การจัดกระบวนการเรียนรู้ในเย็นย่ำของวันนี้ เรียกได้ว่า “ปรับหน้างาน” ก็ไม่ผิด เพราะทั้งผมและ “ลุงนกกวี” ไม่ได้คุยเชิงลึกกันมาก เรียกว่าไม่ได้จัดแจงว่าต้องทำอะไรยังไง คุยกันแค่ว่า หลังเด็กๆ ทานข้าวเย็นเสร็จ ก็เรียกรวม เพื่อให้เจ้าของงาน ซึ่งก็คือลุงนกกวี ได้ชี้แจง “ความเป็นมาของกิจกรรมนี้”
และผมก็เสนอแนะว่า จากนั้นก็ทำกระบวนการง่ายๆ ให้เด็กๆ ทั้ง 5 โรงเรียนได้ทำความรู้จักกันเบื้องต้น ฝากโจทย์การเรียนรู้เล็กๆ จากนั้นปล่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตตามอัธยาศัย –
ค่าย/เวทีการเรียนรู้ในครั้งนี้มีชื่อเต็มๆ อย่างเป็นทางการว่า “โครงการสร้างสรรค์เด็กและเยาวชนแกนนำจังหวัดสุโขทัยรู้เท่าทันสื่อออนไลน์” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 มกราคม 2563 ณ โรงนาบ้านไร่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย โดยมีนักเรียนเข้าร่วม 30 คนจาก 5 แห่ง คือ
ภายหลังลุงนกกวี (สัญญา พานิชยเวช) บอกเล่าวัตถุประสงค์การจัดการเรียนรู้ พร้อมทั้งผนวกเรื่องราวเชิงชีวประวัติของแกเอง รวมถึงแก่นสารแห่งการเรียนรู้อื่นๆ เสร็จสิ้นลง เจ้าตัวก็ “โยนไมค์” มาที่ผม –
ครับ-โยนไมค์ เป็นการโยนไมค์แบบไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า ซึ่งผมก็เข้าทักทายโดยปกติ ระยะแรกก็พูดผ่านไมค์ฯ สักพักก็วางไมค์แล้วใช้เสียงสด เพราะประเมินแล้วว่า “เอาอยู่”
ผมบอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวในเชิงประวัติตนเองน้อยมาก หากแต่ถามทักเด็กๆ 2 คำถามนั่นคือ
ครับ-สองคำถามข้างต้น จริงๆ ก็คือการประเมินการเรียนรู้ก่อนการเรียนรู้จริงนั่นแหละ
รู้จักฉันรู้จักเธอ : ผ่านบัตรคำ
ถัดจาก 2 คำถามเบื้องต้น ผมให้เด็กๆ เลือกบัตรคำคนละใบ พอเลือกครบทุกคนแล้ว ก็ให้แต่ละคนแนะนำตัวเองและบอกเล่าให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ว่า
ส่วนประเด็นการแนะนำตัวเอง ผมให้ประเด็นไปกว้างๆ เช่น
เช่นเคยครับ – กระบวนการที่ว่านี้ ผมไม่ได้เจาะจงว่าเริ่มจากใคร แต่เปิดเวทีในแบบ “สุดแล้วแต่ว่าใครอยากบอกเล่าเป็นลำกับที่เท่าไหร่” แต่มีกติกาง่ายๆ เช่น ปรบมือทุกครั้งเมื่อมีคนยกมือพูด และปรบมืออีกครั้งเมื่อใครคนนั้นพูดจบ รวมถึงตั้งใจฟังเรื่องราวที่เพื่อนเล่า –
ทั้งนี้ในบางห้วงที่เด็กๆ บอกเล่าเรื่องราวตัวตนของเขา หรือบอกเล่าเรื่องราวของบัตรคำเสร็จ อะไรที่พอขยายความได้ ผมก็ขยายพอเป็นพิธี อะไรที่พอจะหยิกหยอกสร้างเสียงหัวเราะได้ ผมก็จะไม่ละเลย – เพราะนั่นคือ “บันเทิงเริงปัญญา” ในแบบฉบับของผม
พร้อมๆ กับการเฝ้าสังเกตและเก็บรายละเอียดว่า มีกี่คนที่เปิดเปลือยตัวเองเชิงลึก และมีใครบ้างที่เชื่อมโยงเรื่องราวของบัตรคำเข้าสู่ความเป็นตัวตนของตนเอง –
มีความหมายใดในกระบวนการเหล่านี้
ในบันทึกนี้ ผมขออนุญาตไม่หยั่งลึกลงถึง “ปากคำ” หรือ “คำตอบ” ของเด็กๆ ทั้งที่เป็น 2 คำถามอันเป็นการประเมินก่อนการเรียนรู้และกระบวนการเปิดเปลือยตัวเองผ่านบัตรคำ
ผมยืนยันว่านี่คือกระบวนการเรียนรู้ในมิติ “บันเทิงเริงปัญญา” ตามที่ผมถนัด เป็นการละลายพฤติกรรมเชิงความคิดภายใต้กรอบอันจำกัดของ “เวลา-สถานที่”
จะมีบ้างที่ช่วงท้ายๆ ผมสรุปแบบกว้างๆ ว่ากระบวนการเหล่านี้ คืออะไรบ้าง เป็นต้นว่า การประเมินความคาดหวังต่อการเรียนรู้ การประเมินต้นทุนของเด็กๆ ในเรื่องทักษะความคิด การสื่อสาร (ฟัง อ่าน พูด) ประเมินประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนทั้งด้านการมองชีวิต การใช้ชีวิต ปัญหา หรือจุดแข็งของตนเอง พร้อมๆ กับการทำหน้าที่เชื่อมเส้นทางให้เด็กๆ ได้เริ่มรู้จักกัน หรือเริ่มที่จะเปิดใจเรียนรู้กันและกัน
ประหนึ่งการเตรียมความพร้อมที่จะเรียนรู้จริงในวันพรุ่งนี้ก็ว่าได้
ส่งท้ายก่อนการเข้านอน
ก่อนแยกย้าย ผมโยนไมค์ไปยังคณะครูของเด็กๆ ผ่านคำถาม "เห็นอะไรจากกระบวนการเรียนรู้เมื่อสักครู่"
นี่ก็ "โยนไมค์" แบบไม่บอกล่วงหน้า เรียกได้ว่า "สร้างการมีส่วนร่วม" อย่างถ้วนหน้า เพราะก่อนนี้ ผมก็เชิญคณะครูทุกคนมาร่วมเลือกบัตรคำไปแล้ว เพียงแต่ท่านไม่ได้ขยับเข้ามาเท่านั้นเอง
ซึ่งการโยนไมค์ที่ว่านั้น จริงๆ ก็คือการเปิดโอกาสให้คุณครูได้ประเมินการเรียนรู้ลูกศิษย์ของตนเองนั่นแหละ -
จากนั้นผมจึงมอบภารกิจการเรียนรู้เพิ่ม 2 เรื่อง กล่าวคือให้แต่ละคนจัดทำสมุดบันทึกการเรียนรู้ (สมุดกระจก) ขึ้นคนละเล่ม และการมอบโปสเตอร์ให้โรงเรียนละ 2 แผ่น โดยให้แต่ละโรงเรียนออกแบบเองว่าจะไปติดตั้งไว้ในที่ใด ณ โรงนาบ้านไร่
ผมบอกกับเด็กๆ เพียงสั้นๆ แต่เพียงว่า “ลองออกแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองดูว่าจะติดตั้งความรู้ หรือสื่อการเรียนรู้ไว้ที่ใดได้บ้าง และต้องใช้อุปกรณ์อะไรช่วยติดตั้ง”
เชื่อไหม – หลังปิดเวที เด็กๆ ส่วนใหญ่ยังดูสดชื่น และกระตือรือร้นที่จะจัดทำสมุดบันทึกฯ หรือแม้แต่เริ่มจับกลุ่มเรียนรู้กันและกันมากขึ้นกว่าตอนที่มาแรกๆ ....
นั่นคือความจริงที่ผมพบเจอและสัมผัสได้
เขียน : ศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563 / สวรรคโลก-สุโขทัย
ภาพ : พนัส ปรีวาสนา / สัญญา พานิชยเวช
ไม่มีความเห็น