ครู...เป็นผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องและผูกพันอยู่กับศิษย์เกือบตลอดเวลา และศิษย์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของครูแต่ละท่าน มีจำนวนมากเกินสิบคนขึ้นไป ศิษย์เหล่านี้มาจากสภาพครอบครัวที่แตกต่างกันและจากสังคมที่หลากหลาย ศิษย์ที่อยู่ในความรับผิดชอบส่วนหนึ่งอาจเป็นเด็กที่มีปัญหา ครูประจำชั้นจึงมีหน้าที่จะต้องค้นหาและทำการศึกษาเฉพาะกรณีเป็นรายๆ ไป เมื่อทราบถึงสาเหตุแห่งปัญหา ครูต้องหาทางช่วยแก้ไขและลดปัญหาให้แก่ศิษย์ผู้นั้น เพื่อให้สามารถปรับตัวและใช้ชีวิตในการศึกษาเล่าเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ได้อย่างมีความสุข การศึกษาเฉพาะรายกรณีจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เป็นครูมืออาชีพควรกระทำ
ช่วงเปิดเรียนภาคต้น ปีการศึกษา ๒๕๔๙ ดิฉันได้ทำหน้าที่เป็นครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยมีนักเรียนในความรับผิดชอบจำนวน ๓๑ คน จากคำบอกเล่าของครูที่ทำการสอนเมื่อปีที่แล้วว่านักเรียนที่เลื่อนชั้นขึ้นมาในปีนี้ มีนักเรียนที่ต้องติดตามช่วยเหลือ และแก้ไขอยู่ ๑ คน พร้อมทั้งมอบบันทึกข้อมูลรายละเอียดของนักเรียนคนดังกล่าวให้ดิฉันไว้ศึกษาเพื่อเป็นแนวทางให้การช่วยเหลือแก่เด็กต่อไป
โดดเดี่ยวเป็นเด็กชายอายุ 10 ปี เป็นบุตรคนที่ 3 อาศัยอยู่กับบิดามารดาและลุงซึ่งเป็นที่อยู่ในวัยชรา ครอบครัวมีฐานะยากจน
จากการสังเกตพบว่าตลอดระยะเวลาที่กำลังศึกษาอยู่ไม่เคยพบเห็นผู้ปกครองมารับมาส่ง ครั้นมีกิจกรรมวันพบผู้ปกครองหรือกิจกรรมที่โรงเรียนจัดขึ้นเพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วม ผู้ปกครองของโดดเดี่ยวก็ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมแม้แต่ครั้งเดียว
โดดเดี่ยวมักจะขาดเรียนบ่อยๆเมื่อยามมาเรียนจะไม่นำอุปกรณ์การเรียนมาด้วยหรือหากว่ามีมาแต่ก็ไม่ครบ งานที่ได้รับมอบหมายก็ทำไม่สำเร็จ พร้อมทั้งมีข้อแก้ตัวเสมอ บางครั้งในขณะที่กำลังเรียนจะเคาะโต๊ะเสียงดัง หรือแกล้งเพื่อนในลักษณะต่างๆ เช่น ใช้ดินสอสีขีดเขียนด้านหลังเสื้อของเพื่อน
โดดเดี่ยวจะมีความสนุกสนานมากที่ทำให้เพื่อนไม่พอใจ มักถูกว่ากล่าวตักเตือนและบ่อยครั้งต้องถูกลงโทษตามระเบียบวินัยของโรงเรียน โดดเดี่ยวชอบเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ เคยสมัครเข้าแข่งขันกรีฑาของโรงเรียน โดดเดียวบอกว่าอยากได้เหรียญทองเพื่อไปโชว์เพื่อนๆ และครู และได้เข้าเป็นสมาชิกชมรมพลศึกษาโดยบอกเหตุผลว่า"คุณครูใจดี และพูดดีครับ"
หลังจากที่สังเกตพฤติกรรมโดดเดี่ยวได้ประมาณ 1 เดือน ดิฉันได้นัดหมายกับโดดเดี่ยวและผู้ปกครองว่า ครูจะแวะไปเยี่ยมบ้านในวันหยุด จากการที่ได้สัมภาษณ์ดิฉันได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ปกครองของโดดเดี่ยวต้องออกไปทำงานตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐ น. กลับถึงบ้านเวลาประมาณ ๒๐.๐๐ ทุกวันและเป็นเช่นนี้ตลอดมา
จึงพอจะสรุปสาเหตุและปัญหาได้ว่า ครอบตรัวของโดดเดี่ยวขาดโอกาสที่จะให้ความรู้ ความเข้าใจแก่เด็กและการอบรมเลี้ยงดูที่เหมาะสม เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำมาหากิน โดดเดี่ยต้องอยู่คนเดียวตามลำพังเสียส่วนมาก อันส่งผลต่อสภาพจิตใจและเป็นอุปสรรคในการศึกษาเล่าเรียน
ในฐานะครูประจำชั้นที่ต้องรับผิดชอบกับลูกศิษย์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงหาแนวทางที่จะแก้ไขและพัฒนาเพื่อให้โดดเดี่ยว มีลักษณะที่พึ่งประสงค์ให้ได้ จึงนำวิธีการการสร้างแรงจูงใจมาใช้เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นความกระตือรือร้นของเด็ก โดยกิจกรรมดังกล่าวจะต้องนำไปสู่การส่งเสริมให้เกิดความรัก ความมุ่งมั่นอดทนในสิ่งที่ตนกระทำ อันจะทำให้การทำงานประสบผลสำเร็จและเกิดความภาคภูมิใจ
กิจกรรมที่เลือกนำมาทดลองใช้กับโดดเดี่ยวคือ
๑. กิจกรรมพลังคำพูด
๒. กิจกรรมวิ่งมินิมาราธอน
๓. กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน
ระหว่างนี้อยู่ในช่วงปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าว และระยะเวลาดำเนินการจะสิ้นสุดลงในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ แล้วจะมาเล่าให้ฟังถึงผลสรุปเป็นเช่นไร...เมื่อสิ้นสุดการดำเนินการค่ะ
โดย คนบ้านเดียวกัน
โดดเดี่ยงคงไม่เดียวดาย เพราะมีครูที่ดีคอยดูแลและให้กำลังใจอย่างนี้