วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๒ ผมไปทำหน้าที่เจ้าภาพงานแต่งงานของหลานสาว เภสัชกร ชนิสรา ลือวิพันธ์ เจ้าของร้านขายยา ขอบคุณเภสัช ที่นครปฐม ทำให้ได้ความรู้ที่นำมาแลกเปลี่ยนในบันทึกนี้
ผู้ให้ความรู้นี้แก่ผมคือ ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ นพ. ทรงชัย ศรีโรจนกุล ศิษย์เก่าศิริราชรุ่น ๗๙ ซึ่งท่านมีความทรงจำดีกว่าผม บอกว่าผมเคยสอนนักศึกษาแพทย์ศิริราชรุ่นท่านเป็นรุ่นสุดท้ายก่อนจะย้ายไปทำงานที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่
วงสนทนาออกรสและมีความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วเพราะสายสัมพันธ์ผ่านความเป็นศิษย์เก่าศิริราชร่วมกัน คือผมรุ่น ๗๑, สาวน้อยรุ่น ๗๓, นพ. วิชัย พานิช รุ่น ๗๖, นพ. วิโรจน์ พานิช รุ่น ๘๘, และยังมีความสัมพันธ์เพิ่มที่ภรรยาของคุณหมอทรงชัยเป็นอาจารย์ภาควิชาวิสัญญี ฯ ที่ศิริราช คือ รศ. พญ. วรรณา ศรีโรจนกุล จึงมีความสัมพันธ์กับสาวน้อยในฐานะหมอดมยาด้วยกัน และ อ. หมอวรรณา ยังสนิทกับผมในฐานะที่เคยเป็นประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง ในช่วงที่ผมเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล และผมยกย่องท่านมาก ที่แสดงบทบาทเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของมหาวิทยาลัยและประเทศชาติได้อย่างดียิ่ง กลบเสียงของกรรมการสภาฯ ที่เป็นคนในมหาวิทยาลัย และเสนอความเห็นแบบเน้นผลประโยชน์ส่วนกลุ่ม โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ได้อย่างดียิ่ง
ยิ่งกว่านั้น นพ. วิโรจน์ พานิช ยังเคยเป็นลูกศิษย์ นพ. ทรงชัย ในฐานะศัลยแพทย์ด้วยกัน และไปฝึกที่โรงพยาบาลนครปฐมที่ นพ. ทรงชัยเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ ก่อนท่านจะลาออกจากราชการไปเปิดโรงพยาบาลเอกชนของตนเอง คือโรงพยาบาลสนามจันทร์ ซึ่งเครือโรงพยาบาลกรุงเทพมาซื้อด้วยเงินสูงลิ่วในภายหลัง แต่ก็ยังให้ท่านบริหารต่อไป
สาระของเรื่องที่ท่านเล่าในช่วงเวลาเกือบสองชั่วโมงมีมากมายหลายด้าน แต่ที่จะนำมาแลกเปลี่ยนคือเรื่องกิจการธุรกิจบริการโต๊ะจีนนครปฐม
เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว ผมไปงานแต่งงานหลานชาย (ลูกของ นพ. วิชัย พานิช) ที่เชียงราย งานเลี้ยงเป็นโต๊ะจีนอาหารทะเลจากนครปฐม ผมยังประทับใจในคุณภาพของโต๊ะจีนนครปฐมจนวันนี้ และประทับใจว่า เขารับงานไกลถึงเชียงราย นพ. ทรงชัยบอกว่า ธุรกิจโต๊ะจีนนครปฐมรับจัดไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่นลาว กัมพูชา แต่เจ้าภาพของงานมักต้องเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะการนำอาหารข้ามประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย
ท่านบอกว่า ธุรกิจที่ทำรายได้ให้จังหวัดนครปฐมปีละกว่าแสนล้านบาทคือกล้วยไม้
กลับมาที่ธุรกิจโต๊ะจีน คุณหมอทรงชัยบอกว่า ธุรกิจโต๊ะจีนที่นครปฐมมีกว่า ๒๐๐ ราย สมัยก่อนแข่งขันกันโดยตัดราคา สมัยที่ท่านเป็นประธานหอการค้าจังหวัดนครปฐม ได้เชิญผู้ประกอบการโต๊ะจีนมาคุยกัน ว่าการแข่งขันกันด้วยวิธีตัดราคาเป็นเส้นทางสู่ความตาย ต้องแข่งกันด้วยคุณภาพ ท่านจึงจัดให้มีโต๊ะจีน ๓ ระดับราคา ผมจำตัวเลขได้ไม่แม่น ขอสมมติว่า ราคา ๑,๕๐๐ - ๓,๐๐๐, ๓,๐๐๐ - ๕,๐๐๐, และ ๕,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ แล้วเมื่อมีงานฉลองพระปฐมเจดีย์ หอการค้าจัดโต๊ะจีนให้คนมาซื้อ แล้วให้ลูกค้าให้คะแนนความพึงพอใจในคุณภาพอาหารแต่ละเจ้า
ท่านเล่าเรื่องการจัดการคุณภาพธุรกิจโต๊ะจีนนครปฐมมากกว่านี้ แต่ผมจำไม่ค่อยได้ แต่พอจะสรุปได้ว่า หอการค้านครปฐมในสมัยที่ท่านเป็นประธาน ได้จัดการความเข้มแข็งยั่งยืนของธุรกิจโต๊ะจีน ด้วยการเน้นคุณภาพ ไม่ใช่เน้นการแข่งขันโดยการตัดราคากัน
ที่นี้ก็มาถึงประเด็นตามชื่อบันทึก ท่านเล่าว่าตอนนี้ธุรกิจโต๊ะจีนกำลังเฟื่องฟู เจ้าของกิจการมาบอกท่านว่า หากต้องการใช้บริการต้องบอกแต่เนิ่นๆ เพราะตอนนี้งานชุก มีการจองเข้ามามาก เพราะเป็นช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จะมีงานเลี้ยงมาก
นพ. ทรงชัย บอกว่า ธุรกิจที่เฝ้ารอการหาเสียงเลือกตั้งคือธุรกิจทำป้ายหาเสียง และธุรกิจรถแห่โฆษณา
ทำให้ผม ผู้เป็นละอ่อนทางการเมือง ตาสว่าง ว่าสรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์กัน หรือเป็นเหตุปัจจัยส่งผลต่อกันและกัน การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ ชาวบ้านไทยโดยทั่วไปยังต้องการการแจกเงินหรือการเลี้ยงเพื่อหาเสียง ไม่ได้สนใจนโยบายเพื่อความเจริญยั่งยืนระยะยาวของประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเข้าทางธุรกิจโต๊ะจีนนครปฐม ทั้งชาวบ้านและนักธุรกิจแนวนี้จึงชอบการเลือกตั้ง ชอบเพราะผลประโยชน์ระยะสั้นของตน ไม่ใช่เรื่องผลต่อการพัฒนาประเทศส่วนรวมในระยะยาว
การเมืองไทยแนวผลประโยชน์ระยะสั้นส่วนตน จะดำเนินต่อเนื่องไปนานแค่ไหน การบรรลุเป้าหมายประเทศไทย ๔.๐ ก็จะชลอออกไปนานแค่นั้น
วิจารณ์ พานิช
๒๗ ม.ค. ๖๒
ไม่มีความเห็น