[review] รีวิว The Haunting of Bly Manor (2020 Netflix Original) บลายเมเนอร์ บ้านกระตุกวิญญาณ


รีวิว The Haunting of Bly Manor (2020 Netflix Original) บลายเมเนอร์ บ้านกระตุกวิญญาณ

ดูคลิปรีวิวได้ที่ Youtube : Super Review Channel

.....

หากใครเคยประทับใจกับความหลอนและวีธีการเล่าเรื่องแบบขั้นสุดใน The Haunting of Hill House ที่ฉายทาง Netflix มาแล้ว ก็ต้องรู้สึกตื่นเต้นกับ The Haunting of Bly Manor หรือ บลายเมเนอร์ บ้านกระตุกวิญญาณ ว่า จะต้องมีความน่ากลัวเป็นทวีคูณ ครั้งนี้ไมค์ ฟลานาแกนยังคงขึ้นแท่นโปรดิวเซอร์ เขียนบทเอง และกำกับเองจากประสบการณ์ที่เคยสร้างมานั้น น่าจะสร้างความหลอกหลอนแบบทวีคูณ เชื่อว่าหลายคนคงจะคาดหวังว่านี่ต้องเป็นซีรีส์สยองขวัญขั้นสุดแน่นอน

The Haunting of Bly Manor เปิดเรื่องมาด้วยบรรยากาศงานแต่งงาน ในคืนวันงานเลี้ยง เจ้าสาวและบรรดาแขกนั่งล้อมวงกันเล่าเรื่องผี ผู้หญิงรุ่นใหญ่คนหนึ่งเล่าว่าเธอมีเรื่องเล่าเช่นกัน แม้จะไม่ได้เจอด้วยตัวเองแต่ก็มีความน่ากลัว และมันไม่ใช่แค่ผีตัวเดียวมันเป็นผีหลายตัว ทุกคนก็อยากให้เธอเล่าเธอ จึงเริ่มเล่า โดยเรื่องเกิดขึ้นที่ลอนดอนประเทศอังกฤษในปี 1987

เครย์ตัน ครูสาวคนหนึ่งเดินทางไปที่ลอนดอนเพื่อใช้ชีวิตแบบสันโดษ เธอทำงานในคฤหาสน์หลังหนึ่ง โดยท่านลอร์ดเฮนรี่ เกรฟ เป็นผู้ว่างจ้างให้เลี้ยงหลานสองคน เธอต้องทำงานเต็มเวลากินนอนอยู่ที่นั้น อยู่ในบลาย คฤหาสน์หลังงามตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในชนบทกับไมลล์และฟลอร่า เด็กสองคนที่มีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไป เป็นเด็กที่พ่อแม่เสียชีวิต และรวมถึงพี่เลี้ยงคนเก่าก็ตายอย่างปริศนาในคฤหาสน์

เมื่อเครย์ตันเดินทางมาถึงคฤหาสน์ เธอก็ได้พบกับไมลส์และฟลอร่า ดูเป็นเด็กปกติดี น่ารัก สดใส ร่างเริง มิตรสัมพันธ์ดี และพบกับแม่บ้าน พ่อครัวและคนสวนที่ดูปกติดีทุกอย่าง เธอรู้สึกอบอุ่นเมื่อเดินเข้ามาในบลาย

ในคืนแรกที่เธอเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ก็มีบางอย่างทำให้แปลกใจเช่น เธอรู้สึกว่าเด็กทั้งสองคนนั้นเห็นอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ฟลอร่าเหมือนว่าจะสื่อสารกับอะไรบางอย่าง แถมบ้านตุ๊กตาของเธอยังมีตุ๊กตามาก การจัดวางตุ๊กตาก็ต้องอยู่ในที่ที่จำกัด ห้ามมีการเคลื่อนย้าย

แต่ประหลาดใจที่สุดก็คือฟลอร่าได้ให้เครย์ตันสัญญาว่า เมื่อเข้านอนแล้ว ตอนกลางคืนห้ามออกมานอกห้องเด็กขาด จะต้องอยู่ในห้องนอนจนถึงตอนเช้า

แต่แน่ละเครย์ตันไม่ทำตามแน่นอน เธอนอนไม่หลับ เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างเรียกร้องให้เธอออกจากห้อง จากนั้น เรื่องความสยองขวัญก็ค่อยเผยตัวขึ้นมาเป็นลำดับ ทุกอย่างนั้นมันก็เกิดขึ้นจากคำสาปบางอย่างในบลายเมเนอร์

ซีรีส์เสียเวลานะนำตัวละครและปมปัญหาต่าง ๆ แทบจะตอนละตัว ในช่วงตอนที่ 1 - 4 ทำให้รู้สึกว่ามันช้าและอืดไปหน่อย หลายจังหวะนี่ทำให้รู้สึกง่วงออกไปทางน่าเบื่อ หลายคนอาจท้อและเลิกดูไปได้เลย

เครย์ตันเป็นตัวแทนของคนดู เราจะรู้เรื่องทุกอย่างจากประสบการณ์ของเธอแทบทั้งสิ้น เริ่มต้นจากที่เครย์ตันเธอเห็นผีตนหนึ่งตามเธอตลอดเวลา และจะเห็นจากการสะท้อนในกระจกเกือบทุกครั้ง

เธอคือตัวละครที่เข้าสูตรหนังสยองขวัญทุกอย่าง ถ้าห้ามไม่ให้ไปไหนเธอจะไป ห้ามเข้าส่วนไหนของคฤหาสน์เธอจะเข้า ถ้าไม่ให้เธอทำเธอจะทำ ถ้าสั่งให้เธอทำเธอจะไม่ทำ แถมยังมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นขั้นสุด ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ จะเป็นพฤติกรรมที่ทำให้คนดูได้รับรู้ไปพร้อมกับตัวละคเครย์ตันรู้ว่าคฤหาสน์บรายมีความลับอะไรซ่อนอยู่

เล่นกับความมืดและความเงียบได้เก่งมาก ดึงอารมณ์คนดูให้เข้าสู่ภาวะความหวาดกลัวได้เก่งมาก ใช้บรรยากาศได้เก่งมาก ๆ ทุกมุมของบ้านทุกห้องของบ้านรวมถึงสวนของบ้านนั้นเขาใช้ประโยชน์ได้ค่อนข้างดี มีความลับซ่อนอยู่อย่างมากมาย

แต่เสียดายที่ซีรีส์กลับไม่น่ากลัว ไม่หลอน ไม่ลุ้น และไม่ใช่หนังผีด้วยซ้ำกลายเป็นหนังอารมณ์ลึกลับซับซ้อนซะมากกว่า และหลายคนก็รู้สึกผิดหวังกับการคาดหวังของความเป็นหนังผีสยองขวัญ ซึ่งแน่นอนว่าใน The haunting of Hill House นั้น มันมาทางนั้นแบบสุดขั้วจริงๆ จึงไม่ผิดที่ใครหลายคนจะคาดหวัง และเมื่อไม่เป็นดั่งใจก็ผิดหวัง หลายคนทิ้งกลางทางเลยก็มี

การออกแบบผีก็ค่อนข้างใช้ได้ ในบ้านนี้มีผีหลายตัว แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือผีสาวจากบ่อน้ำ ที่เธอจะเดินเข้าบ้านในช่วงเวลาเดิมตลอด แม้ผีตัวนี้จะไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย แต่พฤติกรรมของเธอน่ากลัวมาก

แต่ก็ยังมีสิ่งปลอบใจคือ ผู้กำกับเริ่มปล่อยของในตอน 5 มีวิธีการเล่าเรื่องที่ดีขึ้น ตัดสลับดี และเริ่มเฉลยในหลายปม มีความสนุกมากขึ้น

สำหรับผม แม้เรื่องนี้จะไม่ได้นำเสนอในแง่หนังสยองขวัญ แต่ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด การตัดต่อ การลำดับเรื่อง ก็ทำให้เห็นว่า ไมค์ ฟลาเนแกนคือคนที่เล่าเรื่องเก่งที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว และในเรื่องนี้แม้จะมีจุดเอื่อย ๆ เนือย ๆ ไม้น้อย แต่เขาก็ยังเหมาะสมกับคำที่สตีเฟน คิงส์เคยชมว่า การเรื่องของเขาเข้าใกล้คำว่าอัจฉริยะ

สำหรับผมแม้เรื่องนี้จะไม่ได้นำเสนอในแง่หนังสยองขวัญ แต่มันก็งดงามราวกับงานวรรณกรรมชั้นดีที่มีความสละสลวยด้วยการใช้ถ้อยคำ ความพิถีพิถัน มีความดีงามในแง่ปรัชญาของหนัง ที่ว่าด้วยการยึดติด ทิฐิ การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏเต็มไปด้วยกิเลส มีความโรแมนติก สะเทือนอารมณ์ใช้ได้เลย

และถ้าหากคุณดูจนจบจะรู้เลยว่า ผู้กำกับเขาตั้งใจให้หนังเรื่องนี้อยู่ในทิศทางไหน เพราะเขาใส่ใปในหนัง ในบทสนทนาอย่างชัดเจน

ถ้าหากเราจะเอาเอาความสยองขวัญ เราอาจข้ามความงดงามที่เขาตั้งใจบรรจงใส่ไว้ตลอดทั้งเรื่อง และมันสงผลต่อตอนจบมหาศาล

การให้สีของหนังก็มีความงดงาม คุมโทนได้ดี มีความฟุ้ง เหมือนอยู่ในความฝัน มันดึงให้อารมณ์เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเห็นนั้น อะไรกันแน่คือความจริง และหนังเขาต้องการให้เรารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

โดยส่วนตัวแล้วผมชอบที่หนังมีวิธีการเล่าเรื่องในแบบนั้น แม้จะมีความเอื่อยและความน่าเบื่อ แต่มันก็เป็นไปตามวิถีที่ควรเป็น ชอบตอนที่เขาเล่าย้อนกลับไปในช่วงต้นเหตุของเหตุการณ์อาถรรพ์ทั้งหมด ชอบวิธีการสรุปของเรื่องที่เขาขยี้อารมณ์และความรู้สึกของตัวละครได้ดีมาก ทำให้เห็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์นั้นมันส่งผลต่อตัวละครหลักของเรื่องอย่างไร

หากคนดูยึดติดอยู่กับว่านี่จะต้องเป็นหนังผีสยองขวัญ ที่จะเอาแต่ความน่ากลัวเป็นสรณะ คุณอาจข้ามที่จะได้สัมผัสความดีงามจาก The Haunting of Bly Manor

7/10

#MovieStationReview #สถานีหนัง

#SuperReviewChannel

#TheHauntingOfBlyManor

#NetflixOriginal

หมายเลขบันทึก: 687038เขียนเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2020 06:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2020 06:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท