๑,๒๑๗ บทเรียนจาก...ฝน


" ผมนั่งดูสายฝนที่โปรยปรายอยู่ตรงหน้าอาคารเรียน ละอองฝนพร่างพราวอยู่ในอากาศและแมกไม้ น้ำเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ ผมไม่ได้กลิ่นดินเลยแม้แต่น้อย เพราะผิวดินถูกน้ำฝนชะล้างไปหมดแล้ว...."

          มิใช่คนชื่อฝนแต่อย่างใด แต่เป็นน้ำฝนที่เทลงมาจากฟากฟ้า ตกได้ตกดีเกือบทุกวัน จนดูเหมือนว่าเมษายน เดือนแห่งความร้อน..จะกลายเป็นฤดูฝนไปเป็นที่เรียบร้อย

  เฉลี่ยดูแล้ว..ฝนจะมาเยือนอย่างเป็นทางการสัปดาห์ละครั้ง แต่สัปดาห์นี้เทลงมาอย่างหนัก ๒ ครั้งแล้ว และไม่มีลมที่เรียกว่าพายุฤดูร้อน ตกแบบได้น้ำได้เนื้อล้วน ๆ

          ก่อนฝนตก...เมฆจะค่อยๆห่อตัวจนดำครึ้ม ลอยอ้อยอิ่งอยู่ชายขอบฟ้า และอากาศจะร้อนอบอ้าวมาก ผมเห็นว่าแดดยังจ้าแจ่มก็เลยหยิบกระป๋องสีกับแปรงไปป้ายต่อที่รั้วหน้าโรงเรียน

          งานที่ค้างอยู่ตั้งแต่หลายวันก่อน แบบค่อยๆทำไปวันละเล็กละน้อย เหมือนอารมณ์ศิลปิน อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไปทำอย่างอื่น มีงานในโรงเรียนให้ผมทำเยอะแยะ

          เพราะผมใช้โรงเรียนเป็นสถานที่กักขังตัวเอง มิให้ไปยุ่งสุงสิงกับสังคมหมู่มาก เป็นการขานรับการระวังป้องกันภัยจากโควิด๑๙ เป็นสถานที่ที่ประหยัดและปลอดภัยสูงสุดแล้ว

          ทำอย่างไร?..จะใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส วิกฤติจากโรคระบาด แต่เราก็ต้องสร้างโอกาสทำความดีเพื่อองค์กรเล็กๆ ถึงแม้จะสร้างอะไรใหม่ไม่ได้ ก็ซ่อมแซมในส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมก็ยังดี

          ผมไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายเลย..เมื่อต้องทำงานให้โรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่ราชการ..เพราะคำว่าราชการนี่แหละ..ที่ทำให้ผมมีกินมีใช้และมีความสุขมาถึงทุกวันนี้...

          ทาสีรั้ว..ไม่ทันเสร็จอีกตามเคย ฝนก็เทกระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ผมคิดว่าน้ำในสระที่เริ่มจะสูงขึ้นวันละคืบสองคืบ บางทีวันนี้อาจจะสูงขึ้นเป็นศอกก็ได้

          ผมนั่งดูสายฝนที่โปรยปรายอยู่ตรงหน้าอาคารเรียน ละอองฝนพร่างพราวอยู่ในอากาศและแมกไม้ น้ำเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ ผมไม่ได้กลิ่นดินเลยแม้แต่น้อย เพราะผิวดินถูกน้ำฝนชะล้างไปหมดแล้ว

          ฝนหยุดตก..ผมเดินสำรวจน้ำที่รอการระบาย ด้านหน้าห้องสมุด ที่เป็นจุดเดิมๆ และบริเวณแปลงนาที่น้ำขังแต่ยังหาทางระบายไม่ได้

          เดินไปจนถึงด้านหน้าโรงเรียน ได้ยินเสียงชาวบ้านตะโกนโหวกเหวกว่ามีปลาหลุดจากบ่อ แหวกว่ายไปตามล่องน้ำ ที่ไหลหลากตามเส้นทางคู่ขนานไปกับถนนลาดยาง

          ผมเห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้น..ทำไมน้ำไหลแรงอย่างนี้ รู้สึกดีใจถ้าน้ำที่เห็นจะไหลไปรวมกันที่สระน้ำของโรงเรียน แต่มองไปจนสุดตา น้ำส่วนใหญ่ไหลไปลงนาของชาวบ้าน ที่อยู่ฝั่งเดียวกัน

          ผมเดินไปให้ไกลมากขึ้น เพื่อดูต้นทางของน้ำว่าไหลงมาจากไหน..ที่สุดแล้วก็ได้เห็นกับตาว่าน้ำฝนที่เทลงมาที่แปลงมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นที่ราบสูงกว่า น้ำจึงไหลบ่าลงมาสองฝั่งถนน

          วันนี้..จึงได้คำตอบว่า..ทำไมชาวบ้านจึงไม่ปลูกมันสำปะหลังขวางเส้นทางน้ำ เมื่อสังเกตให้ดีจะพบว่าการขุดร่องแปลงมันสำปะหลังเกือบทั้งหมด หัวแปลงจะหันเข้าหาถนน

          แต่มีอยู่เพียงสองแปลงเท่านั้น ที่ยกร่องแปลงขนานไปกับถนน เพื่อให้เป็นทางน้ำไหลหลากได้อย่างสะดวก หรือบางทีก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะมีมากกว่าสองแปลงก็เป็นได้

          ด้วยน้ำฝนไหลหลากจากไร่มันที่สูงกว่าหลายร้อยไร่ ไหลมารวมตัวกันแล้วไหลต่อไปอย่างเร็วและแรง พัดพาเอาดินและมันสำปะหลังที่เป็นแปลงอันสวยงาม ราบเรียบไปตามน้ำหมดแล้ว

          ผมจึงเห็นเป็นลำธารอันกว้างใหญ่สีขาว สุดลูกหูลูกตา มิน่าเล่า..ชาวบ้านจึงมักจะพูดกันว่าฝนตกแต่พอดีมันสำปะหลังจะชอบ แต่ถ้าตกจนท่วมแบบวันนี้..จะไม่ค่อยดีกับชาวไร่เท่าที่ควร

          ผมเดินย้อนกลับไป..เพื่อคว้าจอบขุดล่องน้ำให้กว้างใหญ่กว่าเดิม ให้น้ำฝนที่รอการระบายในโรงเรียน ไหลไปลงสระได้สะดวกในเวลาอันรวดเร็ว ผมสังเกตปริมาณน้ำที่ค่อยๆสูงขึ้น ถ้าฝนตกหนักอีกสักครั้ง อาจจะสูงขึ้นเป็นเมตรได้เหมือนกัน

          บทเรียนที่ได้ในวันที่ฝนตกหนัก...จึงสนุก สดชื่น และมีความสุขมิใช่น้อย

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๘ เมษายน ๒๕๖๔

หมายเลขบันทึก: 690266เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2021 22:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2021 07:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อย่างไรก็ขอบคุณ “ฝน” อยู่ดีนะครับ สดชื่น ;)…

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท