แผนการศึกษา พ.ศ. 2445 (25)


      ตามแผนการศึกษา  พ.ศ. 2445 จัดแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ลำดับคือ  สามัญศึกษา  และวิสามัญศึกษา 
   สามัญศึกษา (General Education) ได้แก่  การศึกษาต่างๆ  ในวิชาความรู้และการฝึกหัดอย่างใดๆ  ที่เป็นสิ่งสามัญ ที่บุคคลทุกคนควรมีควรรู้  สำหรับเป็นหนทางที่จะประกอบการหาเลี้ยงชีพ  และดำรงตนเป็นพลเมืองดีต่อไป  และเพื่อเป็นทุนในการที่จะศึกษาเล่าเรียนวิชาความรู้แขนงอื่นต่อไปอีก  ได้แก่ การรู้หนังสือ  รู้เลข  รู้ภาษาพูดกันให้เข้าใจดี  ให้มีศีลธรรม และวัฒนธรรมอันดี  เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของกรมศึกษาธิการ  

     การศึกษาสายสามัญศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ตอนคือ  การศึกษาชั้นต้น เรียกว่าประถมศึกษา  การศึกษาชั้นกลาง เรียกว่ามัธยมศึกษา  และการศึกษาชั้นสูง เรียกว่าอุดมศึกษา  ในชั้นประถมศึกษานั้น จะสอนวิชาความรู้สามัญ ได้แก่ ผู้ที่ยังไม่มีความรู้เลย ให้มีความรู้พอสมควรแก่การที่จะทำให้ผู้นั้นเป็นพลเมืองดี  ซึ่งทั้งนี้ย่อมแล้วแต่รัฐจะต้องการว่าจะให้มีความรู้ขั้นต่ำสุดในระดับใดเป็นเกณฑ์  ผู้ที่จบความรู้ชั้นประถมศึกษาแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรประโยค1 เป็นสำคัญ  มีทางเลือกสำหรับดำเนินชีวิตของตนเอง 3 ทางคือ  ทางที่ 1  ออกไปประกอบอาชีพตามความสมัครใจของตนตามภูมิลำเนา  เช่นทำสวน ทำนา ค้าขาย  ทางที่ 2  เรียนต่อในสายสามัญในชั้นมัธยมศึกษา เพื่อให้มีความรู้ทางสามัญสูงขึ้นไปอีก  และทางที่ 3  เรียนทางด้านวิสามัญศึกษาเข้าโรงเรียนชั้นประถมศึกษาพิเศษ  เรียนวิชาเฉพาะ หรือที่เรียกว่าวิชาชีพที่มีเปิดสอน

     ในชั้นมัธยมศึกษานั้นสอนวิชาสามัญต่อจากชั้นประถมศึกษาขึ้นไปจนมีความรู้ทางสามัญศึกษาพอสามารถที่จะประกอบทำการงานได้ ด้วยความรู้ที่เป็นกลางๆ   ที่ต้องการใช้ในวงการต่างๆ เช่น รู้วิชาหนังสือ  และเลข พอแก่การเป็นเสมียนได้หรือทำการค้าขายได้  หรือเป็นทุนสำหรับที่จะไปเล่าเรียนวิชาความรู้อื่นๆได้  โดยไม่ต้องไปเล่าเรียนวิชานั้นๆอยู่อีก  ใครสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรประโยค 2  ผู้ที่สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาแล้ว  ก็มีทางที่จะเลือกดำเนินชีวิตได้ 3 ทางเช่นเดียวกับผู้สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษา  คือออกไปประกอบอาชีพหรือไปเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาพิเศษทางวิชาวิสามัญหรือเรียนต่อในชั้นอุดมศึกษา

    ในชั้นอุดมศึกษา สอนวิชาชั้นสูงต่อจากชั้นมัธยมศึกษาขึ้นไปให้มีความรู้สูงขึ้น และสามารถที่จะทำงานได้ด้วยภาษาไทยและภาษาต่างประเทศบางภาษา(คือต้องรู้ภาษาอื่นอีกภาษาหนึ่งเป็นอย่างน้อย) เพื่อเป็นทุนสำหรับที่จะทำการงานได้กว้างขวางออกไป  หรือถ้าจะไปศึกษาวิชาพิเศษในประเทศอื่น  ก็จะไม่ต้องเสียเวลาไปศึกษาภาษาของประเทศนั้นอยู่อีกนาน  ผู้สำเร็จชั้นอุดมศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรประโยค 3  เป็นอันจบการ ศึกษาฝ่ายสามัญถึงชั้นอุดม  จะออกรับราชการก็ได้  จะเรียนต่อในชั้นอุดมศึกษาพิเศษในประเทศไทยหรือในต่างประเทศก็ได้ ตามความสมัครใจ

   วิสามัญศึกษา (Special or Technical Education) ได้แก่ การศึกษาวิชาความรู้หรือศิลปะการฝึกหัดอย่างใดๆ ซึ่งบุคคลทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความรู้  เว้นแต่ผู้ใดมีนิสัย มีความสามารถ ปรารถนาจะเรียนรู้ในวิชาเฉพาะสิ่ง เฉพาะอย่าง  เพื่อเป็นทุนเป็นเครื่องมือไปประกอบอาชีพ การงานอย่างนั้นๆ  เช่นเรียนเป็นช่าง  เป็นแพทย์  เป็นครู  เป็นข้าราชการ  ทหาร และพลเรือน เป็นต้น  บางอย่างกำหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมศึกษาธิการ  บางอย่างให้กรมหรือกระทรวงอื่นจัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นแก่ทางราชการ  มีแบ่งออกเป็น 3 ตอนเหมือนสามัญศึกษา  คือวิสามัญศึกษาชั้นต้น  เรียกว่าประถมศึกษาพิเศษ  วิสามัญศึกชั้นกลาง เรียกว่ามัธยมศึกษาพิเศษ  วิสามัญศึกษาชั้นสูง เรียกว่าอุดมศึกษาพิเศษ 

   ฟชั้นประถมศึกษาพิเศษ  ได้แก่การศึกษาวิชาพิเศษสำหรับไปประกอบอาชีพประเทศที่ไม่ต้องใช้ความรู้ทางสามัญศึกษามากนัก ได้แก่  การช่าง  การเพาะปลูก  การพิมพ์หนังสือ  เป็นต้น  รับนักเรียนที่สำเร็จชั้นประถมศึกษามาเข้าศึกษาเล่าเรียน  สำเร็จแล้วให้ประกาศนียบัตรประถมศึกษาพิเศษ  แต่ถ้ามีผู้ที่ไม่สำเร็จชั้นประถมศึกษาสมัครเรียน  ก็รับให้เรียนเหมือนกัน  เว้นแต่ไม่ให้ประกาศนียบัตรเมื่อจบแล้ว  ส่วนชั้นมัธยมศึกษาพิเศษ รับพวกสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาไปศึกษาวิชาที่ต้องใช้ความรู้สามัญเป็นพื้นฐานที่สูงพอสมควร  เช่นไปเข้าโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์  โรงเรียนกฎหมาย  โรงเรียนแพทย์  โรงเรียนมหาดเล็ก    โรงเรียนนายร้อยทหารบก  โรงเรียนก่อสร้าง  โรงเรียนแผนที่ และโรงเรียนพาณิชย์ เป็นต้น  สำหรับชั้นอุดมศึกษาพิเศษ ในสมัยนั้นยังไม่ได้จัดในเมืองไทยมีอยู่ทางเดียวคือต้องส่งไปศึกษา ณ ต่างประเทศ
       จากแผนการศึกษาพ.ศ. 2445  จะเห็นได้ว่าผู้ที่สำเร็จชั้นมัธยมศึกษา  ย่อมจะไปเข้าเป็นนักเรียนนายร้อย  นักเรียนกฎหมาย  นักเรียนแพทย์  ฯลฯ ได้  เรื่องนี้เป็นมาจนกระทั่งสิ้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเก้าเจ้าอยู่หัว  จึงได้ขยับมาตรฐานให้สูงขึ้น  คือต้องจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่แปด(หรือม.ศ.5)  จึงจะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนดังกล่าวเหล่านี้ได้

หมายเลขบันทึก: 677277เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2020 20:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2020 20:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท