ต้นส้มแสนรัก วิเคราะห์ตัวละครชาย



"

ต้นส้มแสนรัก

"

"ผมจะฆ่าเขาในหัวใจของฉันด้วยการหยุดรักเขาแล้ววันหนึ่งเขาก็จะตาย" 

(หน้า๑๕๙)

  ผู้เขียนได้สร้างตัวละครพ่อและโปรตุก้าเพื่อให้เห็นความแตกต่างของชายผู้เป็นพ่อโดยทั้งสองผู้เขียนสร้างตัวละครเพื่อเปรียบเทียบลักษณะนิสัยอย่างชัดเจน ตัวละครพ่อและโปรตุก้าเป็นตัวละครแสดงพฤติกรรมที่ทำให้เรื่องดำเนินไปได้อย่างน่าสนใจไม่แพ้เซเซ่ เพราะอาจถือได้ว่าเป็นตัวละครกำหนดชีวิตของเซ่เซ่ในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เรื่องมีความสนุกและสมบูรณ์อย่างยิ่ง

ตัวละครพ่อ

  พ่อเป็นตัวละครหลายลักษณะและสร้างปมขัดแย้งกับตัวละครเอกซี่งจะเห็นว่าการดำเนินเรื่องเซเซ่ตัวเอกมักจะมีปัญหากับพ่อเสมอซึ่งผู้เขียนสร้างตัวละครพ่อเป็นคนแสดงออกทางอารมณ์รุนแรง แบกรับสิ่งต่างๆ จนสะสมเป็นความทุกข์ถูกกดดันจากสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบากคือพ่อตกงานหลายเดือนและมีภรรยาเป็นผู้ที่หาเงินเจือจุนให้กับครอบครัวอีกทั้งพ่อยังใช้ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ตัดสินเซเซ่โดยที่ไม่รับฟังเหตุผลใด ๆจึงนำไปสู่การ ทำโทษลูกโดยไม่มีเหตุผล จนเป็นแผลติดใจเซเซ่ จะเห็นได้จากประโยคที่เซเซ่ร้องเพลง “ฉันอยากจะได้สาวเปลือยสักนางหนึ่ง ยามคืนที่แสงจันทร์ส่องสว่าง” (หน้า ๑๕๐) พ่อก็ตบเซเซ่และให้ร้องเพลงซ้ำๆ เมื่อเซเซ่ร้องพ่อของเขาก็ตบเซเซ่ทุกครั้งที่ร้อง เซเซ่ทนไม่ไหวจนต้องพูดคำหยาบพร้อมร้องบอกให้พ่อเขาฆ่าเขาแล้วเซเซ่ก็สลบไป จากความขัดแย้งของพ่อกับเซเซ่แสดงให้เห็นว่าพ่อของเซเซ่ยึดแต่ความคิดของตนไม่ฟังมุมมองเซเซ่ แต่ทว่าเซเซ่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาร้องออกมาคืออะไร แต่เขากลับถูกทำร้ายร่างกายโดยไม่มีเหตุผล ส่วนพ่อก็ไม่แนะนำลูกดีๆอีกทั้งยังด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง คือ “ไอ้ เสนียด ไอ้เด็กระยำ ไอ้เด็กอุบาทว์ แกพูดกับพ่อแกอย่างนี้รึ...” (หน้า ๑๕๒)   

          หลังจากจบเหตุการณ์นี้เซเซ่เกลียดชังพ่อที่ทุบตีเขาและคิดจะฆ่าพ่อของตนเอง จะเห็นได้จากเซเซ่ตัดพ้อกับโปรตุก้าจากข้อข้อความ “ผมจะฆ่า ผมเริ่มแล้วด้วยซ้ำ ฆ่านั้นไม่ได้หมายความว่าหยิบปืนของบัค โจนส์แล้วก็เอาไปยิงเขาตูมเดียวตายไม่ใช่อย่างนั้น ผมจะฆ่าเขาในหัวใจของฉันด้วยการหยุดรักเขาแล้ววันหนึ่งเขาก็จะตาย”(หน้า๑๕๙) พ่อเป็นตัวละครที่คิดแต่ว่าเซเซ่ผิดเขาย่อมลงโทษแต่ไม่ไตร่ตรองสิ่งใด ไม่คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของเด็กอายุเพียงแค่ห้าขวบ ถูกตบตีจนแทบเขาจะไม่มีชีวิตรอดต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เซเซ่อยากเป็นลูกของโปรตุก้า เพราะโปรตุก้าใจดีรับฟังเรื่องราวของเซเซ่ทุกอย่าง อย่างมีเหตุผล และไม่ทำร้ายเซเซ่อย่างคนไม่มีเหตุผลแบบพ่อของเขาเอง

          ในตอนท้ายจะเห็นว่าพ่อก็มีความห่วงใยเซเซ่และเข้าใจเซเซ่มากขึ้น แต่คิดได้มันก็สายไป เพราะสิ่งที่ พ่อทำนั้นเป็นสิ่งที่ตอกย้ำเรื่องราวภายในใจของเขาว่าไม่มีใครที่รักเขาจริง ๆ จะเห็นได้จากตอนต้นไม้แก่ท้ายเรื่อง “จบสิ้นกันเสียที่ลูกพ่อทุกสิ่งทุกอย่างเลยนะลูกวันหนึ่งเมื่อลูกเป็นพ่อคนแล้วลูกจะรู้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตมนุษย์ดูเหมือนจะไม่มีอะไรถูกต้องเสียเลยความสิ้นหวังมันเกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุดแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการโรงงานซานโตอาเลโซรองเท้าเล็ก ๆ ของลูกจะไม่ว่างเปล่าในวันคริสต์มาสอีกแล้ว” (หน้า๑๙๗) และ “ผู้ชายคนที่อุ้มผมนั่งตักนี่เขาต้องการอะไรเขาไม่ใช่พ่อผม พ่อผมตายแล้ว รถไฟมานการาติบาฆ่าเขา” (หน้า๑๙๘)

ตัวละครโปรตุก้า

          โปรตุก้าเป็นตัวละครที่มีหลายลักษณะและเป็นตัวละครที่ทำให้เรื่องดำเนินได้ถึงจุดสุดยอด อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวละครที่มีความสำคัญกับเซเซ่อย่างยิ่ง ผู้เขียนสร้างตัวละครโปรตุก้าหลายลักษณะคือมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ เพื่อให้โปรตุก้าเป็นตัวละครที่ทดแทนในส่วนที่เซเซ่ไม่เคยได้รับ ทั้งในเรื่องของความรักดูแล เอาใจใส่ หรือว่าจะเป็นเรื่องที่โปรตุก้าเป็นตัวละครเดียวที่เซเซ่ไว้ใจและสนิทสนมกันมากขึ้นตามการเวลา จนเซเซ่คิดว่าเขาน่าจะเป็นพ่อของตน จะเห็นได้ว่าในเหตุการณ์ที่ทำให้โปรตุก้าและเซเซ่พบกันนั้น เป็นตอนที่เซเซ่ชอบรถคันสวยๆ จึงพยายามแอบเกาะรถและโปรตุก้าจับได้ โปรตุก้าเองก็โมโหมากถึงขนาดตีก้นของเซเซ่ แต่เมื่อโปรตุก้าได้รู้จักเซเซ่มากขึ้น กลับรู้สึกหลงรักเด็กชายคนนี้ ที่ซูบผอมเหมือนกุ้งแห้ง แต่มีหัวใจที่ใหญ่เหลือเกิน

          จากที่โปรตุก้าเคยโกรธเซเซ่ก็กลับกลายมารักเซเซ่เหมือนกับเป็นลูกของตน และมีการให้ความช่วยเหลือเซเซ่ อาทิ พาไปเลี้ยงข้าว พาไปรักษาแผลจากการเหยียบเศษแก้ว พาไปนั่งรถชมวิวเพื่อความสบายใจของเซเซ่จะเห็นได้จากคำพูดของเซเซ่ " ฉันอยากอยู่ใกล้นายตลอดกาลเลยรู้มั้ย เพราะนายเป็นคนที่ใจดีที่สุดในโลกนะซิ เวลาอยู่กับนายฉันไม่เกเรจนถูกด่าอีกเลยฉันรู้สึกว่า "พระอาทิตย์ สาดแสงแห่งความสุขเข้ามาเต็มหัวใจของฉันเลยล่ะ" หน้า(๑๓๙) ทั้งนี้โปรตุก้าเองก็ยังมีความรู้สึกที่อ่อนไหวไปกับเรื่องราวที่เซเซ่เล่า หรือสิ่งที่เซเซ่พูด เห็นได้จากตอนที่เซเซ่บอกว่าอยากให้รถไฟชนจะได้ตายๆ ไปไม่ต้องอยู่อีก ต่อไปเพราะไม่อยากที่จะทนถูกทุบตีซ้ำ ๆ และต้องมาทนกับความลำบาก กระนั้นก็ทำให้โปรตุก้ารู้สึกสะเทือนกับสิ่งที่เซเซ่พูดและเป็นห่วงมาก ถึงขนาดไปคอยดูว่าเซเซ่จะทำอย่างนั้นจริงหรือ และโปรตุก้าเองก็รู้สึกเศร้าใจ สะเทือนใจกับบาดแผลบนร่างกายของเซเซ่ที่โดนทำร้ายอย่างไม่มีความปราณี ใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งทำให้โปรตุก้าอยากปกป้องเซเซ่และอยากมอบความรักที่ตนมีให้กับเซเซ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าเซเซ่ก็ต้องมาเจอกับเหตุการณแสนโศกเศร้าที่ขณะที่เขานั่งเรียนและได้รับข่าวของโปรตุก้าว่าถูกรถไฟมานการาติบาชน เซเซ่วิ่งไม่คิดชีวิตเพราะเป็นห่วงโปรตุก้าจะเห็นได้จาก “ผมต้องการให้โปรตุก้าของผมกลับมา พระบุตร ท่านต้องคืนโปรตุก้าให้ผม...”(หน้า๑๘๒) ทำให้เห็นความรักของเซเซ่ที่มีต่อโปรตุก้าว่าเขาเสียใจกับการจากไปของโปรตุก้ามากเพียงใดก็เปรียบเสมือนเขาเป็นอีกหนึ่งลมหายใจอีกทั้งเป็นโลกความฝันของเขาก็ว่าได้ แต่ต้องแตกสลายไปเช่นเดียวกับร่างของโปรตุก้าเห็นได้จากจากข้อความ "ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงนั้นคืออะไร ความเจ็บปวดนั้นไม่ใช่การถูกตีจนสลบไสลหรอก ไม่ใช่การถูกแก้วบาดเท้าและถูกเย็บแผลที่ร้านหมอ ความเจ็บปวดคืออะไรอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หัวใจของคุณแตกสลายและต้องตายจากไปโดยไม่อาจจะเล่าความลับของคุณให้ ใครฟังได้เลย" (หน้า๑๘๔)

          จากที่กล่าวมาผู้เขียนสามารถสร้างสรรค์ตัวละครทั้งสองออกมาเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดได้อย่างเหมาะสมเมื่อพิจารณาทรรศนคติเชิงเปรียบเทียบพฤติกรรมตัวละครพ่อและโปรตุก้า ซึ่งจะทำให้เห็นลักษณะนิสัยของตัวละคร และมีบทบาทในการดำเนินเรื่องหรือสร้างปมขัดแย้งต่างๆ ที่ทำให้เรื่องมีครบรสชาติมากขึ้น  

          จากเรื่องผู้เขียนแทรกทรรศนะเชิงเปรียบเทียบพฤติกรรมตัวละครพ่อและโปรตุก้า จะเห็นลักษณะที่แตกต่างของตัวละครทั้งสองได้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้เขียนให้ตัวละครพ่อจะเป็นครอบครัวที่เต็มไปด้วยความลำบากยากแค้นและความยากจน  เป็นคนแสดงออกทางอารมณ์รุนแรงอย่างเห็นได้ชัด แสดงออกถึงการแบกรับสิ่งต่าง ๆ ในครอบครัว จนสะสมเป็นความทุกข์ถูกกดดันจากสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบาก ประกอบกับพ่อตกงานหลายเดือนและหลายครั้งลูกเป็นคนรองรับอารมณ์ของพ่อ อีกทั้งพ่อยังใช้ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ตัดสินเซเซ่โดยที่ไม่รับฟังเหตุผลใดๆ จึงนำไปสู่การทำโทษลูกโดยไม่มีเหตุผล กล่าวได้ว่าเสมือนเป็นแผลในใจเซเซ่ที่ฝังแน่น ความขัดแย้งของพ่อกับเซเซ่ทำให้เซเซ่เกลียดชังพ่อที่ทุบตีเขา และคิดจะฆ่าพ่อของตนเองด้วยการฆ่าออกจากใจเขา และแม้ในตอนท้ายที่พ่อทำดีด้วยแต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ลบล้างความรู้สึกในใจของเซเซ่ได้ ซึ่งกล่าวได้ว่าตัวละครพ่อกับตัวละครโปรตุก้ามีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

          ผู้เขียนให้ลักษณะนิสัยของโปรตุก้าแตกต่างจากพ่ออย่างชัดเจน กล่าวคือเป็นผู้ชายที่อบอุ่น ห่วงใยคนอื่น ชอบให้การช่วยเหลือ และเป็นตัวละครที่มีฐานะไม่ถือตนว่าตัวเองเป็นใคร ผู้เขียนเริ่มด้วยความสัมพันธ์โปรตุก้าและเซเซ่เป็นคนแปลกหน้าที่ให้ความช่วยเหลือกัน ให้โปรตุก้ามาทดแทนความรักที่ขาดหายไปแทนพ่อของเซเซ่ ในส่วนเซเซ่ก็ได้เป็นเพื่อนพูดคุยคอยเติม คอยสร้างสีสันให้โปรตุก้าเช่นกัน และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองจะได้สนิทกัน แต่ทว่ามีเหตุการณ์ให้โปรตุก้าก็ได้พาเซเซ่ไปหาหมอจากการเหยียบเศษแก้วของเซเซ่ แล้วทั้งสองคนเริ่มสนิทมากขึ้น และเซเซ่ก็รักโปรตุก้ามากกว่าพอของตนเพราะโปรตุก้าใจดี รับฟังเรื่องราวของเซเซ่ พาเซเซ่นั่งรถเล่นให้สบายใจ ทำให้เขาได้พบกับความรักเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย ในส่วนที่เขาไม่เคยได้จากพ่อของเขา แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วโปรตุก้าจะจากไป แต่โปรตุก้าก็ยังคงอยู่ในใจเซเซ่ตลอดอย่างไม่มีวันลบเลือน

          ในส่วนความแตกต่างผู้เขียนได้แสดงไว้อยากชัดเจนในเรื่องของลักษณะนิสัยของพ่อและโปรตุก้านอกจากนี้ยังทำให้ผู้อ่านคล้อยตามเรื่องราวและตัวละครได้ชัดเจน ครบรสความรู้สึกเศร้า เสียใจ โกรธ หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ จึงกล่าวได้ว่าเรื่องต้นส้มแสนรักเป็นเรื่องราวที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจความรู้สึกตัวละครได้อย่างชัดเจนเพราะสามารถทำให้ผู้อ่านคล้อยตามได้ อีกทั้งยังเห็นบริบทสังคมที่โหดร้ายเช่นเดียวกับครอบครัวเซเซ่ที่ยากจะเข้าใจ

หมายเลขบันทึก: 688359เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2021 01:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มกราคม 2021 02:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท