ENGLISH Notes


การสื่อสารด้วยการพูด พัฒนาตัวเองตลอดเวลา 

การเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆในสังคม 

มีแต่จะทำให้ผู้คนขาดความเป็นตัวตนของตนเอง 

ประพฤติตน ไปในแนวทางเดียวกันตาม 

ตัวอย่าง เช่นที่เห็นจำเจ จากโฆษณาทางโทรทัศน์ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 

ทั้งการแต่งกาย อาหารการกิน แม้แต่การใช้ความคิด

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังแตกต่าง คือการพูดจาสื่อสาร 

ถึงแม้จะมีแนวความคิดที่คล้ายกัน 

แต่เมื่อแสดงออกเป็นคำพูดหรือการเขียน 

จะแตกต่างตามนิสัยความเคยชินของแต่ละบุคคล 

อันได้อิทธิพลมาจาก ครอบครัว ถิ่นที่อยู่ เพื่อนฝูง 

คนคุ้นเคย สิ่งที่เรียนมา และอาชีพการงาน

 

เราแต่ละคนต่างมีภาษาถิ่นเป็นพื้นฐาน 

ช่วยในการเลือก การใช้ และการออกเสียง 

คำนั้นๆ เรียกว่าเป็น สำเนียงเฉพาะ 

ที่จะแสดงเอกลักษณ์ส่วนตนในการพูดมากกว่าในกิจกรรมอย่างอื่นๆ

 

วิธีการพูดของแต่ละคน บ่งบอกสิ่งต่างๆเกี่ยวกับตน 

มากกว่ากิจกรรมอื่นใด สิ่งที่พูดและวิธีการพูด 

แสดงให้เห็นความฉลาด บุคลิกและลักษณะนิสัย 

ได้มากกว่า ดูจากการแต่งตัว การกินอยู่ การอ่านและการดำรงชีวิต

 

ทุกคนที่รู้ วิธีการอ่านและการเขียน 

เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จที่สำคัญอย่างหนึ่ง 

แต่การอ่านและการเขียน มิใช่ส่วนสำคัญ

ในการจะทำให้ใครก็ตาม อยู่รอดได้อย่างแท้จริง

 

สิ่งสำคัญ คือการสื่อสาร ผ่านทางการส่งสัญญาณทางการพูดกับผู้อื่น

ผู้ที่จะศึกษาเรื่องของการใช้คำให้ถูกต้อง 

จำเป็นต้องสามารถ อ่านและสื่อสารกับผู้อื่นได้อยู่แล้ว

 

คนส่วนมากจะใช้เวลาหลายปี ในวัยเรียน ศึกษาภาษาอังกฤษ 

ด้วยการอ่าน เป็นส่วนใหญ่ น้อยคนจะสนใจ เรียนด้านการเขียนและการพูด

 

การใช้คำพูดโดยไม่ระมัดระวัง หรือไม่ถูกต้องเหมาะสม 

ทำให้ผู้คนเสียโอกาส อาจเสียเงิน หรือเสียเพื่อน ไปก็มาก

ม่มีใครที่เรียนภาษาอังกฤษ จนสามารถอ่านเขียนได้ถูกต้อง 

จะสามารถเลือกใช้คำพูดได้ ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ได้ดีเสมอไป

 

แต่ว่า ทุกคนสามารถ แก้ไข เพื่อสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น

ในการพูดและเขียน ให้เกิดผิดพลาดน้อยลง ด้วยการใส่ใจให้มากขึ้น 

ด้วยการแก้ไข ความผิดพลาดที่ใช้อยู่ด้วยความคุ้นเคยนั้น 

ด้วยความระมัดระวังที่จะลบมันออกไป จากคำแนะนำในหนังสือนี้

 

ในทุกสถานการณ์ ของการสนทนา 

จุดมุ่งหมาย คือ การเลือกใช้คำ และวลี ที่เหมาะสม ถูกต้อง เข้ากันได้ กับกาละและเทศะ

 

ความเหมาะสมของภาษา กำหนดด้วย 

หัวข้อที่พูด สถานที่ ที่มีการพูดกัน 

และตัวบุคคลและความสัมพันธ์ ของผู้พูดและผู้ฟัง

 

เรา ต้องใช้ภาษาในระดับที่แตกต่าง 

ขึ้นอยู่กับว่า กำลังพูดหรือเขียน 

ให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านและชนิดของโอกาส ที่เกี่ยวข้องขณะนั้น

 

คำที่เราใช้พูดกับเพื่อนร่วมงาน  

อาจไม่เหมาะที่จะใช้สนทนากับคนในครอบครัว กับเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือกับนับบวช

 

คำหรือวลี ที่เหมาะสมกับการใช้เมื่อสักสิบปีก่อน 

อาจล้าสมัย และไม่เหมาะในปัจจุบัน

 

การแสดงออก ที่ถือว่าเหมาะสมในสถานที่หนึ่ง 

อาจไม่เหมาะกับสถานที่อื่น หรือ เมืองอื่น

 

ศัพท์เทคนิค ที่ใช้ในหมู่ช่าง อาจไม่เหมาะที่จะใช้ในการสนทนาทั่วไป

แนวทางดีที่สุด คือเลือกและใช้ คำและการแสดงออก 

ตามตัวอย่างที่เห็นจาก นักพูดเก่งๆ ที่ใช้กันอยู่ในส่วนต่างๆของประเทศในปัจจุบัน

 

หมายถึงว่า คำที่เลือกใช้ จะมีประสิทธิภาพและเหมาะสม 

เมื่อคำนั้น ใช้กันทั่วไปในชาติ ทันสมัย และเชื่อถือได้

 

คำพูด ในระดับ ที่เชื่อถือและใช้ทั่วไป อาจรวมถึง 

คำพูดของคนที่ไร้การศึกษา ถ้อยคำท้องถิ่นกลุ่มน้อย 

คำผิดไวยากรณ์ คำที่เกิดใหม่ และการใช้สำนวนแผลง คำตลาด 

และแม้แต่คำหยาบคายและหยาบโลน

 

คำพูดระดับที่สูงกว่า ใช้ทั่วไประหว่างผู้มีการศึกษาและอบรมดี 

จะเป็นถ้อยคำ ที่ชัดเจน ค่อนข้างกระชับ และถูกไวยากรณ์

 

ทั้งสองระดับ อาจเรียกได้อีกอย่างว่า ระดับต่ำกว่ามาตรฐาน และระดับมาตรฐาน

 

และยังแยกระดับมาตรฐานออกเป็น มาตรฐานไม่เป็นทางการ และมาตรฐานที่เป็นทางการ

 

ลักษณะการทำหน้าที่ของ คำพูด อาจแยกคร่าวๆ ได้สองกลุ่ม 

คือ แบบที่คุ้นเคย และ แบบเป็นทางการ

ความเชื่อที่ว่า ”อะไรก็ได้” ในการใช้ภาษา 

สามารถทำให้เกิดการขายหน้าและเสียหายอย่างมาก

 

เป้าหมายที่ควรทำให้ได้ 

คือความสามารถในการพูดและเขียน 

ที่ทำได้เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าทำด้วยความไม่รู้จริง

และไม่ขวนขวายที่จะแก้ไขสิ่งผิด เป็นแนวคิดที่เป็นอุปสรรคต่อเรื่องนี้

 

นักข่าวนิวยอร์คไทม์ ธีโอดอร์ เอ็ม เบิร์นสตีน กล่าวว่า

ที่แน่ๆ ภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่ กำลังเปลี่ยนแปลงและเติบโต 

ผู้ใช้ทุกคนรู้และเข้าใจ ผลกระทบที่เกิด 

แต่ในการเปลี่ยนแปลงและเติบโต นั้นไม่ควรที่จะได้รับการส่งเสริม 

จากนักเขียนคอลัมน์ซุบซิบหรือนักโฆษณานักวาดการ์ตูนหรือนักพูดออกทีวี 

ตัวมันเองสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างดี 

โดยที่ควรมีการปกป้องมิให้ได้รับอิทธิพลอื่นๆที่จะทำให้มันพัฒนาเร็วเกินไป 

สิ่งที่ต้องการ มิใช่ทำให้มันหยุดแต่ต้องการผู้ที่จะอำนวยให้มันเป็นไปอย่างนุ่มนวลตามที่ควรจะเป็น

 

การใช้คำศัพท์และการแสดงออก อย่างได้ผลดีนั้น

ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ “การใช้อย่างถูกต้อง” เพียงอย่างเดียว 

หากแต่ต้องมีบางสิ่งที่มีค่าเพื่อทำการสื่อสาร 

และสามารถทำได้อย่างง่ายดายและด้วยความมั่นใจ

 

ด้วยการเรียนให้รู้พื้นฐานของการใช้งาน คำนั้นๆได้อย่างดี 

ผู้ใช้ก็สามารถเพ่งความสนใจไปที่ สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อสาร 

โดยที่ไม่ต้องกังวลกับรายละเอียดวิธีการใช้คำนั้นอีก

 

บัญญัติ สี่ ประการที่ควรระลึกไว้และทำให้ได้เสมอ 

เมื่อใช้งานคำต่างๆที่แนะนำ ก็คือ

“กระชับ” ประโยคส่วนใหญ่ไม่ว่าประเภทใดมักใช้ถ้อยคำมากเกิน 

พวกเราทุกคน มักเน้นย้ำความคิด

ด้วยการใช้คำที่คล้ายกันหรือเหมือนกันกล่าวสำทับซ้ำกันอีก 

การพูด ไม่ควรทำแบบห้วนสั้นหรือกำกวม 

แต่ก็ควรที่จะประหยัดถ้อยคำ ทำให้กระชับ

 

“ใช้คำเดิม”

“เจาะจง” ใช้ คำ ที่ให้ความหมายแน่นอน

 

“ปรับเปลี่ยนวิธี” การเลือกใช้คำ ต้องปรับเปลี่ยน ให้เข้ากับสถานการณ์ กับบุคคลที่พูดด้วย

กล่าวอีกอย่าง คือการพูดหรือเขียนนั้น ใช้คำมากเกิดควร

 

สำนวน หรือ อิเดียมแมติค (สำนวนแบบเจ้าของภาษา) 

ภาษากรีก หมายถึง เฉพาะ หรือส่วนตัว แสดงคำแปลที่ไม่มีหลักเกณฑ์พื้นฐานกำหนดไว้

 

การใช้ สำนวน อย่างถูกต้อง ส่วนมาก 

ในความจริงๆ เป็นการใช้ที่ผิดจากตรรกะ หรือละเมิดหลักการพื้นฐานด้านไวยากรณ์

 

ข้อความที่เป็น สำนวน อังกฤษ เป็นการผนวกรวมคำหลายคำ 

เข้าด้วยกัน แล้วทิ้งความหมายเฉพาะของคำนั้นๆ 

ไปเป็นความหมายอื่น ที่ไม่เกี่ยวโยงใกล้ชิดกับคำนั้นๆ

 

วลีสำนวน หลายร้อยคำ มาจากการผนวกรวม 

คำพูดจากส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันโดยไม่มีรูปแบบกำหนดไว้

หมายเลขบันทึก: 660001เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2019 17:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2021 00:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

Very insightful!

To those who think ‘language’ (especially ‘other’ languages) is difficult. I’d say think again of the benefits, of the personal achievement, of the ‘family skill and status’ ( the long term benefits that can flow on for many generations). The other language(s) we learn today can be a ‘family heir loom’ passed on to our children and their children. They will have much easier time with our seemingly difficult learning.

And from my own experience, once we are multi-lingual, we can appreciate other people’s points of view better. We can learn more languages easier. We can learn other disciplines (Sciences, Mathematics, Arts, Design and Technology) easier.

What more can we ask from learning another language?

;-)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท