ชีวิตคนทำงานกลางทะเล (Offshore @ Gulf of Thailand) ตอนที่ 25 บ๊าย บาย ชีวิตออฟชอร์


และแล้วก็มาถึงวันนี้ วันที่ต้องพูดคำจากลาชีวิตการทำงานกลางทะเล (ออฟชอร์) เสียที (อาจจะแค่ชั่วคราวหรือถาวร ในอนาคตคงได้รู้) ฉันใช้ชีวิตเป็นคนครึ่งบกครึ่งน้ำมาเกือบ 12 ปี ริคขุดเจาะน้ำมันนี่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองเลยก็ว่าได้ เพราะว่าชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่ที่นี่ ทำงานที่นี่ กินนอนที่นี่ (ไปไหนก็ไม่ได้) เลยมีความผูกพันธ์กับที่นี่มาก

วันนี้ถึงวันที่ริคขุดเจาะน้ำมันหมดสัญญาจ้างงานจากเชฟรอน และยังไม่ได้สัญญาจ้างงานใหม่ใดๆ พนักงานคนไทยทุกคนถูกจ้างออกหมด พนักงานฝรั่งบางคนก็ออกเหมือนกัน บางคนก็ได้งานใหม่กับบริษัทใหม่ไปเรียบร้อย บางคนก็ยังรองานใหม่อยู่ ตัวฉันเองก็ยังไม่ได้งานใหม่ ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังค้นหาว่าจะทำอะไรดี ก็มีสมัครงานไปเรื่อยเหมือนกันค่ะ มีเวลาเลี้ยงลูก มีเวลาทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง ยิ่งช่วงนี้มีไวรัสโควิด-19 ระบาดอย่างหนัก รัฐบาลขอให้ประชาชนอยู่บ้าน ฉันก็เลยมีเวลาว่างมาอัพเดตบล็อกค่ะ

บันทึกฉบับนี้ขอเล่าเรื่องของตัวเองละกันนะคะ เริ่มตั้งแต่ทำงานจนจบสัญญา 12 ปี มาดูว่าชีวิตออฟชอร์ผ่านอะไรมาบ้าง เอ้า…เริ่มกันเลยค่ะ

ก่อนเริ่มทำงานออฟชอร์ ฉันทำงานอยู่ในวงการน้ำมันอยู่แล้ว ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ฉันทำงานที่ศูนย์ขนส่งทางอากาศที่สงขลาหรือเรียกสั้นๆ ว่าแฮงก้า ที่นี่เป็นที่รับส่งพนักงานขึ้นลงทะเลทางเฮลิคอปเตอร์ ฉันทำงานที่นี่อยู่เกือบ 5 ปี ช่วงที่เชฟรอนควบกิจการกับยูโนแคล จำเป็นที่จะต้องย้ายฐานการบินไปอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราชแทน ฉันไม่อยากย้ายไปที่อยู่นั่น ประจวบเหมาะกับบริษัทซีดริลต้องการพนักงานผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ลงทำงานกลางทะเลเป็นริคเคริก (ริคแอดมิน) ฉันก็เลยสมัครไป ฉันกับน้องอีกคนจึงได้เป็นผู้หญิงสองคนแรกของบริษัทซีดริลที่ได้ลงทำงานออฟชอร์ (ในอ่าวไทย) ถามว่าต้องจบอะไรมาถึงมาทำงานตรงนี้ได้ ตำแหน่งนี้คิดว่าจบอะไรมาก็ได้ค่ะ แค่ให้ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษคล่องก็น่าจะโอเคแล้ว ที่เหลือมาเรียนเอาในงานจริงได้ค่ะ

จำได้ว่าลงมาทำงานช่วงแรกๆ เครียดมาก เพราะภาษาอังกฤษของฉัน ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้เก่งมาก พอไปได้เท่านั้น ไหนจะศัพท์เทคนิค ศัพท์ออฟชอร์ เรื่องชีวิตความเป็นอยู่อีก มีร้องไห้ อยากลาออกอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็ผ่านจุดนั้นมาได้ หลังจากนั้นชีวิตเราก็จะวนเวียนอยู่แถวนี้ล่ะ ออกจากวังวนนี้ไม่ได้ซะที

ฉันทำงานครั้งแรกประจำริคขุดเจาะน้ำมันชื่อว่า T-7 ซึ่งนายเก่าๆ เคยเล่าไว้ว่าริคลำนี้ออกมาเจาะในปี 1983 และหมดสัญญาในปี 2013 (30 ปี) ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมาริคที่ชื่อว่า T-15 ก็ได้มาแทนที่ T-7 ริค T-15 เจาะน้ำมันในอ่าวไทย 6 ปีกว่าๆ ก็หมดสัญญาลงเมื่อตุลาคม 2019 ค่ะ และใช่ค่ะ ฉันก็ตกงานนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจนบัดนี้ยังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรดี ซักวันต้องเป็นวันของเราค่ะ คิดบวกเข้าไว้

เอาล่ะ ขอเล่าชีวิตออฟชอร์ตามภาพเลยนะคะ

วันแรกที่ลงทำงานออฟชอร์ ชุดยูนิฟอร์มยังเป็นสีแดง เป็นเสื้อกับกางเกง ชอบชุดแบบนี้นะ เพราะใส่เข้า ถอดออก เข้าห้องน้ำสะดวกดี สั่งตัดตามขนาดตัวของเรา ส่งชุดทำงานซักก็ไม่ต้องกลัวหาย เพราะมีชื่อปักอยู่ที่เสื้อและกางเกงเรียบร้อย

สนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่ฐานทัพเรือสงขลา สมัยก่อนบินขึ้นลงทะเลที่นี่ค่ะ

ตอนอยู่ริค T-7 เป็นริคเคริกต้องทำหน้าที่เป็นพนักงานรับส่งเฮลิคอปเตอร์ด้วยค่ะ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Helideck Landing Officer (HLO) สนุกดี แต่ก็ร้อนแล้วก็แลกมาด้วยหน้าที่เต็มไปด้วยฝ้าและกระ เสียเงินรักษาหน้ากันหลายบาทเลยล่ะ

ริคขุดเจาะน้ำมันจะเจาะอยู่รอบๆ แท่นผลิตในอ่าวไทย ซึ่งแท่นผลิตจะตั้งอยู่กับที่ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ไม่เหมือนกับริคขุดเจาะที่จะย้ายแหล่งขุดเจาะน้ำมันไปเรื่อยๆ ตามโปรแกรมที่ทางผู้รับเหมาสัมปทานวางโปรแกรมไว้

ในบางวันแมคคานิคก็จะเอาเรือเร็วช่วยชีวิตออกไปทดสอบสมรรถภาพ ช่วงแรกๆ ที่ลงออฟชอร์ก็จะตื่นเต้นกับทุกสิ่ง อยากลองอะไรใหม่ๆ ฉันจะขอติดเรือออกไปด้วย ก็สนุกดีค่ะ ขับวนๆรอบริคขุดเจาะ มีครั้งหนึ่งเคยขับไปยังริคขุดเจาะอีกลำ แล้วก็ปีนบันไดลิงขึ้นไป เล่นเอาปวดเมื่อยเนื้อตัวเลย

ภาพนี้ถ้าจำไม่ผิด พนักงานขึ้นมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกบนลานฮอ เนื่องจากมีบางคนลาออก บางคนก็ย้ายไปทำงานที่อื่น ทำงานออฟชอร์เราจะเจอคนมากหน้าหลายตา สลับเวียนไปเวียนมา แต่ก็มีบางคนที่ประจำไม่ย้ายไปไหนเลยก็มี

ชีวิตความเป็นอยู่ตอนอยู่ริค T-7 พูดได้เลยว่าค่อนข้างจะลำบากมากค่ะ เพราะมีห้องสำหรับผู้หญิงแค่ห้องเดียว มี 4 เตียง กะทำงานก็มีตั้งแต่ 06.00-18.00, 18.00-06.00, 12.00-24.00, 24.00-12.00 โหดมั๊ยล่ะคะ แสดงว่าตลอด 24 ชั่วโมงมีคนนอนในห้องตลอด หาช่วงเวลาให้พนักงานทำความสะอาดห้องได้ยากมาก ฉันนี่ต้องค่อยๆย่องเบาไปอาบน้ำ แต่งตัวเงียบๆ เรื่องดูทีวีในห้องเป็นอันต้องงดไป ฉันใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ 5 ปี ก่อนที่จะย้ายออกไปอยู่ริคขุดเจาะลำใหม่ค่ะ

พูดถึงเรื่องอาหารการกิน สำหรับฉันถือว่าโอเคนะคะ มีอาหาร 4 มื้อหลัก 4 มื้อเบรก มีอาหารพิเศษเนื่องในการเทศกาลต่างๆ เช่น วันคริสมาสต์ วันปีใหม่ วันสงกรานต์ เป็นต้น

บรรยากาศริค T-7 ในอ่าวไทยค่ะ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ว่ามีพนักงานทำงานอยู่บนเรือจำนวนร้อยกว่าชีวิตนะคะในแต่ละวัน

ฉันกับทีมงานในการทำงานเป็น HLO ครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ริคขุดเจาะลำใหม่

ช่วงที่ยูโนแคลควบกิจการกับเชฟรอน ฐานการบินก็ได้ย้ายมาอยู่ที่สนามบินนครศรีธรรมราชนะคะ มุมมองจาก Bird Eye View ค่ะ พื้นที่เขียวขจีน่าอยู่มากค่ะ

หลังจากทำงานที่ริค T-7 ได้ 5 ปี ฉันก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งสายงานไปด้านแวร์เฮ้าส์ ไปเป็นเทรนนีแมททีเรียลแมนที่ริค T-15 ในช่วงปลายปี 2012 ตอนนั้นริค T-15 เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ที่ประเทศจีน เมืองหนานตง ฉันได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศจีนอยู่สองรอบก็เกือบสามเดือน ช่วงเวลานั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงชีวิตการทำงานออฟชอร์ที่สนุกที่สุดแล้วล่ะค่ะ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เพื่อนใหม่ๆ ได้เห็นอะไรใหม่ๆ อาจจะพูดได้ว่าคงไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว เพราะตอนนี้เศรษฐกิจด้านน้ำมันไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนสมัยก่อน คงหาบริษัทที่ลงทุนสร้างริคขุดเจาะใหม่ๆยาก เท่าที่เห็นตอนนี้บางบริษัทจะซื้อริคเก่าแล้วเอามารีโนเวทเอาค่ะ ประหยัดกว่า

ตอนไปทำงานที่จีนช่วงแรกๆ บริษัทให้นอนที่โรงแรม ฉันทำงานในโกดังที่บริษัทเช่าให้ แล้วก็เดินทางไปกลับระหว่างริคที่จอดอยู่ที่ท่าเรือ ทำงานอยู่ตั้งแต่แวร์เฮ้าส์เป็นชั้นโล่งๆ ไม่มีวัสดุอุปกรณ์หรือ Spare Part แม้แต่ชิ้นเดียว (ปัจจุบันมีของเต็มแวร์เฮ้าส์แล้วค่ะ)

พอทำงานได้ซักระยะบริษัทก็ให้พนักงานย้ายไปอยู่ในริคเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ห้องพักในริคสบายพอสมควรค่ะ ช่วงแรกๆตอนเป็นเทรนนีฉันมีรูมเมทหนึ่งคน ทำงานกะเดียวกัน แต่ก็ไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกัน ได้ดูทีวี มีเวลาทำธุระส่วนตัวในห้องนอนได้อย่างสะดวกสบายค่ะ

ตอนทำงานที่ประเทศจีนเป็นช่วงหน้าหนาวพอดี ช่วงนั้นได้มีโอกาสเจอหิมะตกด้วย คนไทยหลายคนไม่เคยเจอหิมะตกก็ตื่นเต้นกันใหญ่ ฉันเคยเห็นหิมะตกมาแล้วตอนไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลี แต่ก็ยังอดตื่นเต้นไปกับเค้าด้วยไม่ได้

หลังจากริค T-15 เช็คระบบที่จีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะลากริคจากประเทศจีนไปประเทศสิงคโปร์เพื่อเทสระบบขุดเจาะก่อนเข้านำขุดเจาะจริงอีกครั้ง ตอนนั้นลากริคจากจีนช่วงปลายเดือน มี.ค. 2013 ไปถึงประเทศสิงคโปร์ช่วงสงกรานต์ ใช้เวลาในการลากริคประมาณ 3 อาทิตย์ด้วยกัน ฉันก็เป็นหนึ่งในทีมงานที่เดินทางไปด้วยค่ะ

และแล้วก็มาถึงสิงคโปร์ มาเทสระบบอยู่ที่นี่อีกหลายเดือนก่อนที่จะนำเข้าขุดเจาะจริงที่อ่าวไทย

หลังจากนำริคขุดเจาะเข้าอ่าวไทย เราคนไทยก็จะทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ ก็ได้นิมนต์พระมาสวดพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลกันค่ะ บริษัทได้นิมนต์หลวงลุงของฉันไปเป็นคนทำพิธีให้ รู้สึกดีใจมาก เพราะบ้านหลังแรกหลวงลุงก็เป็นคนมาทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ให้ ริคซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของฉัน หลวงลุงก็เป็นคนมาทำพิธีให้อีกเช่นกัน

ในช่วงปลายปี 2014 ฉันก็ได้โปรโมตให้เป็นแมททีเรียลแมนเต็มตัว ตอนนี้จะมีห้องนอนส่วนตัวแล้วค่ะ ได้นอนคนเดียว ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ แต่การทำงานในช่วงนั้นเหนื่อยมากค่ะ เพราะต้องเซ็ตอัพแวร์เฮ้าส์กันใหม่ จนช่วงหลังๆสั่งของจน Spare part เต็มแวร์เฮ้าส์ตามรูปเลยค่ะ

ริค T-15 เจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยให้กับเชฟรอนมาเกือบ 7 ปี ริคได้รับรางวัลมากมายค่ะ

ในช่วงปลายปี 2019 ก็หมดสัญญาลง บริษัทยังไม่สามารถหางานใหม่ได้ก็ถึงเวลาต้องแยกย้ายกันค่ะ เป็นช่วงเวลาที่เศร้านิดหน่อย เพราะบางคนทำงานด้วยกันมาก็เกิน 10 ปี จู่ๆก็ต้องถูกจ้างออกและแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง ช่วงก่อนหมดสัญญาก็เลยถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกก่อนจะแยกย้ายกันไป

ถ่ายรูปกับ Rig Manager นายใหญ่ค่ะ

สองคนนี้เป็นเจ้านายฉันเองค่ะ น่ารักและใจดีทั้งสองคนทำงานด้วยกันมานานเป็นสิบปี หวังว่าซักวันหนึ่งจะได้กลับมาร่วมงานกันอีก

สองคนนี้เป็นผู้ช่วยของฉันเองค่ะ ตำแหน่ง Storeman กว่าจะทำงานเข้าขากันได้ก็มีปรับตัวเยอะเหมือนกัน

กับเพื่อนๆ ร่วมงานค่ะ

ภาพนี้ยังจำได้ดี เป็นทีมงานที่ส่งเฮลิคอปเตอร์เที่ยวบินสุดท้ายของริค ก่อนที่จะลากริคออกจากอ่าวไทย เพื่อไปจอดเก็บที่ประเทศสิงคโปร์

ฉันดีใจมากที่ได้เป็นหนึ่งในทีมงานที่ไปส่งริคที่ประเทศสิงคโปร์ เพราะมีความรู้สึกว่าเราอยู่กับริคมาตั้งแต่สร้างเสร็จใหม่ๆ รับมาจากประเทศจีน ถึงเวลาที่ริคจะหมดวาระลงก็ขอเป็นส่วนหนึ่งทำหน้าที่ให้จบอย่างสมบูรณ์แบบ

ทีมงานที่ไปส่งริคกลับสิงคโปร์ค่ะ

บรรยากาศระหว่างทางที่ลากริคจากอ่าวไทยมาสิงคโปร์ค่ะ

ตอนเข้าปากอ่าวเมืองสิงคโปร์ วิวสวยมากค่ะ เห็นวิวเมืองสิงคโปร์แบบ 360 องศาเลย เลยออกมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย

ตรงนี้เป็นยาร์ดที่บริษัทเช่าเอาไว้จอดริคเพื่อแสตนบายด์รองานต่อไปค่ะ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้งานอีกเมื่อไหร่ ก็ได้แต่รอ และภาวนาล่ะค่ะ

ฉันได้ทำงานต่อที่สิงคโปร์อีกประมาณสองอาทิตย์ เพราะต้องจัดการกับแวร์เฮ้าส์ให้เรียบร้อยก่อนส่งมอบให้ทางบริษัทดูแลต่อไป

และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้อง Say Goodbye ริคขุดเจาะที่อยู่ด้วยกันมานาน อยู่ที่นี่เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ก็เศร้ามากอยู่เหมือนกัน ถ่ายรูปกับริคก่อนลาจาก วันหนึ่งเราอาจจะได้กลับมาพบกันใหม่นะ ขอให้เป็นเช่นนั้น

บันทึกฉบับนี้คงเป็นตอนสุดท้าย ถ้าหากว่าฉันไม่กลับไปทำงานออฟชอร์อีกแล้ว แต่ถ้าวันใดมีบันทึกตอนที่ 26 นั่นหมายถึงฉันกลับได้กลับไปทำงานออฟชอร์อีกครั้ง คงต้องให้อนาคตเป็นตัวบอกแล้วล่ะค่ะ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตริค T-15 อาจจะกลับมาเปล่งแสงอีกครั้งหนึ่ง บ๊าย บายยยยยยยยยยยย

ปล. รูปภาพที่ใช้ในตอนที่ 25 เป็นรูปของเจ้านายและเพื่อนๆ ที่ทำงาน ซึ่งไม่มีโอกาสได้ขออนุญาตจากเจ้าตัว ถ้าหากว่าใครเห็นว่ามีรูปตัวเองในนี้แล้วคิดว่าไม่เหมาะสม แจ้งมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะเอาออกให้ค่ะ ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าที่มาเป็นแขกรับเชิญในบันทึกตอนนี้ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 676907เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2020 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน 2020 16:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอให้ได้งานใหม่โดยเร็วนะคะ เท่ห์มากค่ะ

ขอบพระคุณนะคะสำหรับคำอวยพร

ด๊จร้า..น่าติดตาม ดีใจที่มีคนบันทึกชีวิตคนทํางาน Offshoreนาทีนี้ Crude oil price 25-30 เหรีญ เราคงซบเซาไปอีกนานหวังว่าจะได้งานใหม่ ไวๆนะครับ..

ขอบคุณนะคะ ขอให้พรเป็นจริงในเร็ววัน สาธุช่วงนี้น้ำมันลงเยอะ ถ้าไม่มีโควิด คงพอมีทางไปบ้างค่ะ อาจจะนานซักหน่อย แต่คิดว่าคงหางานได้บ้าง แต่พอมีไวรัสโควิด นี่จนหนทางเลยค่ะ การเดินทางลำบากมาก ไป ตปท โคตรยาก

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท