ตกเลือดหลังคลอด รกเกาะต่ำ


ในช่วงเวลาที่ถูกปลุกขึ้นมายามดึกด้วยอาการปวดฉี่ ผมมักจะเดินกึ่งหลับตาเข้าห้องน้ำ ด้วยความจดจำช่วงก้าว ข่องทางและระยะทางสู่โถส้วมได้

ค่อยๆนั่ง และปล่อยฉี่ออกมา พึงระวังอย่าให้จู๋กระดกขึ้นมา ไม่งั้นพื้นเปียก ตอนเช้าจะถูกเมียด่า

แต่คราวนี้มันต่างออกไป

เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาช่วงเกือบตีหนึ่งเพื่อปรึกษาเคสในโรงพยาบาล ผมจึงรีบตื่น สลัดความง่วงออกไปจนสิ้น 

“ผมรอเธอมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ได้เจอกันสักทีนะ” รำพึงขึ้นมาในใจ ส่งเสียงดังกว่านี้ไม่ได้ เมียกำลังซุกตัวในผ้านวมอย่างสุขสบาย

ผมนั่งฉี่และทำสมาธิเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน

“บรู๊วววววววววว” เสียงทอดยาวมาจากนอกกำแพงหมู่บ้าน จากนั้นก็มีการขานรับกันเป็นทอด มันเหมือนการกู่ร้องเพื่อต้อนรับให้กับใครสักคนที่กำลังเดินเข้ามา

“โถ ช่วงพรรษาเขาว่าบุญแรงนัก ใครๆก็มักจะมาขอส่วนบุญกันช่วงเวลานี้แหละ นี่ผมกำลังจะไปโรงพยาบาล ได้โปรดอย่ามาขอส่วนบุญกันตอนนี้ อย่า! ผมต้องการสมาธิ” คราวนี้ผมตาสว่างเต็มที่แม้ไฟห้องน้ำจะไม่ได้เปิด

..........................................................................

“อาจารย์ครับ มีเคสจะส่งตัวมาจากภูเก็ต คนไข้ตกเลือดหลังคลอดครับ” คุณหมอวิน หัวหน้าทีมที่อยู่เวรในวันนี้โทรศัพท์มาหาผมราวบ่ายสองเศษๆ

“คนไข้ผ่าท้องคลอดครับ มีรกเกาะต่ำ หยุดเลือดไม่ได้ หมอที่ดูแลบอกว่าจะส่งมาให้เราตัดมดลูกครับ” เสียงรายงานบอกมาอย่างนั้น

“แปลกจัง ทำไมไม่ส่งเข้าโรงพยาบาลจังหวัด” ผมพึมพัม และเราก็คุยกันในรายละเอียดอีกพักหนึ่ง
“วินบอกให้เค้าส่งไปสุราษฎร์ฯ น่าจะถึงเร็วกว่าที่เรา แต่หมอที่ผ่าตัดที่นู่นบอกว่า ต้องที่เราเท่านั้นครับ” 

“จะเอายังไงก็เอา แต่บอกทีมทางนู้นให้ทราบไว้ก่อน ว่าคนไข้อาจจะทนมาไม่ถึง มันไกลเหลือเกิน” ผมกำลังคิดว่า เราอาจจะสูญเสียคนไข้ไปอีกคนแน่ๆ

นั่นคือบ่ายสองครึ่ง ผมคำนวณเวลาดูคร่าวๆ หากคนไข้จะรอดมาจนถึงมือพวกเราได้ก็น่าจะใช้เวลาราว ๖-๗ ชั่วโมงในการเดินทาง นั่นคือสามทุ่มกว่าๆ

“วินครับ ตรวจสอบหน่อย ทีมพวกเราเหลืออยู่กี่คน” ผมหมายถึงทีมหมอผ่าตัดมะเร็ง กลุ่มคนที่ถูกวางตัวเอาไว้หากว่ามีเคสตกเลือดรุนแรง พวกเขาจะต้องเข้ามาช่วยดูแลเป็นกำลังหลักในการผ่าตัดห้ามเลือด ผมทราบมาว่า พวกเขาไปประชุมอยู่ต่างจังหวัดกันน่าจะเกือบทุกคน

“เหลือพี่อิงคนเดียวครับ ตอนนี้ผมโทรแจ้งที่ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด และไอซียูแผนกศัลย์ไว้แล้วนะครับ เค้าจะจองเตียงให้เราเตียงนึง” การจัดการแบบนี้ได้ นับว่าเจ๋ง คุณหมอวินเป็นอีกคนหนึ่งที่มี situation awareness หรือความตระหนักรู้สถานการณ์ที่ค่อนข้างดี

“เค้าจะมาถึงเหรอพ่อ” เมียผมถาม เพราะเธอทราบดีถึงความทรมานจากการนั่งรถมาจากเกาะใหญ่นั่น
“พ่อว่าไม่น่าจะถึงนะแม่ ตกเลือดเสียอย่างนั้น ตอนนี้ก็เพียงภาวนาให้เขาเปลี่ยนใจส่งเข้าโรงพยาบาลจังหวัด” ผมรู้สึกเครียดในใจลึกๆ

“เพียงแต่ที่เขาไม่ยอมส่งไป พ่อว่ามันต้องมีอะไรที่ไม่ปกติ” ผมพูดลอยๆ แล้วยกขาด้านหนึ่งพาดบนตักเมีย นั่นคือการบอกว่า “เมื่อยจัง” เธอค่อยๆยื่นมือมาบีบให้เบาๆ ซึ่งแม้ว่ามันจะเบาคล้ายการสัมผัส แต่มันก็ดีกว่าการไม่ใส่ใจไม่ใช่หรือ

“อาจารย์ครับ ตกลงเค้าออกรถมาแล้วนะครับ ที่ช้าอยู่เพราะว่าคนไข้กำลังช็อค ต้องให้น้ำเกลือให้เลือดกันก่อน” คุณหมอวินรายงานให้ทราบ นั่นคือเวลาบ่ายสี่โมงครึ่ง

“เออ” ผมเปลี้ยเกินกว่าที่จะต่อประโยค
“ออ..เดี๋ยวครับวิน ขอเบอร์โทรศัพท์ของพยาบาลในรถไว้ด้วย มีอะไรจะได้ปรึกษากัน” ผมบอกไป

แม่อยู่กับผม แกคงตกใจมากสักหน่อยที่ได้ทราบข้อมูลที่ผมคุยทางโทรศัพท์ 
“คนไข้หนักมากเหรอลูก” แม่ถาม
“พอดูนะแม่ แป๊ะกลัวเค้าจะมาไม่ถึง กลัวคนไข้ตายกลางทางจังเลย” ผมบอกความวิตกให้แม่ได้รับทราบ

“อาจารย์ครับ” เสียงดังมาอีกรอบในเวลาหกโมงเย็น
“ตอนนี้รถพยาบาลถึงอ่าวลึกแล้วนะครับ เลือดที่เตรียมมาทั้ง ๕ ถุง ถูกใช้ไปแล้ว ๔ นะครับ เหลืออยู่อีก ๑ ถุง ฝนตกหนักมาก รถพยาบาลวิ่งเร็วไม่ได้เลย เค้าโทรมาปรึกษาว่าให้ทำยังไงดี” คุณหมอวินมีน้ำเสียงอ่อนใจเช่นเดียวกัน
“แวะเข้ากระบี่เลย อย่าถ่อมา เดี๋ยวคนไข้ตาย” ผมสั่งการ

มื้อเย็นวันนั้นเรากินข้าวกันในบ้าน ผมไม่กล้าออกไปกินในห้างอย่างที่ลูกสาวอยากไปกิน เธอบอกว่าอยากกินชาบู แต่ช่วงเวลาอยู่เวร พ่อต้องอยู่ใกล้โรงพยาบาลให้มากที่สุด รู้สึกได้ว่าอาหารมื้อนี้วันนี้มันฝืดคอ

“อาจารย์ครับ คนไข้ยังอยู่นะครับ เค้ามาถึงตรังแล้ว ไม่ได้แวะเข้ากระบี่นะครับ ตอนนี้เลือดหมดครับ พยาบาลในรถรีเฟอร์โทรมาถามว่าจะเอายังไงดี” นั่นคือเวลา ๒ ทุ่มเศษ
“แล้ววินตอบว่าไง” ผมถาม
“ให้เค้าเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลตรังครับ ไม่มีทางเลือกอื่น” ลูกศิษย์ตอบ

“คนไข้ยังอยู่อีกเหรอพ่อ” เมียผมเงยหน้าจากหนังสือนิยาย เธอได้ยินเสียงผมรับโทรศัพท์ อันที่จริงเธอก็ได้ยินต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว
“ใช่แม่ อายุเค้ายังน้อย ร่างกายเลยยังไหว แต่พ่อก็ไม่แน่ใจว่าจะไหวไปอีกนานเท่าไหร่ ถ้ายังขืนวิ่งรถต่อโดยไม่เข้าตรัง พ่อว่าเธออาจจะตายบนเขาพับผ้า” นั่นคือการรำพึงล้วนๆ

“พ่อว่าที่ตรังคงเครียดหนักแน่ๆ มันไม่ใช่เคสธรรมดาเสียแล้ว” ใช่สิ จะธรรมดาได้อย่างไร ผมลองนับย้อนหลังกลับไป คนไข้ถูกผ่าท้องตั้งแต่สิบเอ็ดโมง และตอนนี้เกือบสามทุ่ม นั่นคือ เธอตกเลือดมาเกือบสิบชั่วโมงน่าจะผ่านการช็อคมาหลายรอบ มันคืออาการ “น่วม” ของจริง คนที่จะตัดสินใจผ่าตัดนี่ถ้าไม่แน่จริงคงไม่กล้าเปิดห้องผ่าตัด 

ผมถอนหายใจลึกๆ และพยายามนอนให้หลับ ถ้าคนไข้มาถึงจะได้ไม่ง่วงค้าง แต่มันจะหลับลงไปได้อย่างไร

“อาจารย์ครับ มาถึงแล้วนะครับ คนไข้ยังคงความดันไม่ปกติ หมอที่ตรังไม่กล้าผ่า ให้เลือดเพิ่มมาอีก ๒ ถุง และเพิ่มยาอิโนโทรปมาให้ ตรวจภายในยังคงมีเลือดออกอยู่ตลอดเวลาครับ วินเซ็ตห้องผ่าตัดแล้วนะครับ ทีมดมยาขอเวลาเตรียมเลือดอีกเพียงไม่นาน อาจารย์พี่อิงรับทราบ เดี๋ยวจะเข้าไปรอในห้องผ่าตัดเลย” ไอ้ยาอิโนโทรปที่ว่านั้น คือยาบีบหลอดเลือด มันถูกให้เพื่อพยุงความดันเลือดผู้ป่วยไม่ให้ช็อค

“ครับ ผมจะออกไปเลย” ผมบอกลูกศิษย์ 

สะบัดเจี๊ยวจนสะเด็ดน้ำ ล้างมือ เปิดไฟและใส่เสื้อผ้า ก่อนเดินลงจากห้องนอนชั้นสอง ก็หันไปยกมือไหว้พระบนชั้นลอยของบ้าน ขอท่าน ๒ อย่าง หนึ่งนั้นคือขอให้คนไข้ปลอดภัย และอีกหนึ่งนั้นคือกลัวผี ไม่อยากเห็นผี หมาทั้งฝูงมันยังไม่หยุดหอน จะเปิดประตูออกนอกบ้าน แต่ใจมันพาลจะฝ่อ
“บรู๊ววววววววว”
...................................................

“เราจะผ่าตัดเอามดลูกออกนะครับ อุปสรรคที่สำคัญก็คือ เราไม่รู้ว่าข้างในมันเป็นยังไงบ้าง ไม่รู้ว่าพังผืดในท้องจะมากไหม และที่สำคัญคือ ผมกังวลเรื่องการแข็งตัวของเลือดนะครับ หากมันไม่ค่อยแข็งตัว เลือดอาจจะออกไม่หยุด และหากเราจัดการเรื่องเลือดไม่หยุดไม่ได้ อาจจะต้องใช้ผืนผ้าขนาดใหญ่อุดเลือดทิ้งเอาไว้ในท้อง แล้วค่อยมาผ่าตัดเอามันออกทีหลังนะครับ” ผมยืนอธิบายให้คนไข้และแม่ได้รับทราบก่อนการเข็นเตียงไปห้องผ่าตัด เพียงแวบหนึ่งก็รู้สึกสะท้อนใจ อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่ามันคือปาฏิหารย์ที่เธอยังทนมาจนถึงมือพวกเราได้

หมอดมยาขอเวลาอีกนิดเพื่อการสอดแทงเข็มเข้าหลอดเลือดแดงที่ข้อมือ จากนั้นก็แทงอีกจุดที่หลอดเลือดดำที่คอข้างขวา ปลายหลอดที่สอดไปนั้นจะถูกจ่อไปที่ขั้วของหัวใจ

“เราเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ไว้ใจทีมเรานะ” ผมมองหน้าเธอ ใบหน้าซีดเผือดนั้นส่งแววตามีความหวังกลับมาให้ก่อนที่หมอดมยาจะฉีดยาให้เธอหลับลง

เราใช้เวลาผ่าตัดตั้งแต่ตี ๓ มาเสร็จเอาก็เกือบ ๗ โมงเช้า รกเกาะต่ำเป็นสาเหตุของเลือดออกจริงๆ ขยุ้มของหลอดเลือดขอดที่บริเวณผิวกระเพาะปัสสาวะนั้นมันเหมือนขดยางหนอน มันบอกถึงความรุนแรงของภาวะรกเกาะต่ำได้ดี ทั้งหมดค่อยๆถูกหนีบจับ จี้ด้วยไฟฟ้า หรือผูกด้วยเส้นไหม มดลูกถูกตัดยกออกมาจากช่องท้อง เราเสียเลือดไปทั้งหมด ๑๒,๐๐๐ ซีซี เลือด น้ำเหลือง และเกล็ดเลือดถูกนำมาให้อย่างมากมาย ทีมดมยาหัวเตียงปั๊มเลือดและสารประกอบต่างๆเข้าไม่หยุดไม่หย่อน

“เสร็จนะครับ” ผมถอนหายใจแรงๆครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ อาจารย์อิงนิ่งมาก เธอเก่งจริงๆ
“ไอซียูพร้อมแล้วนะคะ เราจะตรงไปเลย ไม่แวะที่ไหน” หมอดมยาบอกให้ทราบ

เหมือนเทวดาจะรู้
ในเวรวันนั้น เราไม่มีคนไข้คนอื่นถูกส่งเข้ามาเลย เราจึงมีสมาธิกับคนไข้คนนี้ได้อย่างเต็มที่

“เธอรู้ไหม การที่เธอมาถึงที่นี่ได้มันคือปาฏิหารย์” ผมบอกคนไข้ในวันที่เธอได้ออกมาจากไอซียู ท่อช่วยหายใจถูกเอาออก
“หนูจำอะไรไม่ค่อยได้เลยค่ะหมอ ทุกอย่างมันเบลอๆไปหมด” แน่สิ เล่นความดันตกมาตลอดทาง สมองจะไปรับรู้อะไร
“เธอมีเทวดาคุ้มครองมากมาย” ผมบอก
“เหรอคะ” เธอไม่เข้าใจ เพียงแต่ยิ้มรับ

“ก็ตลอดทางที่เธอถูกส่งตัวมา หมอตามโรงพยาบาลต่างๆที่อยู่เวรในวันนั้นเค้าเฝ้าติดตามเธออยู่ตลอด เรียกว่าเธอผ่านอำเภออะไร จังหวัดอะไร พวกเค้าเตรียมตัวรับเธอหมดเลย” ผมนึกถึงข้อความของลูกศิษย์ที่ส่งมาหา 
“เผื่อไว้ค่ะครู เผื่อเค้าหัวใจหยุดเต้นระหว่างทาง พวกหนูจะช่วยปั๊มหัวใจให้” นั่นคือเสียงจากพังงา
“ที่พัทลุงก็นอนไม่หลับค่ะ หนูอยู่เวรก็เตรียมตัวเตรียมใจปั๊มหัวใจให้คนไข้เหมือนกัน” อันนี้หมอเวรลูกศิษย์ไม่ได้ส่งเสียงมา แต่คนข้างๆเขาบอกผมมาอย่างนั้น

ผมจึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่าคนไข้ของผมคนนี้มีเทวดาล้อมรอบตัวมาตลอดทาง ช่างน่าชื่นใจจริงๆ

เธอได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ในวันที่น้ำนมของเธอไหลออกมา ผมนี่น้ำตารื้น 

น้ำนมไหลแล้วไง? คงมีคนสงสัย
อย่างแรกมันบอกว่า สิ่งที่น่ากลัวมันไม่เกิด นั่นคือการฝ่อของต่อมใต้สมอง คนท้องที่ตกเลือดรุนแรง หากมีการฝ่อของต่อมใต้สมอง จะทำให้เธอขาดฮอร์โมนหลายชนิด ร่างกายจะถูกบั่นทอนมากกว่านี้ ที่สำคัญคืออายุสั้น การมีนมไหลแสดงว่าทุกอย่างยังอยู่ดี การให้สารน้ำ ให้เลือดเป็นไปอย่างเหมาะสม ที่สำคัญนั่นน่าจะเป็นเพราะเธอยังสาว เธอทนมันได้

อย่างที่สอง คือลูกจะได้กินนมแม่ไง ลูกกับแม่จะได้เจอกัน อย่างนี้ไม่เรียกว่าดีแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร

บทเรียนในการดูแลคนไข้คนนี้สอนอะไรหลายอย่าง

การผ่าท้องคลอดคือความเสี่ยง การตั้งท้องต่อไปหลังการผ่าคลอดมีความเสี่ยงในการเกิดรกเกาะต่ำ ยิ่งหลายครั้ง ความเสี่ยงยิ่งสูง ในรายงานวิจัยพบว่า หากผ่าคลอดมาแล้ว ๔ ครั้ง ในการตั้งท้องครั้งที่ ๕ โอกาสเกิดรกเกาะต่ำมีมากกว่า ๖๐%

เก่งแค่ไหนก็อย่าผ่าตัดคนเดียว ควรมีเพื่อนคู่กายคู่ใจมาช่วยผ่าด้วย

นอกจากนั้นยังคงต้องมีทีมที่ดีด้วย ในโรงพยาบาลนั้นควรต้องมีหมอศัลย์ หมอดมยา ห้องคลังเลือด ไอซียู
อย่างข้อนี้ ผมมีพร้อม เอาง่ายๆ หลังผ่าตัดเสร็จในช่วงเจ็ดโมงเช้า ผมก็โทรหาอาจารย์พี่เปิ้ล
“พี่ มาช่วยดูคนไข้ในไอซียูให้หน่อย” เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครเก่งไปกว่าเธอ
“ได้ค่ะแป๊ะ” เสียงแบบนี้ ทำให้ผมกลับไปนอนพักผ่อนได้อย่างสนิทใจ

.....................

ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะปวดฉี่ บรรจงนั่งลงบนโถในสภาพที่ยังหลับตา กดหัวกระจู๋ลงและฟังเสียงฉี่กระทบน้ำในโถ
“โกร๊กกกกกกกก” 
การสะบัดเพื่อสะเด็ดน้ำไม่ได้ก่อให้เกิดเสียง

ควานหาผ้าเพื่อปิดคลุมร่างกายก่อนออกจากห้องน้ำยามดึกนั้น

“เอ๊ะ...หายไปไหน” ผมอุทานเบาๆ

“ออ..ลืมไป ไม่ได้ใส่อะไรนอน” มึนไปหน่อย สงสัย Hat Yai craft pale ale เมื่อหัวค่ำมันแรงไปหน่อย หึหึ

ธนพันธ์ ชูบุญชอบสะเด็ดน้ำ
๔ สค ๖๒

ส่งท้าย..
“วินครับ พยาบาลที่มาส่งคนไข้อยู่ที่ไหน” ผมอยากจะขอบคุณพวกเธอกับปาก
“ไปแล้วครับอาจารย์ คงไปอ้วกอยู่ที่ไหนสักที เค้าบอกว่าเมารถกันถ้วนหน้า” 

โถ......

หมายเลขบันทึก: 673132เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 16:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 16:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท