มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาลจะมีการรังแกกันในการประเมิน
ความเชื่อนี้มาจากการไร้คุณธรรมของบุคคลในหน่วยงานรัฐที่เป็นส่วนราชการ และหวั่นกลัวกันต่อไปว่าจะลามมาถึงมหาวิทยาลัยในกำกับ การรังแกกันหรือไม่ขึ้นกับคุณธรรมของคนที่อยู่ในแต่ละสังคมรวมทั้งระบบบริหารจัดการ
ในสภาพที่สังคมไทยเป็นสังคมเปิดและจะถูกตรวจสอบมากขึ้น การวางระบบในมหาวิทยาลัยให้เกิดธรรมาภิบาล (Good Governance) และมีระบบการตรวจสอบ เป็นหลักประกันว่าพนักงานในระบบมหาวิทยาลัยในกำกับจะอยู่ได้และพัฒนาต่อไปด้วยความสามารถของตนเอง(merit system)
พนักงานในมหาวิทยาลัยในกำกับจะได้เงินเดือนสูง
การที่คนทำงานแล้วได้รับผลตอบแทนมากน้อยเพียงใด ขึ้นกับประสิทธิภาพของคนทำงานและประสิทธิภาพของระบบ ถ้าสามารถวางระบบให้มีประสิทธิภาพ ให้คนทำงานที่มีประสิทธิภาพ ค่าตอบแทนควรจะได้สูงตามเหตุผล
ถ้าพนักงานในมหาวิทยาลัยในกำกับจะได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้น เป็นเพราะพนักงานทำงานมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงขึ้น มีเกณฑ์และการประเมินที่ชัดเจน ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเพราะมีการเปลี่ยนสภาพ
การได้ค่าตอบแทนสูงขึ้นไม่ใช่วัตถุประสงค์และเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล แต่เราจะต้องตระหนักว่ามหาวิทยาลัยจะพัฒนาได้ อาจารย์และเจ้าหน้าที่จะต้องมีคุณภาพ มีสภาพแวดล้อมทางวิชาการและการทำงานที่ดี บุคลากรอุทิศตัวให้กับงาน ไม่กังวลเรื่องการหารายได้เสริมจากงานอื่นๆ
การเปลี่ยนแปลงเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ
การเปลี่ยนสถานภาพทางกฎหมาย
การเปลี่ยนแปลงเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับมีส่วนหลักสองส่วน คือ การเปลี่ยนสถานภาพทางกฏหมายของมหาวิทยาลัยและบุคคล และการเปลี่ยนกระบวนทัศน์และวิธีทำงานของบุคคล (และระบบในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผลผลิตของบุคคล)
ผมพบว่ามหาวิทยาลัยของรัฐหลายแห่งใช้เวลามาก เตรียมตัวเพื่อเปลี่ยนสถานภาพทางกฎหมายของมหาวิทยาลัยและบุคคล เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมร่างพระราชบัญญัติ กฎระเบียบด้านบุคลากร วิชาการ การเงินและทรัพย์สิน
ผมเห็นว่ามหาวิทยาลัยใช้เวลาน้อยมากในการเตรียมเปลี่ยนกระบวนทัศน์และวิธีทำงานของคน การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงคือการเปลี่ยนแปลงในตัวบุคคล ในตัวระบบ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสถานภาพทางกฎหมายของมหาวิทยาลัยหรือสถานภาพทางกฎหมายของบุคคล ถ้าเราเปลี่ยนเฉพาะสถานภาพทางกฎหมายก็คงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง การเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐจะไม่เกิดประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยและสังคม
การเปลี่ยนกระบวนทัศน์และวิธีทำงาน
เพื่อเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของคนในองค์กร มหาวิทยาลัยคงจะต้องมีเป้าหมายที่สูง ให้คนร่วมคิดและร่วมปรารถนาที่จะไปถึงร่วมกัน มิฉะนั้นคนจะนึกถึงผลประโยชน์ส่วนบุคคล (ซึ่งก็เป็นของปกติเพราะยังเป็นปุถุชนอยู่) โดยไม่นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ขององค์กรหรือประโยชน์ระดับที่สูงกว่า การเปลี่ยนกระบวนทัศน์นี้คงจะมากับการสร้างเป้าหมายว่า มหาวิทยาลัยที่พึงปรารถนา
เมื่อมีการเปลี่ยนสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับแล้วเป็นอย่างไร
ติดตาม การมีคำตอบเพื่อลดความกลัวการเปลี่ยนแปลง ตอนต่อไป....
ไม่มีความเห็น