ไม่เอาหูไปรองเกี๊ยะ(๑)


ขอบใจmoomiที่เคยเขียนเรื่องเล่าธรรมะทำให้มีข้อคิดและมีสติยับยั้งไม่ถือเอามลพิษทางเสียงมากลายเป็นทุกข์

moomiกับป้าบวมเขาเขียนบันทึกเล่าเรื่องธรรมะที่เขาอ่านมาจากหนังสือธรรมะก่อนนอนของท่าน ว...ฉันชอบและติดใจเรื่อง"ไม่เอาหูไปรองเกี๊ยะ"เพราะเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดจริงๆว่า..บางทีถ้าเราพลั้งเผลอและไม่รู้จักใคร่ครวญ คอยแต่จะตอบสนองต่อผัสสะที่มากระทบทั้งหลายซึ่งถ้าเป็นสิ่งที่ทำให้สุขสบายหรือเพลิดเพลินเราก็ติดจมอยากอยู่กับสภาพนั้นนาน การเปลี่ยนสถานภาพไปจากสิ่งเดิม ความเคยชินเดิมก็อาจทำให้เราตีความหรือให้ความหมายว่าเป็นทุกข์ทั้งที่จริงๆมันอาจเป็นสิ่งไม่สุขไม่ทุกข์เป็นกลางๆก็ได้แต่เรากลับไปมองเป็นแบบเหรียญสองด้านหรือแบบไม่ได้ก็เสียไปซะอย่างงั้น..

     เหมือนอย่างคนที่ติดความสงบเมื่อต่อมามีคลื่นซ่าคลื่นแทรกทำลายบรรยากาศสงบให้ลดน้อยลงไปจากเดิมก็เกิดความคับข้องเกิดอึดอัดขัดใจกลายเป็นความทุกข์..

วิธีการที่ชอบทำหรือเคยชินที่จะทำก็คือ..ค้นหาแหล่งที่มาของเสียงหรือตัวการสำคัญอันทำให้มีเสียงดังหรือความไม่สงบเกิดขึ้น...

เมื่อเจอแล้วก็คิดหาวิธีป้องกัน ป้องปรามกำหราบ กำจัด เพื่อให้เกิดการกลับคืนสู่สภาพเดิมที่คุ้นชินโดยเร็ว..

ทำได้ก็มีความสุขอิ่มเอิบใจแต่ถ้าทำไม่ได้ก็กลายเป็นทุกข์ใหม่อีกรอบ..

วนเวียนซ้ำซากอยู่กับการจัดและปรับกระบวนยุทธ์เพื่อธำรงรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมภายนอกอันคิดว่าน่าพึงประสงค์ให้อยู่ด้วยกันนานๆ...

     นานจนบางครั้งเราลืมฉุกคิดถึงทางลัดในการมีสุขที่ง่ายและเร็วกว่าวิธีแก้/สร้างสุขแบบแรก..ซึ่งก็คือปรับใจปรับความเคยชินในการคิดที่จุดรับสัมผัสในใจของตัวเอง..ได้ยินเสียงดังทำลายภาวะสงบที่ชอบก็แค่รับรู้ว่ามันมีสิ่งมากระทบเกิดขึ้นแต่ไม่ต้องไปตีความขยายความมันว่ามันคือสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบ..ใจมันก็เป็นกลางได้มากขึ้น รู้จักและอยู่ได้อย่างไม่บวกไม่ลบ..คล้ายๆกับเป็นการลดไฟในเตาให้มันเย็นลง.....

หมายเลขบันทึก: 68273เขียนเมื่อ 19 ธันวาคม 2006 23:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ได้ข้อคิดเตือนสติดีจังค่ะ ให้สรรพสิ่งที่อยู่รอบกายเป็นกลางไม่บวกไม่ลบ ทุกอย่างทางสายกลางไม่ซ้ายจนเกินไปไม่ขวามากเกิน คิดได้อย่างนี้หาความสุขได้ไม่อยากจริง ๆ ค่ะ แต่คนเรามักตกหลุมแห่งกิเลสค่ะ หลงรูป รส กลิ่น เสียง จนหาทางแห่งความสุขไม่ค่อยจะเจอ ยึดติดมากเกินไปทำให้ใจทุกข์ ก็นี่แหละหนามนุษย์วนเวียนวกวนในห้วงแห่งการคิดคำนึง วนแล้ววนอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าความทุกข์จึงเวียนวนไม่รู้จักจบจักสิ้น หากไม่รีบปราบเจ้าทุกข์ตัวร้ายรังแต่จะกัดกินใจให้หมองไหม้ลงทุกขณะจิต

มองทุกอย่างอย่างไม่ยึดติด ไม่บวกไม่ลบเป็นสุขที่ใจที่เราแทบมองกันไม่คอยเห็นเพราะไฟกิเลสมันร้อนจนนึกอะไรไม่ค่อยได้...ขอบคุณนะคะสำหรับการลดไฟในตัวให้เย็นลง

คงต้องขอให้เป็นเพื่อนร่วมทางกันนานๆนะค่ะเพราะว่าตอนที่สองจะขอเล่าประสบการณ์เรื่องไม่เอาหูไปรองเกี๊ยะของตัวเองและหรือของผู้อื่นที่เคยได้ยินได้ฟังมาพอเป็นอุทาหรณ์สอนใจค่ะ..

เมื่อเช้าก็เกือบเอาหู(ตัวเอง)ไปรองเกี๊ยะคนอื่นเหมือนกัน แต่ดีว่าคุณสติ ท่านออกมาเตือนได้เร็ว ก็เลยไม่เจ็บหู...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท