2.บทความเรื่อง ชีวิต...ความอยู่รอด
เขียนโดย... สอนลอ โสตุกี ( Sonelor Sotouki )
แปลโดย...อุทัย เอกสะพัง ( Uthai Eksaphang )
ความอยู่รอดในความหมายของนักการเงินแล้วหมายความว่า คุณพอมีรายรับในระดับหนึ่งที่พอกันกับรายจ่ายในแต่ละวันของคุณได้เท่านั้น ชีวิตและครอบครัวคุณยังไม่มั่นคง คุณยังมีความเสี่ยงต่อกับการไปก่อหนี้สินและมีความเสี่ยงต่อภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ
ชีวิตที่พออยู่รอดได้เป็นชีวิตที่คุณต้องได้พัฒนาและแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด คุณมีปัญหาทางด้านการเงินหรือไม่..? คุณรู้ได้อย่างไรว่า ทุกวัน ๆ คุณสามารถอยู่รอดได้คุณดูยังไง..? แน่นอน, ทุกคนล้วนแต่มีปัญหาทางด้านการเงิน...แต่ปัญหาของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกัน นักธุรกิจ, เจ้าของบริษัทต่าง ๆ พวกเขาประสบปัญหาทางด้านการเงินคือ ต้นทุนสูง , กำไรน้อย , ขาดทุน , และอื่น ๆ ประชาชน , ชาวนา , พนักงาน , ทหาร , ตำรวจ มีปัญหาเรื่องเงิน คือ : รายรับไม่พอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน , ไม่มีเงินเก็บ , ไม่เงินไปทำธุรกิจและอื่น ๆ เรามีความสามารถที่จะอยู่รอดหรือไม่..? นักการเงินได้คิดค้นอัตราส่วนทางการเงินอย่างหนึ่งขึ้นมาและเรียกชื่อว่า “ อัตราส่วนความอยู่รอด .”
อัตราส่วนความอยู่รอดนี้เป็นอัตราส่วนพื้นฐานแบบง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถเข้าใจและใช้เปรียบเทียบสถานะทางด้านการเงินของตนเอง โดยการดูที่รายรับและรายจ่ายในแต่ละเดือนของตน
รายรับต่อเดือน
อัตราส่วนความอยู่รอด = --------------------
รายจ่ายต่อเดือน
วิธีคิดหาผลของอัตราส่วนดังกล่าวนี้ คือการนำรายรับของคุณในแต่ละเดือนมาหารรายจ่ายประจำเดือนเท่านั้นเอง หมายความว่า เอารายรับมาเปรียบเทียบกันกับรายจ่ายว่า คุณมีรายรับเพียงพอต่อรายจ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือนหรือไม่..? ซึ่งผลของการคิดนี้สามารถอธิบายได้ 3 ระดับ ดังนี้
ผลออกมาถ้ามากกว่า 1
แสดงว่า คุณมีรายรับมากกว่ารายจ่าย คุณมีความสามารถอยู่รอดได้ และคุณมีโอกาสที่สามารถเก็บเงินสะสมไว้ในแต่ละเดือนได้ ถ้าคุณบริหารเงินของคุณได้ดี ยิ่งอัตราส่วนดังกล่าวนี้สูงขึ้น แสดงว่าคุณมีรายรับเพิ่มขึ้นและมีรายจ่ายลดลง คุณจะมีความสามารถเก็บเงินออมได้มากขึ้น
ตัวอย่าง :
ภายในหนึ่งเดือน ถ้าคุณมีรายรับเฉลี่ยเท่ากับ 3,500,000 กีบ และมีรายจ่ายเฉลี่ย 1,500,000 กีบ / เดือน ความสามารถในการอยู่รอดของคุณ คือ
3,500,000 กีบ
อัตราส่วนความอยู่รอด = ---------------------
1,500,000 กีบ
อัตราส่วนความอยู่รอด = 2.33 เท่า
ผลของอัตราส่วนความอยู่รอดคือ 2.33 ซึ่งมากกว่า 1 แสดงว่า คุณมีรายรับมากกว่ารายจ่ายถึง 2.33 เท่า ถ้าคุณมีรายรับแบบนี้สม่ำเสมอถือว่าคุณมีความสามารถอยู่รอดได้ เพราะคุณมีรายรับมากกว่ารายจ่าย
ถ้าผลของอัตราส่วนเท่ากันกับ 1
แสดงว่าคุณพออยู่รอดได้ แต่ไม่สามารถสะสมเงินได้เลย เพราะรายรับของคุณพอดีกับรายจ่ายในแต่ละเดือนเท่านั้น รายรับและรายจ่ายอยู่ระดับเดียวกัน คุณใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ไม่มีเงินสะสม ไม่ได้ไปเที่ยว ไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ในยามเกิดเหตุฉุกเฉิน...คุณมีโอกาสจะสร้างหนี้สินหรือเสี่ยงต่อการที่ไม่สามารถจะเสียค่าใช้จ่ายประจำต่าง ๆ ได้
สุดท้าย ถ้าอัตราส่วนน้อยกว่า 1
แสดงว่า คุณกำลังประสบปัญหาทางการเงินอยู่ คุณไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ถ้าสภาพการเงินของคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไปรายรับของคุณน้อยกว่ารายจ่าย รายรับที่มีจะไม่พอต่อรายจ่ายที่จ่ายในแต่ละเดือน คุณมีโอกาสที่จะไปก่อหนี้ได้สูงและคุณก็จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
ดังนั้น คุณต้องได้หาทางออกให้ไวที่สุดคือคุณต้องหาวิธีการเพื่อให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นหากว่าคุณไม่พร้อมและไม่สามารถมองเห็นช่องทางที่จะสร้างรายได้เพิ่มอีกคุณก็ไปทบทวนตัวเองกันใหม่ว่า รายจ่ายของคุณในแต่ละวันนั้น มีอันไหนที่จ่ายแบบจำเป็นและอันไหนเป็นการจ่ายที่ไม่จำเป็น แล้วให้คุณตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นนั้นออกไปทันที
เมื่อสถานะทางการเงินของคุณยังไม่คล่องตัว คุณก็ควรเลือกที่จะใช้จ่ายเงินระหว่างความอยากได้หรือความอยู่รอด คุณจะมีปัญหาเรื่องความอยู่รอด มีปัญหาการเงิน มีหนี้สินเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคุณใช้จ่ายเงินเพื่อความอยู่รอด ประหยัด อดออม เพื่อเป้าหมายของคุณแล้ว คุณจะไม่ได้รับหลาย ๆ สิ่งที่คุณอยากได้ในตอนนี้
อย่าลืมว่า..!
คนเราสามารถอยู่ได้ด้วยจำนวนเงินที่จำกัด...ลองไปพิจารณาตามอัตราส่วนความอยู่รอดของคุณมาให้ดูเด้อ.
............................................................................................
ปล. ทดสอบแปลภาษาลาว ขอบคุณอาจารย์ภูผา มอบหนังสือเล่มนี้ให้มา ประเทืองปัญญาดีจัง...
ไม่มีความเห็น