แม่คนงามเพิ่งเสร็จจากไปรำโชว์ ส่วนพ่อเพิ่งเสร็จผ่าตัดฉุกเฉิน
“ไปกินหมี่ไก่กันลูก” ผมเอ่ยปากชวนลูก เพราะชวนแม่มันก็มักจะไม่ค่อยยอมไป เธอนั้นเป็นตระกูลกระเพาะเล็ก อิ่มคืออิ่ม
“ไปสิพ่อ” นั่นไง เห็นไหม
“กรหมี่ไก่” คือหมุดหมาย
“จ้า ลูกอยากกินผลไม้ในรถคันนั้นไหม” ผมถาม
“อยากสิพ่อ ช่วงนี้อยากกินมะม่วง รู้สึกว่าชีวิตขาดความเปรี้ยว” นับว่าเป็นคำตอบที่ชวนให้น่าตบนิดๆ แหม..ชีวิตขาดความเปรี้ยว
“ลูกไปซื้อเองนะ พ่ออยากให้ลูกได้เห็นสกิลการปอกมะม่วงของพ่อค้ารถเข็น หลายๆคนเค้าเจ๋งมาก” จริงๆนะ ทักษะการทำมาหากินของชาวสตรีทฟู้ดนั้นน่าทึ่งเสมอ
แล้วเธอก็ไปสอยมาลูกหนึ่ง พร้อมพริกเกลือ
เราค่อยๆหยิบชิ้นมะม่วงที่ผ่านการเฉาะมาอย่างหยาบๆ จิ้มสวบๆลงในพริกเกลือแห้งๆนั้น
“กร้วม....” ถึงใจ
“ลูกว่า พริกเกลือนี้เค้าจะใส่ผงชูรสไหม” ผมถาม
“พริกลาว ใส่อยู่แล้ว” เธอตอบ
“ห๊ะ ว่าไงนะ พริกลาว ลูกไปได้ความรู้นี้มาจากที่ไหน” ผมงงจริงๆ
“แถวโรงเรียนจ้าก็ขาย เพื่อนๆก็กินกันอยู่เรื่อยๆ” ผมจินตนาการถึงกลุ่มเด็กนักเรียนสุมหัวกันแย่งจิ้มพริกเกลือ หรือพริกลาวที่ลูกบอกมา
“แล้วลูกยังจะกินอีก” ผมมองหน้าเธอ
“อร่อยนะพ่อ พ่อก็จิ้มนิดเดียว แค่พอรู้รส” แน่ะ..มีการติว
“แล้วนี่ราคาเท่าไหร” ผมถาม
“ยี่สิบ” เธอยื่นตังค์ทอนใบยี่สิบคืนมาให้ ๔ ใบ
แล้วเราสองคนก็จัดการมะม่วงลูกนั้นกันจนเกลี้ยงก่อนหมี่ไก่เมนคอร์สจะมาถึง
ผมนึกไปถึงเมื่อตอนเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมที่โรงเรียนสุราษฎร์ธานีเมื่อกว่า ๓๐ ปีที่แล้ว
ผลไม้รถเข็นก็เป็นหนึ่งในของโปรด ที่หลังจากเสร็จจากมื้อเที่ยงที่แสนจำเจก็ต้องมาจบที่ร้านรถเข็นขายผลไม้ดองหลากชนิด
ลุกหลุมพี ใส่พริกเกลือบ้าง น้ำปลาหวานบ้าง ๒ บาท
ลูกจันทร์ดอง ผ่าครึ่งแล้วแงะเอาเมล็ดออก ใส่พริกเกลือลงไปตรงกลาง ประกบลูกจันทร์เข้าหากัน รสเปรี้ยวติดเค็ม และความเผ็ดร้อนคือสเน่ห์ของมัน นั่นก็ ๒ บาท
แหม...น้ำลายสอขึ้นมาเชียว
“แล้วนี่ราคาเท่าไหร่”
“ยี่สิบ”จ้าตอบ
“ดีจัง” ผมกระหยิ่มในใจ
ก็แค่ ๒๐ บาท
แต่มันคือ ๒๐ บาทในระบบเศรษฐกิจสตรีทฟู้ด ระบบที่เงินทุกบาทล้วนมีคุณค่ามากเสียเหลือเกิน
ธนพันธ์ ชูบุญแค่ดูลูกกินก็อิ่มใจ
๖ สค ๖๒ สองทุ่มครึ่ง
ไม่มีความเห็น