บทบาทนักกิจกรรมบำบัดในการให้คำปรึกษาผู้ป่วยกลัวการกลืนได้ใน 21 วันทำอย่างไร
โรคกลัวการกลืนคืออะไร
โรคกลัวการกลืน เป็นภาวะวิตกกังวลอย่างรุนแรงเมื่อต้องรับประทานอาหารทางปาก มักเกิดจากการถูกกระตุ้นด้วยประสบการณ์เชิงลบในอดีต ผู้ป่วยจะมีความยากลำบากในการกลืนอาหาร และอาจมีอาการแสดงทางกายให้เห็น เช่นอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น หายใจเร็ว เหงื่อออกมาก หรือคลื่นไส้อาเจียร เป็นต้น
โรคกลัวการกลืน ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารที่ตนเองอยากทานได้ มีน้ำหนักลดลง ขาดสารอาหาร ไม่อยากทานอาหารร่วมกับผู้อื่น เริ่มแยกตัวออกจากสังคม และอาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า โรคกลัวการกลืนนี้ สามารถส่งผลกระทบทั้งด้านร่างกาย และจิตใจของผู้ป่วย และอาจนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ลดลงได้
ทำไมต้อง 21 วัน
ทฤษฎี 21 วัน เป็นเทคนิคที่มาจากหนังสือเรื่อง Psycho-Cybernetics ซึ่งเขียนโดย ดร. Maxwell Maltz โดยสามารถสรุปใจความได้ว่า สิ่งใดที่เรากระทำซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 21 วัน (หรือคิดเป็น 3 สัปดาห์) จะเกิดความเคยชินจนสมองสร้างการรับรู้ใหม่ กลายเป็น "นิสัย" ใหม่ของเราในที่สุด
ดังนั้นหากนำทฤษฎีดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการบำบัดผู้ป่วยกลัวการกลืน โดยให้ผู้ป่วยได้ฝึกการกลืนซ้ำๆ ในทุกๆวัน ภายในระยะ 21 วัน จะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยเริ่มต้นเอาชนะความกลัวของตนเองได้
นักกิจกรรมบำบัดมีบทบาทอย่างไร
นักกิจกรรมบำบัดมีเป้าหมายหลัก คือ ช่วยให้ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างอิสระตามศักยภาพสูงสุดที่มีและส่งเสริมให้ผู้รับบริการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เทคนิคเอาชนะความกลัวการกลืน
1. ปรับอารมณ์ คลายความกังวล
- ให้ผู้รับบริการหลับตาในท่ายืนนั่งหรือนอนแล้วทบทวนว่า มีอารมณ์ตึงเครียดบริเวณใดของร่างกายเริ่มจากบริเวณใบหน้าบริเวณรอบหัวใจและบริเวณท้องถ้ามีแต่ละบริเวณอยู่ที่ใดแต่ละตำแหน่งมีระดับความเครียดที่คะแนนจาก 0-10 (ไม่มีถึงมากที่สุด) ผู้ประเมินรอฟังคำตอบและบันทึกข้อมูลให้ชัดเจน
- ถ้าผู้รับบริการมีอารมณ์ตึงเครียดในระดับ> 6/10 ให้ชวนเคาะคลายอารมณ์ลบพร้อมกันกับผู้ประเมินคือใช้นิ้วชี้กลางสองข้างเคาะระหว่างหัวคิ้วพร้อมพูดว่า“ มั่นใจ มั่นใจ มั่นใจ หายกลัว หายกลัว หายกลัว” เคาะบริเวณกลางอกใต้ต่อปุ่มกระดูกไหปลาร้าพร้อมพูดว่า“ เข้มแข็ง เข้มแข็ง เข้มแข็ง หายเศร้า หายเศร้า หายเศร้า” เคาะสีข้างลำตัวใต้ต่อรักแร้หนึ่งฝ่ามือพร้อมพูดว่า“ ให้อภัย ให้อภัย ให้อภัย หายโกรธ หายโกรธ หายโกรธ”
- ทำกระบวนการซ้ำให้ผู้รับบริการหลับตาแล้วบันทึกการเปลี่ยนแปลงว่า“ มีอารมณ์ตึงเครียดลดลงหรือเพิ่มขึ้น” ถ้ามีคะแนนระดับ <6/10 ก็ให้ทำข้อต่อไปถ้ามีคะแนนระดับ 6/10 ให้ชวนเคาะคลายอารมณ์ลบพร้อมกันกับผู้ประเมินอีก 3 รอบแล้วทำกระบวนการประเมินอารมณ์ตึงเครียดอีกครั้งว่ามีระดับลดลงไหมถ้าได้ 3/10 ถือว่าอารมณ์ตึงเครียดลดลง
- เอาชนะความกลัว ได้ด้วยการต้ังใจเป่าลมหายใจออกทางปากยาวๆ จาก 1-10 คะแนน คิด ว่า กลัวกังวลกี่คะแนน ถ้า 10 คะแนนเต็ม ก็เป่าลมหายใจออกทางปากยาวๆ 10 รอบ
2. ปรับความคิดบวก สร้างความมั่นใจ
- ฝึกออกกําลังจิตให้คิดบวกกับฝึกออกกําลังใจให้มีสมาธิ จะหลับตาหรือลืมตามอง ลงพื้น หายใจเข้าทางจมูกลึกๆ นับในใจ 1-2-3 แล้วค้างไว้ในปอด นับในใจ 1-2 ต่อ ด้วยหายใจออกทางจมูกยาวๆ ช้าๆ นับในใจ 1-2-3-4 ทําไปเรื่อยๆ จนครบกําหนด เวลาท่ีตั้งใจ ครั้งละ 10-15 นาที ทําก่ีครั้งก็ได้ ยิ่งทํายิ่งดี
- หากมีความคิดลบเข้ามาแทรก นักกิจกรรมบําาบัดแนะนําให้ค่อย ๆ คิดบวกด้วย การฟังเสียงภายในใจของตนเองว่า “กําลังกลัวอะไร” ต่อด้วยการพูดให้ตัวเอง ได้ยินด้วยน้ําเสียงท่ีเข้มแข็ง “หายกลัว กล้าลองทําดู” จากนั้นอยู่นิ่งๆ ฝึกหายใจ แบบ 4-7-8 เพื่อคลายความวิตกกังวล โดยเริ่มหายใจเข้าทางจมูก ลึกๆ พร้อมลิ้นแตะเพดานบนช่องปาก นับในใจ 1-2-3-4 ค่อยๆ นําาพาลมหายใจ เข้าไปค้างไว้ที่ช่องท้อง นับในใจ 1-2-3-4-5-6-7 แล้วค่อยๆ เป่าลมหายใจออกมา ทางปากยาวๆ นับในใจ 1-2-3-4-5-6-7-8 ทําาสัก 4 รอบ (ถ้าทําาแล้วอึดอัด ให้ลดลง เหลือทําาหายใจแบบ 4-4-4 แทน) แล้วค่อยๆ กลับเข้าไปคิดใคร่ครวญเขียนวางแผน ชีวิตต่อไปเท่าที่สบายใจ
- ฝึกจินตนาการภาพ โดยให้ผู้ป่วยนึกถึงภาพขณะรับประทานอาหารที่ชอบ อย่างเอร็ดอร่อย สามารถกินได้ทุกอย่าง แล้วค่อยๆปรับภาพให้ชัด เมื่อใดมีภาพที่กล้าๆกลัวๆเกิดขึ้น ก็ให้พูดเสียงดังให้ตัวเองได้ยิน 3 ครั้ง ว่า ลบออกไป มั่นใจ กลืนได้ดี ต่อด้วยเป่าลมหายใจออกทางปากยาวๆ 3 ครั้ง
3. เตรียมกายให้พร้อม เพิ่มความสมดุล
- ลดการรับความรู้สึก: แนะนำให้แปรงลิ้นจากโคนมาสู่ปลายอย่างช้าๆ ก่อนและหลังมื้ออาหาร หรือทำในทุกๆเช้าขณะแปรงฟัน โดยให้เริ่มจากแปรงที่มีขนนุ่ม สัมผัสเบา และค่อยๆปรับให้มีความหยาบมากขึ้นในระดับที่ทนได้
- กระตุ้นการหลั่งน้ำลาย: ใช้นิ้วโป้งสัมผัสข้อต่อขากรรไกร ดันนิ้วชี้ไปตรงๆ ท่ีปลายคาง ขยับนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ให้ก้มคอเล็กน้อย ให้กลอกตามองลงพื้น แล้วกลืนน้ําลายเล็กน้อย เงยหน้าตรง ใช้ปลายลิ้นแตะตรงกลางเพดานใกล้ฟันบน ใช้นิ้วกลางแตะดันใต้คางเพื่อกระตุ้น น้ําลายชนิดใสแล้วไล่ไปใกล้กับกกหู จนถึงใต้ต่อขากรรไกรล่าง เพื่อกระตุ้นน้ําลายชนิดข้น
- ออกกำลังกายกล้ามเนื้อ
- ฝึกกล้ามเนื้อลิ้น:ใช้ช้อนยาวสแตนเลสจุ่มน้ําอุ่นสัก 3-5 วินาที นําหลังช้อนมาแตะนวด ปลายล้ินซีกข้างถนัดวนไปกลางลิ้น แล้วแตะเข้าไปอีกนิดชิดล้ินไปข้างซ้าย นําช้อนออก แลบลิ้นแตะริมฝีปากล่าง ปิดปาก กลืนน้ำลาย แลบล้ินแตะริมฝีปาก บน ปิดปาก กลืนน้ําลาย แลบล้ินแตะมุมปากด้านขวา ปิดปาก กลืนน้ําลาย แลบ ล้ินแตะมุมปากด้านซ้าย ปิดปาก กลืนน้ําลาย
- ฝึกกล้ามเนื้อรอบปาก: ให้เป่าลมแรงๆออกจากปากสามครั้ง พร้อมส่งเสียงร้อง อา อู โอ
- Chin down: ก้มหน้ามองตำ่เล็กน้อยขณะกลืนน้ําลาย ช่วยให้กล่องเสียงอยู่ชิดโคนลิ้นมากขึ้นป้องกันไม่ให้อาหารตกเข้าไปในทางเดินหายใจ
- Head tilt to stronger side: หันคอไปยังร่างกายข้างถนัด หรือข้างที่รู้สึกมีแรงมากกว่า งอตัวเล็กน้อยพร้อมก้มคอกลืนน้ําลาย ทําสัก 3 รอบ
4. เริ่มลงมือทำ กลืนอย่างค่อยเป็น
- ให้ผู้รับบริการเลือกอาหารที่ตนเองอยากทาน หรืออาหารโปรด เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการฝึก
- จัดท่าให้อยู่ในท่านั่งตัวตรง มองไปข้างหน้าตรงๆ อาจใช้นิ้วช่วยดันบริเวณคางไว้ เพื่อไม่ให้ก้มคอ หรือแหงนหน้าเวลากลืน
- ก่อนทานอาหาร แนะนำให้ผู้รับบริการจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน เพื่อให้ทานอาหารอย่างมีสติสัมปชัญญะ สามารถแยกแยะการกลืน และการหายใจได้ ป้องกันไม่ให้เกิดการสำลัก
- ตักอาหารคำเล็กๆ และพยายามวางอาหารเข้าไปกลางลิ้นเท่าที่จะทำได้
- เคี้ยวอาการด้วยฟันข้างถนัดอย่างรวดเร็ว แล้วปัดมาเคี้ยวด้วยฟันอีกข้างอย่างช้าๆ สลับกันไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่ากลืนได้ทันที จากนั้นให้ดูดน้ำเปล่า แล้วค้างไว้นับในใจ 1-5 พร้อมสัมผัสกดกล้ามเนื้อรอบๆ คอหอยเบาๆ 3 ครั้งแล้วกลืนน้ำทันทีลงหลอดอาหาร ถือว่าเป็นการสื่อสารให้อวัยวะกินและกลืนอาหารเตรียมพร้อมโดยจิตสำนึก
- แนะนำ หนึ่งคําเคี้ยวให้ได้ 30-80 คร้ังก่อนกลืน เพื่อคลายความกังวล
- หากรู้สึกกลืนไม่ลง ให้จิบน้ำเล็กน้อยแล้วก้มคอกลืน 2 ครั้ง (dubble swallowing)
- ค่อยๆปรับเพิ่มความท้าทาย เมื่อผู้รับบริการมีการพัฒนาที่ดีขึ้น เช่น ในช่วงแรกอาจฝึกตามวิธีการข้างต้นเพียง3-5 คำแรก จากนั้นให้ทานแบบปกติ และค่อยๆเพิ่มจำนวนคำในการฝึกให้มากขึ้นตามความสามารถของผู้รับบริการ
- ฝึกทำบ่อยๆ ซ้ำๆ โดยอาจเพิ่มจำนวนมืออาหารจาก 3 มื้อ เป็น 5 มื้อ และฝึกซ้ำๆในทุกๆวัน ตลอด 21 วัน
- พูดขอบคุณตัวเองเมื่อสามารถทำได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้
แผนการให้บริการใน 21 วัน
วันที่ 1 ประเมินสภาพจิตของผู้รับบริการแบบ Semi-structure ด้วยการให้สำรวจความตึงของร่างกาย พร้อมชวนเคาะคลายอารมณ์ โดยมีขั้นตอนการทำตามเทคนิค "ปรับอารมณ์ คลายความกังวล" ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพื่อให้ผู้รับบริการลดความวิตกกังวลลงก่อน จากนั้นทำการปรับความคิดบวกตามเทคนิค "ปรับความคิดบวก สร้างความมั่นใจ" เพื่อให้ผู้รับบริการเปิดใจ เชื่อมั่นว่าตนเองทำได้ และสร้างแรงจูงใจในการฝึกแก่ผู้รับบริการ พร้อมแนะนำให้ผู้รับบริการนำเทคนิคทั้งสองที่ได้สอนไป กลับไปปรับใช้ที่บ้านได้ในทุกๆวัน ตลอด 21 วันหลังจากนี้
วันที่ 2 สอบถามความรู้สึกผู้รับบริการหลังจากได้นำเทคนิคที่สอนไป ไปใช้ในบริบทจริง ว่ารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างไร พร้อมให้กำลังใจในการทำต่อไป และในวันนี้จะเพิ่มการแนะนำเทคนิคเตรียมความพร้อมก่อนการกลืน ตามหัวข้อ "เตรียมกายให้พร้อม เพิ่มความสมดุล" เพื่อกระตุ้นองค์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการกลืนให้มีความพร้อมมากขึ้น และให้กลับไปฝึกต่อที่บ้าน โดยแนะนำให้ทำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที หรือทำก่อนรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ
วันที่ 3-5 Home program โดยให้นำเทคนิคที่ได้แนะนำไปแล้วข้างต้น ไปปรับใช้ที่บ้านอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- เทคนิคปรับอารมณ์ คลายความกังวล
- เทคนิคปรับความคิดบวก สร้างความมั่นใจ
- เทคนิคเตรียมกายให้พร้อม เพิ่มความสมดุล
วันที่ 6 เริ่มฝึกกลืนโดยใช้อาหาร ตามคำแนะนำในเทคนิค "เริ่มลงมือทำ กลืนอย่างค่อยเป็น" พร้อมกับการให้ความรู้แก่ครอบครัวหรือผู้ดูแล เพื่อช่วยให้ผู้รับบริการประสบความสำเร็จในการเอาชนะความกลัวการกลืนได้มากขึ้น
วันที่ 7-13 Home program เน้นฝึกการกลืนอาหารจริงที่บ้าน โดยนำสามารถนำเทคนิคทั้งหมดมาปรับใช้ร่วมกันได้ได้แก่
- เทคนิคปรับอารมณ์ คลายความกังวล
- เทคนิคปรับความคิดบวก สร้างความมั่นใจ
- เทคนิคเตรียมกายให้พร้อม เพิ่มความสมดุล
- เทคนิคเริ่มลงมือทำ กลืนอย่างค่อยเป็น
วันที่ 14 ประเมินซ้ำ เพื่อค้นหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น พร้อมร่วมกันหาทางแก้ไข หรือปรับเพิ่มความท้าทายในการฝึก เมื่อผู้รับบริการมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
วันที่ 15-20 Home program
วันที่ 21 ประเมินผลการให้กิจกรรมบำบัด ให้ผู้รับบริการได้สะท้อนความรู้สึก ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หลังเข้ารับบริการทางกิจกรรมบำบัด พร้อมชื่นชมผู้รับบริการเพื่อเป็นแรงเสริมในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องต่อไป
โรคกลัวการกลืนสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ บางรายสามารถกลับไปรับประทานอาหารได้แทบปกติ ดังนั้นควรรีบเข้ารับการบำบัดรักษา เพื่อส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นให้ได้เร็วที่สุด
อ้างอิง
ศุภลักษณ์ เข็มทอง. กิจกรรมการดําาเนินชีวิตจิตเมตตา. -- กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2563.
ศุภลักษณ์ เข็มทอง. (2553). กลืนอย่างไรไม่ให้กลัว. สืบค้นจาก https://www.gotoknow.org/posts/400478
นันทยา อุดมพาญิชย์. (2557). กิจกรรมบำบัดในผู้ป่วยกลืนลำบาก. สืบค้นจาก https://li01.tci-thaijo.org/index.php/SRIMEDJ/article/download/23616/20093/
Little Miss Darran. (2020). เคล็ดลับเปลี่ยนนิสัย...เป็นคนใหม่ได้ใน 21 วัน !!. สืบค้าจาก https://intrend.trueid.net/article/เคล็ดลับเปลี่ยนนิสัย-เป็นคนใหม่ได้ใน-21-วัน-trueidintrend_108015