"บ้าน"...ฉันไม่อยากอยู่ (2)


สถิติของคดีเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนอาจจะมากพอ ๆ กับการเกิดใหม่และการดับสลายของชีวิตก็ว่าได้ นี่คือปัญหาสังคมที่เกิดจากสถาบันที่เล็กที่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดที่เราเรียกว่า “ครอบครัว” แต่กลับกลายสร้างปัญหาสังคมที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติไปซะแล้ว

ต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว...
“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (1)


          “การสร้างบ้าน” ทำไมต้องขึ้นต้นบันทึกด้วยการสร้างบ้าน...เป็นคุณครูนะไม่ใช่สถาปนิกใจดีซะหน่อย...แต่คนนี้เป็นทั้งคุณครูและ สถาปนิกใจดี ส่วน พี่ "คนดีคนนี้" เป็นนักวิชาการทำโครงการครอบครัวเข้มแข็ง อ้าว!! เล่นโปรโมทกันขนาดนี้ครอบครัวไม่อบอุ่นให้มันรู้ไป...ใครเป็นใครคลิ๊กเข้าไปดูกันเอง...เอ๊ะ!! แล้วเจ้าของบันทึกเป็นคุณครู ครูก็ต้องสำคัญมากเลยแหละในการสร้างบ้านสร้างครอบครัวให้น่าอยู่ ก็เพราะการสร้างบ้านคือ การสร้างชีวิตและรองรับชีวิตใหม่ที่จะเกิดขึ้น ให้การอบรมสั่งสอนชีวิตใหม่ที่จะเกิดขึ้นและดำเนินชีวิตอยู่อย่างสวยงาม นี่ถือเป็นการล้อมรั้วสร้างครอบครัวให้เข้มแข็งเลยนะ และครอบครัวจะแตก จะร้าว จะรั่วหรือไม่ ก็อยู่ที่ความสัมพันธ์ของคนในบ้านนั่นแหละ หากครอบครัวเข้มแข็งอบอุ่นทุกอย่างก็มั่นคง ครอบครัวถือเป็นสถาบันที่สำคัญยิ่งในการสร้างชีวิตใหม่อันหล่อหลอมทุกสิ่งทุกอย่างให้มนุษย์ได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และครอบครัวก็เป็นต้นเหตุแห่งปัญหาต่าง ๆ มากมายด้วยเช่นกัน

          เด็กและเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่มีความบกพร่องทางด้านจิตใจอันสืบเนื่องมาจากปัญหาทางด้านครอบครัว บ้านแตก พ่อแม่หย่าร้าง ทำให้ลูกขาดความรักความอบอุ่น และต้องแสวงหาสิ่งที่ขาดจากแหล่งที่เขาคิดว่าจะมีให้เพื่อมาเติมเต็ม หากเขาหาส่วนที่ขาดนั้นเจอและนำมาเติมเต็มได้ก็นับว่าชีวิตโชคดีไป แต่ส่วนใหญ่ยิ่งแสวงหากลับยิ่งพบว่าตนเองยิ่งขาดมากยิ่งขึ้น จึงก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย มีเด็กและเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่รวมตัวกันโดยการตั้งแก๊งอันธพาล เพื่อเรียกร้องส่วนที่ขาดจากครอบครัวโดยสื่อผ่านทางสังคม ด้วยการหันมาทำกิจกรรมที่สังคมไม่ยอมรับเพื่อให้ตนเป็นที่ยอมรับในสังคม จะเห็นได้ว่าเกิดคดีต่าง ๆ ขึ้นมากมายแค่ช่วงกระพริบตาของแต่ละวันสถิติคดีเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนอาจจะมากพอ ๆ กับการเกิดใหม่และการดับสลายของชีวิตในแต่ละเสี้ยววินาทีก็ว่าได้ นี่คือปัญหาสังคมที่เกิดจากสถาบันที่เล็กที่สุด มีความสำคัญมากที่สุดที่เราเรียกว่า “ครอบครัว” แต่กลับกลายสร้างปัญหาสังคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระดับชาติไปซะแล้ว

          เด็กและเยาวชนที่กระทำผิด และต้องโทษพวกเขาเหล่านั้นจะไปไหน? อยู่กันอย่างไร? มีใครหรือหน่วยงานใดในสังคมรับผิดชอบชะตากรรมของพวกเขาเหล่านั้นบ้าง...สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เป็นสถานที่ที่มีหน้าที่ให้การสงเคราะห์คุ้มครองและแก้ไขพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนที่ต้องคดีอาญา ทั้งก่อนและหลังการพิจารณาพิพากษา ซึ่งมีหน่วยงานต่าง ๆ ในที่นี้ดิฉันของใช้คำว่า “บ้าน” ซึ่งเขาอาจตั้งชื่อให้ดูอบอุ่นคุ้มครองปกป้องผู้กระทำผิดฟังดูก็น่าอบอุ่นดีนะคะ ไม่โหดร้ายทางด้านจิตใจเท่ากับคำว่า “คุก” มาดูลักษณะบ้านที่ว่านะคะว่ามีหน้าที่ให้ความปกป้องคุ้มครองอย่างไรกันบ้าง

          บ้านหลังแรก เป็นบ้านรับขวัญค่ะ เรียกว่า “บ้านเมตตา” มีการบริการบ้านพักแก่เด็กและเยาวชนที่ต้องหาคดีอาญาเป็นครั้งแรก ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนหรือพิจารณาของศาลค่ะ ทำการพิเคราะห์เบื้องต้นเกี่ยวกับความประพฤติและบุคลิก เพื่อที่จะรายงานต่อไปยังสถานพินิจฯ เสนอศาลเพื่อพิจารณาพิพากษาอีกครั้งค่ะ ในระหว่างรอก็จะมีการบริการด้านการศึกษาวิชาสามัญถึงระดับประถมปลาย และวิชาชีพเบื้องต้น ควบคู่กับการอบรมบ่มนิสัยด้วยจริยศึกษาค่ะ
          บ้านหลังที่สอง เป็น “บ้านกรุณา” ให้อยู่เฉพาะเด็กและเยาวชนชายที่ศาลสั่งให้ฝึกอบรมแก้ไขความประพฤติค่ะ บริการด้านการศึกษาและฝึกอบรมมีการสอนวิชาสามัญถึงระดับประถมปลาย ฝึกวิชาชีพทางด้านช่างประเภทต่าง ๆ ควบคู่จริยศึกษาค่ะ แถมวิชาพลศึกษาให้ด้วย แก้ไขความประพฤติผิดปกติ จบออกไปก็จะจัดหางานให้ค่ะ
          บ้านหลังที่สาม คือ “บ้านอุเบกขา” รับเฉพาะเด็กและเยาวชนชายค่ะ ซึ่งศาลสั่งให้กักและอบรม จะมีการฝึกอย่างเข้มงวดในเรื่องของระเบียบวินัย  ส่วนมากเด็กเหล่านี้จะเคยผ่านการฝึกจากบ้านกรุณามาแล้ว แต่ไม่ได้ผลหรือมีความประพฤติผิดปกติมากก็เลยส่งต่อมาบ้านหลังนี้ ส่วนบริการด้านการศึกษาและฝึกอบรมจะเหมือนกับบ้านกรุณาค่ะ
          บ้านหลังสุดท้าย คือ “บ้านปรานี” ทำการฝึกและอบรมเฉพาะเด็กและเยาชนหญิง ที่ศาลมีคำสั่งให้อบรม มีการฝึกวิชาชีพ ประเภทเย็บ ปัก ถัก ร้อย เสริมสวย และให้การศึกษาวิชาสามัญในระหว่างการสอบสวนและพิจารณาคดี เช่นเดียวกับบ้านเมตตาและบ้านกรุณาค่ะ

เป็นไงค่ะ...เลือกบ้านให้ลูก ๆ หลาน ๆ คุณได้หรือยังค่ะ แต่ดิฉันว่า “บ้านเรา” อบอุ่นที่สุดใช่ใหมค่ะ

เอกสารอ้างอิง :  สุชา  จันทน์เอม  จิตวิทยาเด็กเกเร

หมายเลขบันทึก: 68456เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2006 19:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
แวะมาเยี่ยมค่ะ ขอสมัครอยู่บ้านตัวเองดีกว่า ยังจดๆจ้องๆอยู่ค่ะว่าจะเขียนอะไรดี เพราะต้องดูแลที่ learners.in.th ด้วย แอบมาสังเกตการณ์ค่ะ มีคนคอยกระตุ้นอย่างนี้คงได้เขียนในเร็ววันนี้ค่ะ
แล้วแต่ว่าใครจะชอบบ้านหลังไหนครับ (เลือกกันเอาเอง) ผมคิดว่าทุกบ้านน่าอยู่หมด ถ้าที่นั่นสามารถตอบสนองกิเลสเราได้ โดยเฉพาะ "ความสุข" ที่ทุกคนก็ต่างแสวงค้นหาให้ได้มา ขอให้เป็นการแสวงหาที่บริสุทธิ์ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนตามมาก็แล้วกัน จริ๊งมั้ยครับผม
  • เคยไปที่บ้านสงขลาและบ้านเมตตา
  • พยายามเปรียบเทียบกันว่ามีอะไรแตกต่าง
  • ทำให้ปลง จิต ปลงใจหลายๆอย่างอยากช่วยหลายๆท่านมาก
อ.ลูกหว้า ค่ะ เมื่อสักครู่ Vij ได้แวะเข้าไปดู อาจารย์ที่ learners.in.th มาแล้วเหมือนกันค่ะ ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ...แต่ยังไงก็จะรออ่านนะคะ

คุณ พรหมลิขิต คะ อย่าชอบบ้านหลังนั้นนะคะ...บ้านเล็กบ้านน้อยน๊ะ ใช่ค่ะอยู่บ้านไหนก็ได้ขอให้บ้านหลังนั้นมีแต่ความสุข และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เห็นด้วยอย่างแรง...นิ

ขอบคุณนะคะที่เข้ามา ลปรร. กัน

คุณ ขจิต ฝอยทอง  อ่าน คห. นี้ของคุณ "ขจิต" ฟังน้ำเสียงแล้วเศร้า ๆ ชอบกลค่ะ (อุ้ย!! ฟังน้ำเสียง) ไม่เศร้านะคะไม่เศร้า แต่ช้าแต่...

ดึกแล้วนอนหลับฝันดีค่ะ

  • พรุ่งนี้ไปชายแดนใช้ gotoknow ไม่ได้อย่าตกใจว่าหายไปไหนนะครับ
  • ขอบคุณมากครับ
  • หลับฝันดีเช่นกันครับ

ขอบคุณค่ะที่แจ้งข่าว...นี่ถ้าไม่มาแจ้งมานะคงชะเง้อหากันจนคอยาวกว่าเดิมแน่เลยค่ะ

ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ

แล้วบ้านมุทิตา หายไปไหนหลังนึงครับ

เหงา เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย อยากให้ใครซักคนมากอดนานๆ T T

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท