ชีวิตของพระพุทธเจ้า 1
เขียนโดย... Christmas Humphreys
แปลโดย...อุทัย เอกสะพัง
ว่าด้วยการกำเนิดของพระศาสดานามว่าพระโคตมะ - การประกาศที่ยิ่งใหญ่ – การตรัสรู้
ด้วยมีสองมุมมองที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและคำสอนของพระองค์ ที่แรกก็คือวัตถุประสงค์และการวิเคราะห์วิถีแห่งประวัติศาสตร์ อีกเรื่องเป็นเรื่องส่วนตัวและตรงไปตรงมาในการยอมรับพระศาสดานามว่าโคตมะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพระพุทธเจ้าองค์ที่ได้รับยกย่องขึ้นมาใหม่ให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในลำดับชั้นของมนุษย์ชาตินั้น มุมมองในอดีตเป็นการตรวจสอบ ( ecamination) ที่สำคัญของการอุบัติขึ้นมาของพระพุทธศาสนา; มุมมองอันหลังคือการรับรู้ในการใช้ชีวิตตามวิถีทางของชาวพุทธ ที่แรกก็คือหลักคำสอนที่สัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้ามีตาเป็นต้น; อีกเรื่องคือหลักคำสอนต่อมาเป็นการสัมผัสด้วยจิตวิญญาณของหัวใจหรือรับรู้ด้วยใจ
การที่พระสมณะโคตมะกลายเป็นพระพุทธเจ้าเพราะพระองค์เป็นผู้รู้ผู้ตื่นและผู้เบิกบานด้วยสัจธรรม, หรือเป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง(Enlightened One) และผู้ที่ไม่สามารถยอมรับสถานะอย่างนี้ได้เขาจะมีความรู้ความเข้าใจเพียงแค่เปลือกนอกของพระพุทธศาสนาเท่านั้น ถ้าได้ทำความเข้าใจเฉพาะในแง่ของการตรัสรู้ของพระพุทธองค์นี้หรือการตรัสรู้ธรรมในฐานะผู้รับรู้และเข้าใจในช่วงเวลาการบำเพ็ญเพียรจนถึงที่สุดคือการตรัสรู้สัจธรรมของพระพุทธองค์ได้ก็สามารถที่จะเข้าใจพระพุทธศาสนาและคำสอนของพระพุทธเจ้าได้เช่นกัน ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์สภาวะแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์ถูกปิดกั้นด้วยข้อ จำกัด ของตัวเอง
พระพุทธเจ้าตรัสคำสั่งสอนมาจากระนาบแห่งสติปัญญาซึ่งพระพุทธองค์ทรงประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วนและพระพุทธองค์ทรงตรัสสอนผู้ที่จะเข้าใจในสัจธรรมว่าเขาจะต้องปีนขึ้นมาใกล้ที่สุดเท่าที่เขาจะประสบความสำเร็จแบบเดียวกันกับที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว นี่ไม่ได้หมายความว่าการวิเคราะห์ที่สำคัญนี้นั้นจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ด้วยความพยายามทางสติปัญญาเช่นนี้จะขจัดความผิดพลาดของผู้มีอำนาจในการออกไปเผยแผ่ให้เห็นสัจธรรมของการดำเนินชีวิตที่ลดละเลิกจากกิเลสของตนและได้เข้าใจลำดับการพัฒนาหลักคำสอนของพระพุทธองค์
แต่ในท้ายที่สุดนั้นสิ่งนี้หรือเป็นเพียงฉีกดอกไม้เป็นชิ้น ๆ และตำนานที่สวยงามที่เขียนตามตำนานมักจะอยู่ในชวเลขของสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณมีชีวิตมากขึ้นให้สิ่งนี้มีพลังมากขึ้นกว่าหนังสือตำราที่น่าเบื่อของการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง เท่าที่ศาสนาพุทธได้บันทึกเป็นเรื่องจริงอย่างนี้ก็เหมือนกับการยอมรับของศาสนาคริสต์นอกเหนือจากอุบัติเหตุของเวลาและสถานที่ของความเป็นจริงหรือประวัติศาสตร์ เท่าที่สิ่งนี้เป็นเรื่องจริงสิ่งนี้ก็ไม่เป็นความจริงอีกต่อไปโดยการถูกตรึงไว้กับชุดของคำกล่าวที่มนุษย์บางคนทำไว้ในวันนั้น ด้วยชีวิตของมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาให้มีจิตวิญญาณแห่งการตรัสรู้ของตนเอง การบรรลุสัจธรรมตามเรื่องราวชีวิตของตัวอย่างในฐานะกวีทุกคนเด็กทุกคนที่ยังไม่ถึงกับคิดวิเคราะห์และเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติที่ได้เคยรู้จักมาก่อน ชีวิตและการสอนของพระพุทธเจ้าก็เฉกเช่นเดียวกันกับที่พระเยซูคริสต์เป็นมากกว่าอุบัติเหตุของประวัติศาสตร์
................................
ขอขอบคุณเจ้าของความคิดนี้ ด้วยความปรารถนาดี.
ไม่มีความเห็น