ขอเสนอแนวทางในการ ส่งพ่อแม่พี่น้อง ที่มาทำงาน จ.ภูเก็ต กลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย ในช่วงสถานประกอบการณ์ปิดให้บริการ


เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2563 เกิดปัญหาขึ้นหลังจาก จ.ภูเก็ตเปิดให้ชาวบ้านกลับภูมิลำเนา มีชาวบ้านจำนวนมากเดินทางออกจาก จ.ภูเก็ตจำนวนมาก รถติดยาวเหยียด ไม่สามารถเดินทางไปต่อได้เนื่องจาก จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ไม่ให้คนที่มาจากจังหวัดภูเก็ตผ่าน เพราะกลัวเชื้อจากจังหวัดภูเก็ตที่เป็นพื้นที่สีแดงจะแพร่กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารย์อย่างหนักในโลกโซเชียล ทุกฝ่ายถูกต่อว่าทั้งหมดเพราะในช่วงเวลานี้ไม่ว่าใครจะตัดสินใจอะไร ก็เหมือนนักมวยบนเวที คือ เจ็บทั้งคู่ ผมอย่างให้ทุกคนเข้าใจว่าวิกฤติครั้งนี้ไม่มีใครเคยเจอ อย่างผมตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอ จึงทำให้ขาดการวางแผนจัดการปัญหาใหญ่ระดับโลกนี้ได้ มีแต่ว่ากันไปว่ากันมา แท้จริงไม่มีใครถูกผิดทุกคนก็อยากช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่จุดอ่อนอยู่ที่การจัดการให้เป้าหมายนั้นสำเร็จโดยทุกฝ่ายไม่มีข้อขัดแย้งกัน ซึ่งพูดง่ายที่ทำได้ยาก เข้าประเด็นเลยล่ะกัน วันนี้ผมคนธรรมดาเดินดินคนนึงเกิดในจังหวัดภูเก็ต ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการกลับภูมิลำเนา แต่ผมเห็นใจพี่ๆน้องๆที่มาทำงานในจังหวัดภูเก็ต และอยากช่วยเหลือ เพราะพวกเค้าเหล่านั้นคือฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต เพราะคนภูเก็ตส่วนมากมีที่ มีทาง มีอาชีพของตัวเอง ทำงานรับจ้างเป็นส่วนน้อย จึงมีความต้องการฟันเฟืองจากต่างจังหวัดมาขับเคลื่อนธุรกิจบริการต่างๆ ทำให้ภูเก็ตบ้านเราเจริญ

เริ่มเข้าเรื่องจาก ภูเก็ตประกาศปิดเกาะประมาณ 1 เดือน กำหนดวันที่ 30 มีนาคม 2563 ถึง 30 เมษายน 2563 และประกาศตามมา คือ ปิดเขต 13 เมษายน 2563 — 30 เมษายน 2563 เพื่อให้ประชาชนอยู่บ้าน อยู่ในเขต ป้องกันเชื่อแพร่ระบาด 

จนเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 เริ่มเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าขอบเขตแคบลงแล้วว่าเขตไหนเป็นพื้นที่สีแดง คือ เขตบางเทา จังหวัดภูเก็ตจึงปิดเขตบางเทาแล้วเปิดเขตรอยต่อในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในช่วงปิดเกาะ/ปิดเขตดังกล่าว พ่อแม่พี่น้องคนภูเก็ตและคนที่มาทำงานในภูเก็ตให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่มีปัญหาใดๆ
หลังจากนั้น จ.ภูเก็ต เริ่มเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้องที่มาทำงาน จ.ภูเก็ต เพราะโรงแรมหรือธุรกิจหลายๆธุรกิจประกาศปิดตัวยาว 3–5 เดือน แล้วพ่อแม่พี่น้องจะทำอย่างไร แต่ละวันที่อยู่นั้นคือค่าใช้จ่ายทั้งนั้น ตั้งแต่ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำมันเดินทางไปซื้ออาหาร ค่าอาหาร ซึงในจังหวัดภูเก็ตก็มีหน่วยงานเอกชนมาช่วยทำอาหารแจกจ่าย แต่หากอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยมีหวังต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ หากภูเก็ตไม่ปล่อยเค้ากลับบ้านก็ไม่พ้นถูกตำหนิอีกเหมือนกักขังไว้ เพราะกักตัว 1 เดือนเค้าก็ร่วมมือให้อย่างดีไม่มีใคออกมาสร้างปัญหาใดในจังหวัด คนเดือดร้อนนับหมื่น จ.ภูเก็ตช่วยเหลือไม่ทั่วถึง ดังนั้นทาง จ.ภูเก็ต จึงเปิดให้พ่อแม่พี่น้องลงทะเบียนเพื่อกลับภูมิลำเนา แต่มีจุดอ่อนเล็กๆ คือ ขาดการจัดการที่ดี ขาดการสร้างความเชื่อมั่นให้กับจังหวัดปลายทาง ขาดการประสานงาน ขาดการวางแผนร่วมกันเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องเดินทางกลับภูมิลำเนา ทำให้เกิดความหวาดกลัวกับชาวบ้านจังหวัดข้างเคียง ประชาชนออกมากันมากเกินยากแก่การจัดการรถติดยาวเหยียดบนเส้นทางขาออก สุดท้ายต้องให้กลับเข้า จ.ภูเก็ต ตามเดิมไปก่อน

ผมจึงข้อเสนอแนวทางให้ดังนี้ครับ
1.ให้พ่อแม่พี่น้องลงทะเบียนกับทาง จ.ภูเก็ต ประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยแจ้งข้อมูล
-ประเภทยานพาหนะที่จะเดินทางกลับ เช่น รถยนต์ ,มอเตอร์ไซค์
-ทะเบียนรถที่จะใช้เดินทางกลับ
-จำนวนคนที่จะเดินทางกลับ และรายชื่อ-สกุล อายุ เพศ ทั้งหมดที่จะเดินทางกลับ
-จังหวัดที่จะเดินทางกลับ
-อำเภอที่จะเดินทางกลับ
-ตำบลที่จะเดินทางกลับ

2.ทุกคนที่จะกลับภูมิลำเนาต้องมีใบรับรองแพทย์ (ขอความช่วยเหลือจากสถานพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต ตรวจและออกใบรับรองแพทย์ เพื่อกระจายจุดออกใบรับรองแพทย์ โดยตรวจให้เฉพาะคนที่มีเอกสารลงทะเบียนขอกลับภูมิลำเนา จะฟรีหรือคิดเงิน ทุกคนก็ยอมแต่อย่าคิดแพงเกินไปจะซ้ำเติมผู้เดือดร้อน) ซึ่งการมีใบรับรองแพทย์หมายความว่าท่านปลอดเชื้อเพราะผ่านการตรวจแล้ว
3.ทาง จ.ภูเก็ต ส่งข้อมูลให้แต่ละจังหวัดปลายทางทราบ และแบ่งงานให้ อบต. ต่างๆ ตามตำบลที่ชาวบ้านแจ้งเดินทางกลับ รับรายงานตัวเมื่อเข้าจังหวัด เข้าสู่เขตตำบล เพื่อคัดกรอง ตรวจสอบต่างๆตามมาตรการ หากมาจากเขตพื้นที่เสี่ยงจากจังหวัดภูเก็ต เช่น ป่าตอง บางเทา ให้กักตัวต่ออีก 14 วัน หากมาจากพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงให้กักตัวอยู้บ้านอีก 14 วันตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด (เพื่อความสบายใจต่อชาวบ้านในพื้นที่ ลดข้อขัดแย้ง เพราะจริงๆเค้าได้ผ่านการตรวจมีใบรับรองแพทย์แล้ว)

4.ผู้ที่เดินทางกลับต้องเตรียมเอกสารทั้งหมดติดรถไว้ตลอด และเตรียมบัตรประชาชนติดตัวไว้ให้พร้อม เพื่อยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ด่านต่างๆได้ตรวจสอบอย่างสะดวก หรืออาจจะมีสติ๊กเกอร์ติดที่รถของประชาชนที่กำลังเดินทางกลับ หรืออาจจะมีสติ๊กเกอร์เล็กๆติดที่เสื้อทุกคนด้วย เพื่อป้องกันการไปเดินแวะตามที่ต่างๆ ต้องการให้ท่านเดินทางเป้าหมาย คือ รายงานตัวกับ อบต.ภูมิลำเนาของท่านเอง ห้ามแกะออกเพื่อง่ายต่อการสังเกตุ และให้แกะออกที่ อบต.ปลายทางตอนเข้ารายงานตัวเมื่อกลับถึงภูมิลำเนา

5.ทาง จ.ภูเก็ต ต้องประกาศให้ประชาชนเดินทางกลับ แบ่งเป็นจังหวัด เช่น วันที่ 10 พ.ค.2563 ให้ประชาชนที่จะเดินทางกลับ จ.กระบี่ แต่ละจังหวัดให้เดินทางกลับคนละวัน และด่านท่าฉัตรชัยก็ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ตามที่ลงทะเบียนและมีการประทับตรา จาก จ.ภูเก็ต ทะเบียนรถ รายชื่อผู้เดินทางกลับ บัตรประชาชนผู้เดินทางกลับ
ทั้งหมดนี้กลั่นกรองมาจากความคิดของคนตัวเล็กๆ ที่เกิดมาเพิ่งจะเคยเจอวิกฤติโรคระบาดรุนแรงระดับโลกขนาดนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายครับ ทุกคนเหนื่อยกันหมด มืด 18 ด้านกันก็ว่าได้ ปัญหาเยอะขนาดนี้ ไม่รู้จะแก้ยังไง แต่หากเราอย่ามัวแต่ตำหนิกัน ยิ่งตำหนิผู้บริหารบ้านเมืองยิ่งไม่กล้าตัดสินใจ หากเราเห็นอะไรไม่ดีไม่ถูกไม่ควร ก็ช่วยกันคิด ช่วยกันเสนอแนวทาง ผมเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก

คำสำคัญ (Tags): #การจัดการ
หมายเลขบันทึก: 677270เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2020 09:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2020 09:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท