อุ่นไข่


สมัยก่อน ผู้ชายแถบบ้านผมมักจะมานั่งอุ่นไข่กันบนริมถนนหลวง ว่ากันว่ามันช่วยบำรุงสุขภาพทางเพศได้ดีนัก

ทำยังไงเหรอ 

ในช่วงเย็นๆค่ำๆ ผิวถนนลาดยางมะตอยที่ได้รับการแผดเผาจากดวงตะวันมาตั้งแต่เช้า ถึงช่วงเวลาปลายแสง มันจึงยังคงมีความร้อนระอุปล่อยออกมาพร้อมกลิ่นของยางมะตอยจางๆ

ความร้อนกำลังพอดี 

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำ หลังจากกรำงานหนักมาทั้งวัน กินข้าว อาบน้ำ สบายตัวเมื่อไหร่ ก็จะนุ่งโสร่งชวนกันเดินมานั่งพูดคุยกันบนถนนลาดยางในหมู่บ้าน แสงสว่างวาบจากไฟแช็ก มวนยาเส้นถูกจุด แสงไฟจากปลายมวนบุหรี่ทำมืออย่างหยาบๆ แดงเรื่อขึ้นมาตามแรงดูดของชายกลุ่มนั้น เค้าคงกำลังคุยกันอย่างได้อรรถรส ท่ามกลางแสงจันทร์และกลิ่นยาเส้นคละคลุ้ง

ลูกอัณฑะตั้งแหมะลงบนพื้นถนน มีเพียงผืนโสร่งเท่านั้นที่กั้นมันไว้จากพื้นผิวยางมะตอยที่ปลดปล่อยความร้อนออกมาพอให้อุ่นๆ

อย่างนี้สินะ ที่เค้าเรียกกันว่า “อุ่นไข่”

ครูสุขศึกษาเคยสอนผมสมัยเรียนชั้นมัธยมถึงชุดความเชื่ออันนี้ ว่ามันจะช่วยเสริมสมรรถนะทางเพศของเจ้าของตุ้มอัณฑะคู่นั้น มันน่าจะเป็นพฤติกรรมของผู้ชายเขตปลายด้ามขวานกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งเลยทีเดียว
.......................

“หมอคะ เย็นนี้ไปวิ่งรอบอ่างเก็บน้ำนาทองสุกกันไหม” คุณใหม่ เซเลปแห่งไทยรันเอ่ยปากชวนผมเมื่อตอนเช้า

“ไปสิ อยากไปอยู่นานแล้ว เห็นแต่ในรูป มันน่าจะสวยดีนะ” เวลาเจอสาวๆออกปากชวนแบบนี้ การปฏิเสธคงเป็นความโง่เขลาอย่างหนึ่ง

ราวบ่ายสี่โมงครึ่ง พวกเราจึงมาพร้อมกันที่หน้าโรงเรียน มอ.ว. ผมพบว่าทีมของพวกเราในวันนี้มีด้วยกัน ๑๕ คน เป็นเด็ก ๕ คน
ตั้งการนำทางด้วยกูเกิ้ล แล้วเราก็ขับหลบการจราจรออกมาทางบ้านในไร่ ออกถนนใหญ่เส้นหลักของสายใต้ ขับมาจนถึงสี่แยกอำเภอนาหม่อม เลี้ยวขวาไปอีกไม่นานก็ถึง “อ่างเก็บน้ำบ้านนาทองสุก”

มันคืออ่างเก็บน้ำที่มีรูปร่างพิศดารเว้าไปเว้ามา รอบสันอ่างถูกราดด้วยยางมะตอยอย่างดี หญ้าแฝกถูกนำมาปลูกไว้บริเวณรอยต่อของถนนกับผิวดินที่ลาดลงไปเพื่อป้องกันการชะหน้าดินริมอ่างน้ำ เพียงแต่มันคงยังมีไม่มากพอ ดังนั้นยามเมื่อน้ำลดลงมากอย่างช่วงเวลานี้ ร่องรอยของขอบถนนที่ยุบตัวทรุดลงไปจึงมีให้เห็นเป็นหย่อมๆ

เรามากัน ๑๕ คน แต่การวิ่งล้วนกระจัดกระจาย 
ในช่วงเย็นวันนี้ มีคนมาวิ่งรอบอ่างน้ำไม่มากนัก ผมมองลงไปในอ่างเก็บน้ำ เกาะเล็กๆโผล่สันผิวดินให้เห็นพร้อมกิ่งไม้แห้ง นกกาน้ำเล็กเกาะคอนขอนไม้อย่างสงบ กางปีกผึ่งแดดด้วยท่าเฉพาะของมันนิ่งอยู่อย่างนั้น

“ผิวถนนมันนุ่มสบายดี” ผมบอกอาจารย์โจ๊กที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้า

ใช่ครับ มันนุ่มพื้นเท้าดีจริงๆ มันสบายกว่าตอนที่วิ่งในงานวิ่งต่างๆที่วิ่งบนพื้นถนนลาดยางมะตอยในเมือง หรือผมอาจจะรู้สึกไปเอง

ผมเพลิดเพลินไปกับการวิ่งตามจังหวะปกติของตัวเอง นั่นคือกิโลเมตรละ ๘ นาที ปล่อยให้หัวใจเต้นเฉลี่ยราวๆ ๑๕๐-๑๖๐ ครั้งต่อนาที ลดกว่านี้ไม่ได้แล้ว พยายามต่อรองหลายทีก็ลดไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้เหนื่อยจนลิ้นห้อยไง ผมยังคงวิ่งไป ชมสรรพสิ่งรอบตัวไปได้เรื่อยๆ

ผมสัมผัสทุกสิ่ง

ผมสัมผัสได้ว่า อากาศมันร้อน อากาศออกจะอบอ้าว ลมนิ่ง เรียกได้ว่า หากอยากจะเล่นว่าวตอนนี้ คงได้แต่สปลิ๊นท์ตัววิ่งลากว่าวได้อย่างเดียวกระมัง (แต่ครั้นจะทำอย่างนั้น ก็คงได้วิ่งกันลิ้นห้อย) จึงลองสังเกตพื้นที่รอบตัว พบว่าอ่างเก็บน้ำแห่งนี้มีภูเขาล้อมรอบอยู่ถึง ๓ ด้าน มันเหมือนอยู่ในวงเกือกม้า มิน่า ลมจึงนิ่งนัก

ผมยังคงมองท้องฟ้า ผมพบว่าท้องฟ้าเย็นนี้สีสวย เมฆอัลโตคิวมูลัสมองดูสวยงาม มีเครื่องบินผ่านหัวผมไปหลายลำ 
เออ..ใช่สิ นี่คือเส้นทางของการร่อนลงก่อนถึงสนามบินนี่นา มุมเลี้ยวอยู่ทางทิศตะวันออกของตัวอ่าง และเพียงไม่นานล้อเครื่องบินก็ถูกปล่อยลงมา
“แฟลพส์ทู”
“เช็ค”
“เกียร์ดาวน์”
“เช็ค”
ผมจินตนาการบ้าบอไปถึงเสียงสนทนาในห้องนักบิน

“ไปต่ออีกรอบมั้ยแม่” ผมถามเมียที่วิ่งมาคู่กันเมื่อเรามาถึงจุดเริ่มต้น นาฬิกาที่ข้อมือระบุว่า เราวิ่งมาได้ ๒ กิโล ๗ ขีด
“ไป” เธอตอบห้วนๆ ชะรอยคงกำลังเหนื่อย
ผมยิ้ม เพราะนานเหลือเกินแล้ว ที่เราไม่ได้วิ่งคู่กัน เธอโปรดเทนนิส ผมเกลียดเทนนิส ผมชอบวิ่ง เธอไม่ชอบวิ่ง
ผมเคยเล่นเทนนิสกับเธอเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต ตอนนั้นเรากำลังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ฝึกงานเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ ๖ อยู่ที่โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราชด้วยกัน

แต่เมื่อไม่ได้ชอบเทนนิสเสียจริงๆ ผมจึงทิ้งแร็กเก็ตไปตั้งแต่ตีได้ไม่ถึงสัปดาห์ แล้วหันมาออกวิ่งแทน

“วิ่งด้วยกันก็ได้” เธอเป็นฝ่ายยอม

“นานแค่ไหนแล้ว ที่เราไม่ได้มาวิ่งด้วยกัน” ผมพูดกับตัวเองในใจ พลางวิ่งไป ดูตูดเมียตัวเองซึ่งวิ่งนำหน้าผมอยู่เล็กน้อย

เพลิน

“ร้อนจังเลยพ่อ” เธอปาดเหงื่อ
“ใช่แม่ ลมไม่ค่อยพัด แถมยางมะตอยมันปล่อยความร้อนออกมาด้วยไง” ผมบอกเธอ

“ถนนอุ่นแบบนี้ น่ามานั่งอุ่นไข่จังเลยนะแม่นะ” ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมา การหัวเราะและหายใจเข้าออกแรงๆ ช่วยให้ผมมีแรงเพิ่มมาอีกนิด

.................................

ครูสุขศึกษาเคยสอนผมสมัยเรียนชั้นมัธยมถึงชุดความเชื่อที่ว่า การนั่งอุ่นไข่มันจะช่วยเสริมสมรรถนะทางเพศ

ในตอนนั้นมันคือความรู้ที่ถูกส่งต่อ และผมก็เชื่อมันโดยไม่ได้ไตร่ตรองเพิ่มเติม

แต่ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์ที่สอนผมในช่วงชีวิตต่อมาบอกว่า อัณฑะของผู้ชายทั้งหลายที่มันห้อยลงมานั้น เพียงเพื่อจะทำให้อุณหภูมิภายในถุงอัณฑะ ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกายเล็กน้อย มันคืออุณหภูมิที่เหมาะสมในการสร้างอสุจิ 
เคยสังเกตไหม เมื่อไหร่อากาศร้อนๆ ถุงอัณฑะเราจะห้อยลงมาห่างจากลำตัวมากหน่อย นั่นคือการรักษาอุณหภูมิให้คงที่ และเมื่อครั้นอากาศหนาว หรือเราลงไปแช่ในน้ำตกที่เย็นเฉียบ ถุงอัณฑะเราจะหด ทำให้อัณฑะเข้าใกล้ร่างกาย อุณหภูมิภายในจะได้สูงขึ้นอีกนิด

ธรรมชาติมันแสนอัศจรรย์

แล้วคราวนี้ การมานั่งอุ่นไข่อยู่บนผิวถนนที่แสนจะระอุ มันจะไปเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้อย่างไร

ผมก็ไม่รู้หรอกครับ ก็บอกแล้วไง ว่ามันคือชุดความเชื่อ

แต่ผมแอบมาคิดว่า มันอาจจะเป็นจริงได้ด้วย ๒ เหตุผล

อย่างแรก 
อุณหภูมิที่สูงจากผิวถนน จะทำให้กระบวนการสร้างอสุจิลดลง คงมีใครสักคนที่นั่งอุ่นไข่เป็นประจำแล้วพบว่า เมียไม่ท้อง เขาจึงไม่ต้องแสวงหาการคุมกำเนิดแบบอื่นๆเพิ่มเติม การมีเซ็กส์จึงปราศจากพันธนาการจากการกลัวเมียท้อง กระมัง

หึหึ อันนี้ผมคิดเอาเองนะครับ อย่าได้เชื่อเอาเป็นเรื่องเป็นราว

อย่างที่สอง
การมานั่งอุ่นไข่ช่วยทำให้เมียไม่ท้องได้จริงๆ หากในการมานั่งอุ่นไข่บนผิวถนนหลวงในช่วงค่ำคืนมืดมิดเสียแบบนั้น มีกี่คนแล้วล่ะ ที่ถูกรถชนตายไปเสียก่อน อย่างนี้ เมียก็ไม่ต้องท้องจริงไหม

บ้าจริง

เอาเป็นว่า ชุดความเชื่อแบบนี้ เป็นหายนะทางปัญญา โปรดอย่าได้เชื่อตาม
และเดี๋ยวนี้ ผมก็ไม่เคยเห็นใครมานั่งริมถนนแบบนี้อีกแล้ว
.......................

ผมหัวเราะออกมาเสียงดังจนเมียสงสัย
“เป็นอะไรพ่อ” 

“ก็แค่คิดไปขำๆน่ะแม่ พ่อแค่อยากลองนั่งอุ่นไข่ดูเท่านั้น คืนนี้จะได้ไม่ต้องใส่ถุงยาง”

ถะแลม ถะแลม ถะแลม

ธนพันธ์ ชูบุญอุ่นไข่
๑๒ สค ๖๒

คำสำคัญ (Tags): #อุ่นไข่
หมายเลขบันทึก: 673134เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 16:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 16:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท