น จะไม่มีความสำเร็จในวันนี้อย่างแน่นอน ..ตอนเรียนปริญญาตรีก็เหมือนกัน ผมอยู่ห้องแถวเก่าๆ ข้างบ้านทะเลาะกันบ่อยมาก ผมต้องนั่งฟังไปพร้อมกับดูหนังสือ เสียงด่าทออย่างอื้ออึง ทำให้ผมฝันถึงที่ดินและบ้านส่วนตัว…สักวัน..จะต้องทำให้ครอบครัวสุขสบายกว่านี้ หนังชีวิตแบบนี้…มันต้องจบได้แล้ว
ดังนั้น อดีตจึงไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ช่วยสร้างไฟแห่งความฝันด้วยซ้ำ อดีต..บางครั้งก็ทำให้วันนี้ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ตอนเรียนปริญญาตรี จนจบได้มาเป็นครู ไม่ได้ท่องเที่ยวที่ไหนเลย..ตอนนี้ต้องไปแล้ว..ร้านอาหารหรูๆก็ไม่รู้จัก จนอายุได้ ๒๘ ปี ตอนนั้นลาศึกษาต่อปริญญาโท อาจารย์ที่ปรึกษาพาไปทานแถวสุขุมวิท วันนั้นตื่นเต้นที่สุด..จดจำไม่มีวันลืมเลย
ผมคิดว่าคนเราไม่ควรลืมอดีต จะดีจะร้ายอย่างไร มันก็ผ่านมาแล้ว เพียงแค่คิดว่าถ้าเป็นความทุกข์ ก็อย่าให้ย้อนคืนกลับมา เมื่อกล้าที่จะยอมรับ ก็ต้องพร้อมที่จะพัฒนาตัวเอง หากเจ็บปวดก็ต้องปล่อยวางลง หาความสุขให้ตัวเองบ้างด้วยการไปทานข้าวนอกบ้าน ไปนั่งกินลมชมวิวชายทะเล…ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน..ดีที่สุด
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น