บันทึกนี้เป็นกระทู้ที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของโรงพยาบาลได้เขียนขึ้น เป็นอีกมุมหนึ่งที่คนทำงานต้องประสบกับปัญหาเรื่องคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไร ก็เป็นไปตามกฎทองสำหรับผู้บริหารข้อหนึ่งที่ว่า "คนที่ไม่เชื่อ อย่างไรก็ไม่เชื่อ" ผมก็เลยนำมาลงในBlogให้ผู้อ่านได้อ่านกัน สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ผมได้นำคำว่า NATO, AFTA (เขียนไว้ในblogแล้ว) มาใช้ ก็เพราะเจอกับปัญหาจริงแบบนี้ละครับ บ่อยครั้งก็รู้สึกท้อเหมือนกันเพราะการพยายามทำงานให้ดีมากกว่าปกติก็จะเจอกับแรงต้านของคนบางคน แต่พอมองไปเห็นคนส่วนใหญ่ที่พร้อมจะก้าวไปกับเราก็จะเกิดพลังใจขึ้นมา นอกจากนี้พลังใจจากชาวบ้านที่คอยส่งให้อยู่เสมอ ก็ทำให้ผูกพันอยู่กับโรงพยาบาลบ้านตากได้นาน แม้จะต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคหลายๆเรื่องก็ตาม ลองดูรายละเอียดในกระทู้นะครับ
1.
ท่านคิดว่าการพิจารณาความดีความชอบที่ผ่านมา เหมาะสมหรือไม่
กรรมการทุกคนได้มีข้อมูลใช้ประกอบการพิจารณาครบถ้วนหรือไม่
สามารถบอกได้หรือไม่ว่าคนที่ได้ ดีเด่นอย่างไร
หรือแค่เพราะคะแนนโหวตมากสุดเท่านั้น
คิดว่าต่อไปจะดำเนินการแบบเดิมต่อไปหรือไม่
2. การประเมินแบบ 360
องศาท่านคิดว่าทำได้อย่างครบถ้วนถูกต้องตามที่ควรจะเป็นแล้วหรือไม่
มีการประเมินทั้งขาขึ้นและขาลงอย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่
3.
ท่านคิดว่าการประเมินความดีความชอบเป็นไปเพื่อให้เป็นขว้ญและกำลังใจของคนทำงานดี
หรือเป็นไปเพื่อคนประจบสอพลอไม่เฉพาะตัวท่าน
กรรมการบริหารทุกคนบริสุทธิใจไม่ได้เข้าข้างพวกตัวเองหรือเฉพาะคนที่ประจบสอพลอคณะกรรมการบริหารเก่งเท่านั้น
4.
ท่านคิดว่าคณะกรรมการบริหารทุกคนมีความเหมาะสมในตำแหน่งหรือไม่(มีความรู้ความสามารถ
หรือว่าดูแค่อาวุโส) ถ้าเป็นบอร์ดบริหารองค์กรเอกชน
หรือบริษัทเอกชนจะเอาไว้ทำพันธ์หรือไม่
5. ท่านคิดว่าท่านมีความเป็นกลางในการทำงานแค่ไหน
6. นโยบายผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางที่เขาบอกว่าเป็นหัวใจในการทำงาน
ท่านคิดว่าได้พัฒนาศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยได้ดีตามความต้องการของผู้มารับบริการแล้วหรือยัง
องค์กรแพทย์ได้ทำงานอย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง ระบบต่าง ๆ เหมาะสม
ตัวชี้วัดที่ท่านนั่งดูทุกวัน
มั่นใจได้อย่างไรว่าไม่ได้มาจากการนั่งเทียนเขียนเสนอขึ้นมา
มีระบบอะไรในการตรวจสอบตัวชี้วัดต่าง ๆ
ว่าไม่ได้มาจากการMakeข้อมูล
7.ระบบครุภัณฑ์ของโรงพยาบาลทุกวันนี้
สามารถบอกได้หรือไม่ว่าครุภัณฑ์แต่ละชิ้นได้มาเมื่อไร
จะหมดอายุเมื่อไร มีเลขกำกับครบหรือยัง หรือว่าปล่อยไปเรื่อย ๆ
8. การที่ท่านตระเวนบรรยายตามหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
โรงพยาบาลบ้านตากได้ประโยชน์อะไร
ถือว่าใช้เวลาราชการไปในงานส่วนตัวหรือไม่ ใช้รถหลวง
เวลาราชการค่าวิทยากรใครได้
9.
ทราบมาว่าปัจจุบันพ่วงเอาภรรยาไปร่วมบรรยายด้วยจริงหรือไม่
คำตอบของผม ดูจะดุเดือดไปนิดนะครับ สำหรับคำตอบเพื่อให้สมกับคำถามของผู้ถาม
แค่อ่านคำถามก็มองออกแล้วว่าใครถาม
ฝากคนถามส่องกระจกหรือถามคนอื่นๆส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลดูว่า
เขารู้สึกอย่างไรกับคุณด้วย
1. คนบางคนมองแต่ตัวเองเท่านั้น ไม่เคยมองว่าคนอื่นก็มีความสามารถ
หากการพิจารณาความดีความชอบทำโดยตัวผู้อำนวยการคนเดียวก็โทษว่าคนที่ได้เป็นเด็กของผอออบ้าง
คนที่ได้ประจบสอพลอบ้าง
แต่เผอิญว่าตั้งแต่ผมเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตากมานี่ใช้ระบบคณะกรรมการบริหารพิจารณาทั้งหมด
แต่คนถามเองก็มักไปพูดกับคนโน้นคนนี้ว่าผมลำเอียง
ทั้งที่ผมใช้ระบบกลุ่มในการตัดสินโดยที่ตัวผมเองไม่เคยออกเสียงด้วยซ้ำ
ในสายตาของคุณจึงคิดว่าคนที่ได้ไม่เคยเหมาะสมเลย
แม้จะมีการช่วยกันพิจารณาตั้ง 15 คน
กลายเป็นว่าคนที่ได้ความดีความชอบไม่ดีในสายตาคุณอย่างนั้นหรือ
การให้สิทธิกับกรรมการบริหารทุกคนที่ผมเชื่อมั่นว่าเขามีความสามารถ
มีความคิดในการตัดสินใจตามที่เขามองเห็นโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องไปควบคุมเขาด้วยกฎเกณฑ์นานาประการ
การเปิดกว้างโดยที่ไม่เก็บอำนาจไว้ที่ผู้อำนวยการคนเดียวไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมหรือ
การพิจารราความดีความชอบจะยังคงใช้ระบบกลุ่มกรรมการบริหารในการพิจารณาต่อไป
แม้ผลจะทำให้คนบางคนไม่พอใจเพราะไปทำอะไรๆไว้กับคนอื่นไว้เยอะก็ถือว่าส่วนน้อย
2. การประเมิน 360 องศา ที่ทำยังมีข้อบกพร่องแน่นอน
คงไม่มีอะไรสมบูรณ์ การเรียนรู้ย่อมต้องมีการปรับปรุงขึ้น
แต่น่าแปลกคนบางคนลูกค้าภายในประเมินแล้วกลับไปโกรธ
ไปคอยหาเรื่องอีกว่าเขาลำเอียง การพิจารณาจากผู้บริหาร
ผู้ปฏิบัติด้วยกัน ผู้ใต้บังคับบัญชาและลูกค้า ก็น่าจะครบแล้วนะครับ
แต่การให้ผู้ปฏิบัติทุกคนไปประเมินหัวหน้างานอื่นๆที่ไม่ใช่งานของตนเอง
ไม่น่าจะใช่การประเมินที่ถูกต้อง
และทุกคนควรจะรู้หน้าที่ที่เหมาะสม
3. ผมเชื่อมั่นว่ากรรมการบริหารทุกคนเป็นกลางและมีวุฒิภาวะเพียงพอ
แต่คนที่ได้ความดีความชอบน้อยกว่าคนที่ไม่ได้
จึงทำให้ดูเหมือนมีคนไม่พอใจ คนที่ได้เท่านั้นที่พอใจ
นี่เป็นสัจธรรมเสมอ เหมือนข้อ 1 ถ้าคุณได้คุณก็จะบอกว่าฉันเหมาะสม
แต่พอคนอื่นได้คุณบอกว่าเขาประจบกรรมการบริหาร
แต่ถ้าเป็นการประจบเขาก็ประจบเก่งมากนะเพราะระบบการให้คะแนนเป็นระบบWeighting
scale คงต้องประจบให้ได้ทั้ง 15
คนแล้วให้เขาคิดเหมือนกันคะแนนประเมินจึงจะได้สูง
ผู้อ่านทานอื่นคิดว่าเป็นไปได้ไหม
4.
ผมเชื่อมั่นว่ากรรมการบริหารทุกคนมีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ตรงนี้
แม้จะไม่ได้มีความสามารถสุดยอดทุกคน
ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครสมบูรณ์เพรียบพร้อม
เพราะตัวผมเองก็ไม่ได้มีความสามารถเพรียบพร้อมเช่นกัน
การดูถูกคนอื่นคงไม่น่าใช่สิ่งที่วิญญูชนพึงกระทำโดยเฉพาะการเขียนเผยแร่อย่างนี้โดยใช้นามแฝง
เป็นการเอาความรู้สึกของตนเองที่ไม่ได้สมใจตน มาพ่นใส่คนอื่น
คนที่ถามนี่ถ้าขอย้ายไปอยู่ที่อื่นรับประกันได้เลยว่าไม่มีใครที่ไหนรับหรอก
และเชื่อว่าไม่กล้าย้ายเพราะคนอื่นๆเขารู้พฤติกรรมกันหมดแล้ว
5. ในการทำงานของผม พยายามลดอคติเพราะชอบ ไม่ชอบ
ซึ่งเป็นความรู้สึกของปุถุชน
ผมจึงใช้การพิจารณาในระบบคณะกรรมการทั้งหมด
เพื่อให้มีความเป็นกลาง
6. เราพยายามตอบสนองให้ได้มากที่สุดตามศักยภาพที่สามารถทำได้
แต่ไม่เชื่อว่าจะมีที่ไหนทำได้ทุกเรื่อง
การกำหนดตัวชี้วัดเป็นการกำหนดแนวทางติดตามผลงานอย่างคร่าวๆ
ไม่ใช่การทำวิจัย อาจมีความคลาดเคลื่อนบ้าง ซึ่งผมยอมรับได้
เพราะผู้บริหารไม่จำเป็นที่ต้องมีข้อมูลละเอียดเป๊ะๆถึงจะตัดสินใจได้
โดยเฉพาะการบริหารยุคใหม่ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย
ที่สำคัญเมื่อใครรับผิดชอบอะไรแล้วผมก็จะเชื่อใจไว้ใจเขา
แม้จะมีความผิดพลาดบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้
เพื่อที่จะปรับตัวไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น
7. ระบบครุภัณฑ์ได้พยายามทำให้มีข้อมูลจัดเก็บมากขึ้น
แม้จะยังไม่สำเร็จสมบูรณ์นัก เพราะคนที่รับผิดชอบเองก็มีงานหลายด้าน
ผมจึงไม่เร่งรัดมากนักแต่เขาได้ทำอยู่เรื่อยๆ
จะให้สมบูรณ์แบบเหมือนกับคนบางคนที่วันๆงานไม่มากนัก
คอยง่วนอยู่กับการจับผิดคนอื่นคงไม่ได้
8.
การออกไปบรรยายทุกครั้งขออนุมัตินายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอย่างถูกต้อง
ค่าใช้จ่ายเบิกจากผู้จัดไม่ได้เบิกจากโรงพยาบาล เดือนหนึ่งไปไม่เกิน 4
ครั้ง สองปีมาแล้วผมไม่เคยลาพักผ่อนเลย ทำงานแต่เช้า
เลิกงานห้าโมงเย็น กลางคืนมาทำงานถึง 4-5 ทุ่ม
ทำอย่างนี้มาตั้งแต่มาอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านตาก
เมื่อเทียบกับการไปบรรยายประมาณ 3-4 ครั้งต่อเดือน
คงไม่ได้กินเวลาราชการไปมากเท่าไหร่กระมังครับ
การออกไปบรรยายให้หน่วยงานอื่นนั้นถามว่าโรงพยาบาลบ้านตากได้อะไร
ก็คงไมได้ตรงๆแต่การที่โรงพยาบาลได้รับการยอมรับ
ทำให้ได้รับเงินบริจาคมากขึ้นเอาแค่ช่วงปีนี้สามารถตั้งมูลนิธิโรงพยาบาลบ้านตากได้เกือบ
5 ล้านบาท การได้งบสนับสนุนจากแหล่งต่างๆมากขึ้น
การได้รับการสนับสนุนทางด้านวิชาการ และอื่นๆอีก
และอีกส่วนหนึ่งก็คือทุกที่ที่ไปก็คือประเทศไทย
ผมถือว่าสิ่งที่ผมทำก็คือการทำประโยชน์ให้กับประเทศไทย
ผมคิดว่าและวิญญูชนเองก็คงคิดได้ว่านี่ไม่ใช่การใช้เวลาราชการไปในงานส่วนตัว
ยกเว้นแต่คนที่คอยจ้องจะหาเรื่องคนอื่นเท่านั้น
สำหรับค่าวิทยากรชั่วโมงละ 600 บาท (ส่วนใหญ่ก็เชิญ 1-3 ชั่วโมง)
ไม่ได้ทำให้ผมอยากออกไปหาเงินเพราะปัจจัยนี้หรอกครับ
ผมไปบรรยายแต่ละครั้งต้องเตรียมบรรยายเป็นสัปดาห์อดหลับอดนอนหรือเสียเวลาพักผ่อนเพราะไม่เคยเตรียมในเวลาราชการ
ไปบรรยายครั้งหนึ่งปิดคลินิกส่วนตัวไป 2-3 วัน
เสียรายได้ไปมากกว่าค่าวิทยากรเยอะ(วันละ2-3พัน) เสียเวลาส่วนตัว
เสี่ยงกับการเดินทาง คิดแล้วOpportunity cost สูงกว่าเยอะ
แต่ที่ไปก็เพราะคิดว่าสิ่งที่ได้ประโยชน์นั้นคือคนไทยและประเทศไทย
ค่าเบี้ยเลี้ยงคนขับรถผมก็จ่ายเองไม่เบิกจากโรงพยาบาล
ค่าน้ำมันก็ไม่เบิกจากโรงพยาบาลและหลายครั้งก็ใช้รถส่วนตัวไปเอง
ขับเอง
เวลาเดินทางก็เดินทางหลังเลิกงานไปถึงเช้าบรรยายเย็นกลับวันรุ่งขึ้นมาทำงานต่อ
เป็นอย่างนี้มาตลอด
9. หากมีการเชิญระบุตัว เขาก็ต้องไป ก็เหมือนๆกับเจ้าหน้าที่คนอื่น
เท่าที่จำได้ก็มี 2 ครั้ง
หากมีการขอตัวหรือขอเชิญทีมให้ไปช่วยบรรยายที่อื่นผมก็อนุญาตทั้งหมด
เพราะถือว่าเป็นเครดิตของเจ้าหน้าที่เราเอง
เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความสามารถ ดังนั้นถ้าจะไปพร้อมกันกับผม
เขาก็ต้องมีหนังสือเชิญด้วย
ถ้าไม่มีถ้าจะไปก็ต้องลาไปและไม่ได้เบิกกับโรงพยาบาลด้วย
สามารถตรวจสอบได้ที่ฝ่ายบริหารว่าจริงหรือไม่
และตอนนี้เจ้าหน้าที่หลายคนที่มีความสามารถเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานอื่นก็จะถูกเชิญมากขึ้นทั้งในและนอกจังหวัด
กระทู้นี้อาจสื่อไปในทางที่โรงพยาบาลเสื่อมเสียชื่อเสียง
แต่ผมคิดว่าหากใจเราเป็นกลางก็ยินดีตอบกระทู้ที่ถามมา
โรงพยาบาลบ้านตากมีสิ่งดีๆมากมายที่เป็นที่ยอมรับ
เจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดรักและร่วมมือในการพัฒนาโรงพยาบาล
มีเพียงบางคน(น้อยมาก)ที่จะมีความคิดเชิงลบกับผู้อำนวยการ
กรรมการบริหารหรือทีมในโรงพยาบาล
ก็คงเป็นธรรมดาของโลกที่คงไม่มีหน่วยงานไหนที่มีแต่คนดีทั้งหมด
ตามที่ในหลวงท่านได้เคยมีพระบรมราโชวาทเตือนใจคนไทยไว้ว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้หมด
ผมอยู่โรงพยาบาลบ้านตากมานานจนรู้ว่าใครเป็นอย่างไร
ตอนแรกที่มาก็ไม่ตั้งใจจะอยู่นาน
แต่พออยู่ไปก็รู้ว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มีศักยภาพดีมากแต่ขาดคนนำ
แต่พอทำงานๆไปภายใต้ความสำเร็จหลายด้าน
ก็มีปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะคนบางคนที่เสียผลประโยชน์ ตามไม่ทัน
ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงไม่ทันก็คอยที่จะป่วนแต่เผอิญทีมของโรงพยาบาลส่วนใหญ่ดี
เราจึงพัฒนามาได้ทุกวันนี้
อ่านแล้วต้องบอกว่าขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ทั้งผอ.และทีมทำงาน ปัญหา/อุปสรรค เป็นเรื่องธรรมชาติ ทำได้ดีแล้วค่ะ ผลสำเร็จขององค์กรมีต้องมากมายที่มีให้ชื่นชม มลฤดี |
อ่านแล้วต้องบอกว่าขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ทั้งผอ.และทีมทำงาน ปัญหา/อุปสรรค เป็นเรื่องธรรมชาติ ทำได้ดีแล้วค่ะ ผลสำเร็จขององค์กรมีต้องมากมายที่มีให้ชื่นชม มลฤดี |
เป็นกำลังใจให้ครับ
แต่ที่รู้สึกประทับใจ คือ ไม่ว่าจะมุมมืด หรือมุมสว่าง หมอก็จะยกมานำเสนอให้สาธารณชนได้ลองใช้พิจารณาดูเอาเอง
เป็นกำลังใจให้ครับ
แต่ที่รู้สึกประทับใจ คือ ไม่ว่าจะมุมมืด หรือมุมสว่าง หมอก็จะยกมานำเสนอให้สาธารณชนได้ลองใช้พิจารณาดูเอาเอง
เพิ่งได้เข้ามาอ่านรู้สึกเห็นใจคุณหมอจริงๆและชื่นชมในสปิริตที่นำข้อมูลด้านลบมาเผยแพร่..เข้าใจดีค่ะคนที่ทำงานแล้วต้องมาโดนกระทู้แบบนี้...ขอเป็นกำลังใจให้อย่าท้อแท้กับคำพูดของคนที่ไม่ดีเลยนะคะ...และก้อคำตอบที่คุณหมอตอบนั้นใครๆอ่านแล้วก้อเข้าใจ..ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคุณหมอและภรรยาด้วยค่ะที่ไดทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมจริงๆ...ทำดีได้ดีค่ะ
เพิ่งได้เข้ามาอ่านรู้สึกเห็นใจคุณหมอจริงๆและชื่นชมในสปิริตที่นำข้อมูลด้านลบมาเผยแพร่..เข้าใจดีค่ะคนที่ทำงานแล้วต้องมาโดนกระทู้แบบนี้...ขอเป็นกำลังใจให้อย่าท้อแท้กับคำพูดของคนที่ไม่ดีเลยนะคะ...และก้อคำตอบที่คุณหมอตอบนั้นใครๆอ่านแล้วก้อเข้าใจ..ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคุณหมอและภรรยาด้วยค่ะที่ไดทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมจริงๆ...ทำดีได้ดีค่ะ
เป็นกำลังใจให้หมอครับ...
ขอบคุณมากครับที่ส่งกำลังใจมาให้ เป็นเรื่องปกติของการทำงานครับ ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่โรงพยาบาลบ้านตากแล้ว หลังจากกลับจากลาศึกษาต่อก็มาอยู่ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก